แค่นี้ตัวนักเตะมันยังโหดขนาดนี้
ถ้าเปิดตลาดผมคิดไม่ออกจะช็อปอีกเท่าไร

ขยายความจากส่วนนี้




ผิดหรือถูกต้องว่าไปตามกฎ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงและสมควรต้องได้รับการลงโทษตามแต่กรณี

สำหรับมุมมองของผมคงต้องวางกรอบไว้แบบนี้ก่อน

ช่วงก่อนวันที่ 16 may 2014 ( วันที่มี settlement agreement ระหว่าง UEFA กับ MCFC เรื่องการลงโทษปรับเงินและลดจำนวนรายชื่อที่ส่ง UCL พร้อมกำหนดเพดานค่าใช้จ่าย 2 ฤดูกาลถัดไป ฯ ) ส่วนนี้คือการทำความเข้าใจเรื่องการบันทึกบัญชีและการลงโทษตาม FFP เนื่องจากการขาดทุนตามข้อกำหนด UEFA
ช่วงวันและเวลาก่อนหน้า จะเกินห้าปี ตาม article 37

May 2014 ถึง May 2016 ยังเป็นช่วงเกี่ยวพันตามข้อกำหนดของ Settlement agreement ในช่วงนี้เองตามรายงานการเงินเดิม MCFC มีผลประกอบการดีขึ้นและไม่ขาดทุนต่อจึงหลุดพ้นข้อจำกัดตามข้อตกลงกับ UEFA และได้รับเงินค่าปรับคืนบางส่วน
ช่วงเวลานี้ ยังไม่เกินเวลาห้าปีตาม article 37

ช่วง May 16 ถึงปัจจุบัน เป็นช่วงที่ MCFC ไม่ติดข้อจำกัดจากกฎ FFP
ช่วงนี้ยังอยู่ในกรอบ Article 37


ข้อกล่าวหาของ CFCB

เริ่มสอบสวนตั้งแต่ต้นปี 2019 ตังนั้นหลังช่วง May 2014 จึงยังอยู่ในช่วงขอบเขตอำนาจของ CFCB ตาม procedural rules governing article 37

มีสองข้อ ( ไม่เคยเห็น final decision report อ้างอิงได้แค่ UEFA statement 14 Feb 2020)

ช่วงเวลาที่กล่าวหา 2012 ถึง 2016

of falsely inflating sponsorship revenues when making submissions as part of the Financial Fair Play (FFP) compliance process; ( น่าจะเป็น article 58 club licensing/FFP : โทษน่าจะแบนสองปี)


of breaching regulations by failing to cooperate in the investigation of the case by the Club Financial Control Body (CFCB).
(Article 56 Club licensing /FFP โทษปรับ 30M euro )



ข้อสังเกต

ข้อกำหนดอายุความ article 37 เป็นข้อกำหนด ของ CFCB/UEFA เอง จะบอกว่าหลุดก็คงกระไรอยู่

ช่วงระยะเวลากล่าวหา คือ 2012 ถึง 2016 ทำไมไม่กล่าวหาช่วง 2014 ถึง 2016 ซึ่งจะไม่ติดข้อจำกัดใดๆเพราะอยู่ในกรอบอำนาจ

ช่วงหลัง 16 may 2014 คือช่วงที่ mcfc ยอมรับการลงโทษจากกฎ FFP ช่วงก่อนหน้าไปแล้วและต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด


คำตัดสินของ CAS

ส่วนสำคัญเกี่ยวกับคำตัดสินและเหตุผลโดยย่อ

Following the hearing, the CAS Panel deliberated and concluded that the decision issued on 14 February 2020 by the Adjudicatory Chamber of the CFCB should be set aside and replaced by the following:
a.) MCFC has contravened Article 56 of the Club Licensing and Financial Fair Play Regulations.
b.) MCFC shall pay a fine of EUR 10,000,000 to the UEFA, within 30 days as from the date of issuance of the arbitral award.

