**คำเตือน- gifเยอะ (เหมือนเดิม)
--เกริ่น--
ต้องบอกไว้ก่อนว่า อีตาคนเขียนที่ผมหยิบมาแปลเนี่ย เขาเป็นสายวิจารณ์
ก่อนหน้านี้เขาก็เคย วิเคราะห์การเล่นของเปเรร่า ซึ่งผมก็เคยแปลมาลงแล้ว
ในกระทู้ >>
[วิเคราะห์] เปเรร่า กากยังไง? ทำไมแฟนแมนยูจึงด่า?
ดังนั้น กระทู้นี้ อาจจะมีบางส่วนที่ขัดใจfcของแมคโทมิเนย์บ้าง ก็ต้องขออภัย
--เริ่มกันเลย---
วันนี้เราจะมาพูดกันถึงบทบาทของแมคโทมิเนย์ที่มีต่อทีม
อะไรที่เขาสามารถนำมาสู่ทีม และอะไรที่เขานำออกไปจากทีม
ผมมักพูดเสมอว่า "แมคโทมิเนย์"เป็นนักเตะที่คุณควรจะมีในทีมsquad
เขาเป็นนักเตะที่มีประโยชน์ในบางเกม และอาจไร้ประโยชน์ในบางเกม
เมื่อไหร่ที่เขาถูกใช้ผิดเกม มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ทันที
แมคโทมิเนย์ เป็นมิดฟิล์ดที่ใช้ความได้เปรียบทางร่างกายได้อย่างยอดเยี่ยม
เขามีทั้งความเร็วและพละกำลัง เขาสามารถใช้คุณสมบัติเหล่านี้ในการเก็บกวาดพื้นที่ในแดนกลาง
เขาคือตัวก่อกวนชั้นยอด
เวลาที่แมนยูไม่ได้เป็นฝ่ายครองบอล
มันเป็นเรื่องที่ดี ที่มีคนคอยเกะกะหรือคอยทำลายเกมรุกของคู่แข่งให้
แต่ถ้าหากแมนยูเป็นฝ่ายครองบอล
ทักษะทางด้านฟุตบอลคือสิ่งที่ทีมต้องการจากแมคโทมิเนย์
หากย้อนกลับไปดูสถิติที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่แมคโทมิเนย์ลงเล่นเป็นตัวจริง
และแมนยูมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลมากกว่า55%
แมนยูจะมีโอกาสชนะ แค่ 1.0 point per match
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาไม่ได้ลง แมนยูจะเก็บเพิ่มได้เป็น 2.3 point per match
*ค่า Point per match คือ ค่าหยาบๆที่ใช้บอกว่า นักเตะคนนึงมีอิทธิพลต่อชัยชนะมากน้อยแค่ไหน
มันอาจจะไม่ค่อยยุติธรรมที่จะตัดสินนักเตะจากค่าดังกล่าว
เพราะมันยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมายที่ทำให้ทีมไม่สามารถเก็บชัยชนะได้
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทีม ประสิทธิที่ภาพของคู่แข่ง และอื่นๆ
แต่ที่น่าสนใจ คือ ตารางด้านล่างนี้
แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าแมคโทมิเนย์ไปจับคู่กับใคร
โอกาสในการทำประตูก็จะน้อยลงไปด้วย
(จับคู่กับเฟรดเหมือนจะดูดีสุด แต่ค่าxGหรือโอกาสได้ประตู แค่1.19เอง)
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไม การมาของบรูโน่ เฟอร์นานเดส
ทำให้แมนยูสามารถยิงประตูได้มากขึ้น และเสียประตูน้อยลง
มันเกี่ยวข้องกับคนที่เล่นกับเขา ซึ่งส่วนใหญ่ ก็คือ เฟรด มาติช และป็อกบา
แต่ถ้าหาก บรูโน่ ลงพร้อมกับแมคโทมิเนย์
โอกาสทำประตูก็จะลดลง รวมถึงการสร้างเกมก็ดูจะดร็อปลงไปด้วย ตามภาพ(ล่าง)
โอเคมันอาจจะไม่แฟร์ เพราะมันเป็นสถิติเมื่อไปจับคู่กับคนโน้นคนนี้
งั้นลองมาดูสถิติส่วนตัวของแมคโทมิเนย์ดูบ้าง
(จากตารางด้านล่าง สถิติส่วนตัวก็ไม่แย่ แมคโทมิเนย์มีสถิติดีกว่ามาติชซะอีก)
แล้วทำไมทีมยิงประตูได้มากกว่าเมื่อมาติชในสนาม
อะไรที่มาติชทำได้ และแมคโทมิเนย์ทำไม่ได้????
