ชวนพูดคุยกับคำว่า "เพดานค่าเหนื่อย" ครับ
บทความวิเคราะห์ชวนพูดคุยนี้ ผมจะพยายามไม่ไปอิงถึงทีมอื่นนะครับ
ป้องกันการผิดใจถกเถียงกัน เพราะผมแค่มาชวนพูดคุยกันแค่นั้น
ทีมอื่นอยากพูดคุยว่าพอใจหรือไม่พอใจทีมรักท่านเองในประเด็นนี้
พูดคุยกันได้เลยนะครับ
ผมอยากชวนคุยกับเรื่องเพดานค่าเหนื่อยของนักเตะครับ
ตัวผมเองต้องถามตัวเองก่อนว่า คำว่า "เพดานค่าเหนื่อย" ใครเป็นคนตั้ง
ใครเป็นคนตั้งเพดานค่าเหนื่อยที่ว่านี้ ว่าแพงหรือไม่แพง
แฟนบอล หรือทีมบริหาร
ถ้าแฟนบอลแต่ละคนตั้งกันเอง ก็วิจารณ์กันไป ฟอร์มขึ้นฟอร์มลง เปรียบนักเตะทีมนู้น เปรียบนักเตะคนนั้นคนนี้
ก็ทีมรักเราอ่ะ ทำไมจะวิจารณ์ไม่ได้ล่ะเนอะ ก็ให้กำลังใจไปวิจารณ์กันไป
แต่ในมุมทีมบริหารของทีมล่ะ BOD ทั้ง 6 คนของทีมที่ตัดสินใจร่วมกันล่ะ คิดเหมือนเรารึเปล่า
ในสายอาชีพอื่น เค้าถึงไม่ค่อยเปิดเผยรายได้แต่ละคนในบริษัทหรือองค์กร เพราะมันจะมีความคาดหวังและอคติเกิดขึ้นโดยธรรมชาติมนุษย์ โดยที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ โดยความคาดหวังที่เราสร้างขึ้นต่อคนนั้นๆ กับความคาดหวังของนายจ้าง มันเหมือนกันมั้ย และมีเหตุผลแฝงอะไรอีกมั้ย
ผมลองคิดเล่นๆว่าถ้าซานเชสเล่นและทำประโยชน์ต่อทีมได้พอๆกับแรชฟอร์ดในตอนนี้ ผมจะยังคิดว่าค่าจ้างเค้าแพงอยู่มั้ย และ BOD จะคิดว่าแพงอยู่มั้ย และผจกทีม จะพอใจอยู่มั้ย มันก็น่าคิดนะ
ส่วนตัวผมเดาตัวเองว่าแฟนบอลอย่างผมคงพอใจและเชียร์ต่อแหละ แต่ก็ยังคิดว่าแพงไปอยู่ดี
แต่ลองมาคิดที่มาที่ไปของแต่ละสัญญาสมัยนี้ ค่าฉีกสัญญามันไม่ได้การันตีการโดนดูดนักเตะอย่างสบายใจอีกต่อไป กับความเสี่ยงที่ต้องแบกในฟอร์มของนักเตะในระยะสัญญา 4-5 ปี
การเอาค่าเหนื่อยนักเตะมาเป็นตัวช่วยในการปิดช่องทางการโดนดูดกลายเป็นว่าสำคัญไม่แพ้การเอาค่าเหนื่อยมาเสนอเพื่อดึงดูดนักเตะตอนเริ่มเซ็นต์สัญญากันครั้งแรกเลย
ว่าด้วยการต่อสัญญานักเตะในสมัยนี้จึงมีรายละเอียดมากขึ้น การวิเคราะห์การเติบโต หรือมัดใจนักเตะมากขึ้น แต่ก็แน่นอนครับ ที่ติดตามรายละเอียดมาด้วยนั่นก็คือความเสี่ยงนั่นเอง รายละเอียดเยอะ เงินเยอะ ความเสี่ยงก็สูง
ซานเชสเป็นกรณีศึกษาที่ดีของทีมเลย โดยแมนฯยูฯพยายามจะลงตลาดและทำธุรกิจในแบบเก๋าเกม ใจถึง กล้าได้กล้าเสีย เพื่อ "กลับมายิ่งใหญ่" โดยไว
และพอผิดพลาด ก็ถูกวิจารณ์ไปก็สมเหตุสมผลในตัวของมันเองแล้ว พูดภาษาชาวบ้านเลยก็คือ สมควรโดน
แต่ผมกลับมีจุดที่ชอบอยู่บ้างแหะ มันได้เห็นว่าทีมยังไม่พร้อมจะอ่อนแอ ยังไม่พร้อมจะยอมแพ้พายุแห่งเงินตราและการเปลี่ยนถ่ายความสำเร็จ ทีมแสดงให้เห็นว่ายังเอานะเว้ย พร้อมที่จะทำอะไรก็ตามให้วงการฟุตบอลได้รู้ว่าพยายามอยู่นะ
ตอนปีมอยส์เข้ามาทำผลงานตราตรึงนั้น มูลค่าทีมตกลงไปอยู่ที่สี่ ทั้งที่เป็นที่หนึ่งมายาวนาน แต่ก็กลับมาเป็นที่หนึ่งทันทีในปีฟานกัลทั้งที่ไม่มีแชมป์ใหญ่ และก็อย่างที่เห็นว่าเราละลายเงินทิ้งน้ำไปเยอะซะด้วย (ปัจจุบันอันดับสาม)
มันทำให้เห็นถึงความพยายามเหมือนกันนะ
ถึงจะสะเประสะประไปบ้าง แต่ก็เห็นว่าพยายามจะทำอะไร
ผมมองว่าตอนนี้ แผลต่างๆมันกำลังถูกรักษาและเรียนรู้ไปในตัวนะครับ
เรื่องค่าเหนื่อยและค่าตัวนักเตะ มันถึงตัดสินใจยากมากๆกว่าแต่ละดีลจะเกิดขึ้นได้ และถึงแม้การนำเข้านักเตะบนความใว้ใจของเป้าหมายผจก.ทีม ทีมบริหารแต่ละคนคงครุ่นคิดกันหนักทุกคนในการอนุมัติไม่ไช่แค่เอ็ดคนเดียว
ตอนนี้ก็หวังจากทีมว่าการทำตัวเก๋าเกม ใจถึง กล้าได้กล้าเสียจะถูกเรียนรู้และไตร่ตรองให้ดีมากพอ ที่จะไม่ผิดพลาดอีก หรือแม้แต่ถ้าผิดพลาดได้บ้าง ผลกระทบมันจะไม่เยอะเหมือนกรณีซานเชสอีกก็พอ
เพราะทีมบริหารและแฟนบอลก็คงอยากเห็นสิ่งเดียวกัน ก็คือทีมกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม
ข้อมูลผิดพลาดประการใดขอโทษด้วยนะครับ
พูดคุยทักท้วงได้ครับผม