The CAS award emphasized that most of the alleged breaches reported by the Adjudicatory Chamber of the CFCB were either not established or time-barred. As the charges with respect to any dishonest concealment of equity funding were clearly more significant violations than obstructing the CFCB’s investigations, it was not appropriate to impose a ban on participating in UEFA’s club competitions for MCFC’s failure to cooperate with the CFCB’s investigations alone.


However, considering i) the financial resources of MCFC; ii) the importance of the cooperation of clubs in investigations conducted by the CFCB, because of its limited investigative means; and iii) MCFC’s disregard of such principle and its obstruction of the investigations, the CAS Panel found that a significant fine should be imposed on MCFC and considered it appropriate to reduce UEFA’s initial fine by 2/3, i.e. to the amount of EUR 10 million.


ดูทั้งหมดแล้ว ในความเห็นส่วนตัว วิธีการตรวจสอบของ CFCB/UEFA ยังมีความคลุมเครือพอสมควรว่าแนวทางพิจารณาและเหตุผลโดยละเอียดเป็นเช่นไร เนื่องจากไม่เคยเห็นรายงานฉบับเต็มของ CFCB ทั้งหมด ดังนั้นคงต้องรอคำตัดสินฉบับเต็มจาก CAS แทน จึงอาจจะพอเห็นอะไรได้มากกว่านี้

สิ่งที่ต้องตามดูต่อ

1 ช่วงก่อน 16 may 2014 mcfc ปฏิบัติไม่ถูกต้องตาม FFP rules แต่มีการยอมรับโทษไปแล้ว หลังจากนั้นส่วนนี้ได้ปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ (ถึงแม้ไม่สามารถเอาโทษได้แล้วก็ตาม)

2 ช่วงหลัง 16 may 2014 ถึง may 2016 mcfc ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือไม่

3 ช่วง may 2016 ถึงปัจจุบัน ยังคงปฏิบัติถูกต้องตาม FFP หรือไม่

พึงตัดความชอบ ความเกลียด แล้วพิจารณาตามข้อเท็จจริงและเหตุผลอย่างเป็นกลาง ผิดหรือถูกก็ต้องว่าไปตามนั้น ที่เขียนมาทั้งหมดอาจถูกหรือผิดก็ได้เพราะพิจารณาตามข้อมูลที่เห็นเท่านั้น

นานาจิตตัง

ถ้างั้น ถ้าไม่ผิดจริงไม่ใช่แค่ควรออกมาขอโทษครับ แต่ไม่ควรปรับสักแดงเดียวเลยด้วยครับ ผมเห็นด้วยกับมูริญโญ่

แรกเริ่มผมไม่ติดเรื่องที่เอาเงินจากเจ้าของมาลงทุนนะไม่งั้นมันจะไปไล่ทันทีมใหญ่ยังไง

แต่จะมาติดก็ตรงพอพ้นข้อกล่าวหาแล้วเป๊บมาบอกให้คนอื่นขอโทษ

คนทั้งวงการเค้าก็รู้ว่าเรือใบได้เงินมาลงทุนยังไง

แต่ด้วยฝีมือทีมกฎหมายกับความอ่อนด้อยของยูฟ่าทำให้รอดมาได้

แล้วเป๊บดันมาบอกให้คนอื่นขอโทษอันนี้ผมรับไม่ได้

ผมเข้าใจว่าเป๊บไม่เกี่ยวไม่มีส่วนรู้เห็น

แต่ผู้บริหารที่ทำงานมามันทำเรื่องมาแล้วจะมาเรียกร้องให้คนอื่นขอโทษทำไม

ต่อไปนี้มาตรฐาน citi Model คงกลายเป็นเคสตัวอย่างที่สามารถเลี่ยงบาลีความผิดได้แหละ

ถูกต้องที่สุด ไม่ใช่จะสักแต่ว่าจะด่าด่าด่าแต่หลักฐานไม่มี ขนาดศาลยังเอาผิดไม่ได้แม้งก็ได้แต่มโนกันไปเรื่อย

ไม่ผิดแล้วศาลมันปรับเงินทำมะเขืออะไรวะ

ค่าเปิดศาลงี้หรอ 10 ล้าน ผมไปเปิดให้ก็ได้