แมคโทมิเนย์ไม่ใช่นักเตะที่แย่ เมื่อคุณไปดูนักเตะอย่างเปเรร่า หรือเจสซี่ ลินการ์ด
ที่มักจับบอลแรกพลาด และจ่ายเสียเป็นประจำ
(ต้นฉบับเขาเขียนแบบนี้จริงๆนะครับ โคตรฮา
)
Spoil
McTominay isn’t a visibly bad player.
When you watch Andreas Pereira or Jesse Lingard,
for example, you constantly see misplaced first touches and giveaways.
แมคโทมิเนย์ เป็นนักเตะที่ใจเย็น และมักจะไม่ค่อยทำอะไรที่มันหวือหวาแฟนซี
มันส่งผลให้เกมรุกของแมนยูถูกชะลอให้ช้าลง
โซลชาร์เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า สไตล์การเล่นที่เขาต้องการจากทีมเป็นอย่างไร
“take more risks, be braver,
it doesn’t matter if you lose the ball up there, you can win it back."
"เราต้องกล้าเสี่ยงมากกว่านี้ อย่าไปกลัวการเสียบอล เดี๋ยวเราก็แย่งบอลคืนมาได้" - โซลชาร์บ่นลูกทีมหลังเกมที่พ่ายให้กับลิเวอร์พูล
ในการที่จะเจาะเกมรับได้นั้น คุณจะต้องผ่านบอลให้เร็ว
และคุณต้องการการผ่านบอลระหว่างไลน์ (เช่น แทงบอลจากหลังขึ้นไปหน้า)
ซึ่งเป็นสิ่งที่แมคโทมิเนย์ขาดหาย เขาชอบที่จะส่งบอลไปในแนวขวางมากกว่า
การจ่ายบอลขวางไปมาแบบนี้มันไม่ได้ทำให้เกมรับคู่แข่งเสียกระบวน
แถมยังทำให้คู่แข่งมีเวลาในการเซ็ตเกมรับอีกต่างหาก
การจ่ายให้ชอว์ จังหวะนี้ (ล่าง) เหมือนจะดี
แต่การจ่ายในแนวขวางมันทำให้วัตฟอร์ตสามารถลงไปรับได้ทัน
จังหวะของแมคโทมิเนย์ ก็ไม่ต่างอะไรกับจังหวะนี้ของวิลเฟรด ซาฮา
ในจังหวะสวนกลับ ซาฮาจ่ายบอลขวางไปให้เพื่อน สุดท้ายผู้เล่นแมนยูก็ถอยมาตั้งรับได้ทัน
ก่อนที่จะล็อคดาวน์ เขามีค่าเฉลี่ยในการผ่านบอล แบบprogressive pass
อยู่แค่ 3.78 ครั้งต่อเกม เท่านั้น
ในขณะที่มาติช ทำได้ที่ 5.82 ครั้งต่อเกม
ลองดูจังหวะนี้ พาเลซ เลือกที่จะระวังบรูโน่ กับ ป็อกบา
พวกเขาแทบไม่สนใจเมื่อแมคโทมิเนย์ได้บอล
อีกเหตุผลนึงทีเป็นปัญหาของแมคโทมิเนย์ คือ เขาไม่กล้าพลิกบอล
เขามักเลือกที่จะเล่นแบบเซฟๆ อย่างเช่นจังหวะนี้
เขาส่งบอลกลับให้เดเกอาทันที โอเค มันปลอดภัย แต่ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย
ป็อกบา แสดงให้เราเห็นแล้วว่าการเล่นเสี่ยงหน้าเขตโทษมันอาจจะสร้างหายนะได้
แต่ถ้าคุณต้องการที่จะเซ็ตเกมจากแดนหลัง คุณก็ควรกล้าที่จะพลิกบอลไปข้างหน้า
เช่นจังหวะนี้(ล่าง) ป็อกบารับบอลจากเดเกอา และเปลี่ยนเป็นรุกได้ทันที
อีกจังหวะนึง(ล่าง) เมื่อแมคโทมิเนย์ได้บอล
เมสัน กรีนวู้ด ขยับหาช่องเพื่อที่แมคโทมิเนย์จะสามารถผ่านบอลตัดไลน์มาให้เขาได้
แต่สุดท้าย แมคโทมิเนย์ก็ไม่กล้าพลิกบอล และไม่มองหาเพื่อนข้างหน้าเลย
แม้ว่าจังหวะนั้นเขาแทบไม่ได้ถูกกดดันใดๆเลย
อีกตัวอย่างหนึ่ง (ล่าง)
ป็อกบาอุตส่าห์พลิกบอลขึ้นหน้าได้แล้ว แต่เมื่อฝากบอลให้แมคโทมิเนย์
เขากลับส่งคืนกลับหลังไปในแดนตัวเอง
ในเมื่อเกมตรงกลางสนามไม่สามารถผ่านบอลระหว่างไลน์ไปให้ข้างหน้าได้
ในระยะหลังจะสังเกตเห็นว่า โซลชาร์ใช้การขึ้นเกมจากแดนหลังแทน
โดยหากใครสังเกต เมื่อแมนยูครองบอล พวกเขาจะยืนหลัง3 โดยมีมาติชอยู่ในไลน์ ตามภาพ(ล่าง)
จะเห็นว่า หลังของแมนยู ขณะที่ครองบอลจะประกอบไปด้วย ลินเดอเลิฟ มาติช และแมคไกวร์
และนี่คือคุณสมบัติของมาติช ที่แมคโทมิเนย์ไม่มี นั่นก็คือการผ่านบอลระหว่างไลน์
อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ชมมาติชไปมากกว่านี้ เพราะนี่เป็นกระทู้เกี่ยวกับแมคโทมิเนย์
กลับมาที่แมคโทมิเนย์ แม้ว่าเขาจะจ่ายบอลง่าย เน้นเพลย์เซฟเกือบตลอดทั้งเกม
แต่เมื่อไหร่ที่เขากล้าพอ และเสี่ยงมากขึ้น เขาก็สามารถทำมันได้ดี อย่างเช่นจังหวะนี้เป็นต้น
และจังหวะทำประตูนี้ ก็เช่นกัน
แมนยูในซีซั่นนี้พวกเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
มาร์กซิยาลสามารถปรับตัวเข้ากับตำแหน่งใหม่ได้แล้ว
ในขณะที่เมสัน กรีนวู้ดก็สามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาหลังจากหยุดล็อกดาวน์
และในซีซั่นหน้าพวกเขาอาจจะมีนักเตะอย่างซานโช่ เพิ่มเข้ามาอีก
แต่แมคโทมิเนย์ ก็ยังเป็นแมคโทมิเนย์
เขาจำเป็นต้องรีบพัฒนาตัวเองให้ไว ต้องยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมา
เพื่อก้าวไปขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับทีมให้ได้
ที่มา(แปลจาก):
https://thebusbybabe.sbnation.com/2020/7/22/21328245/manchester-united-tactical-analysis-scott-mctominay-is-having-his-limits-exposed