ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 1064
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jul 14, 2020 23:31
[RE: คุณ Macor ครับจากกระทู้แจกแจงรายได้แมนซิเมื่อคืน จะหายไปจริงๆเหรอครับ]
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
Macor พิมพ์ว่า:
Red_Duckza พิมพ์ว่า:
Macor พิมพ์ว่า:
newredkop พิมพ์ว่า:
Macor พิมพ์ว่า:
vit_bank พิมพ์ว่า:
จากกระทู้นี้ http://www.soccersuck.com/boards/topic/1900903/1

ผมเห็นคุณเอาข้อมูลมาโต้แย้งสมาชิกแล้วพอมีคำถามจากสมาชิกท่านอื่นๆแล้วเงียบหายไป คือคุณมาตั้งกระทู้ด้วยข้อมูลแล้วพอคนอื่นมาแย้งด้วยข้อมูลคุณก็ไม่มาตอบเค้าเลย คือผมอยากให้มาตอบ Top ment หน่อยอ่ะ แค่อันเดียวก็ยังดี

คือกระทู้คุณมันดีเลยนะที่แต่ละคนเอาข้อมูลมาถกกัน ผมเห็นมีแฟนแมนซิอยู่คนนึงมาตามแก้ให้หลายหน้าเลย เชื่อว่ามีหลายคนตามอยู่นะ อยากรู้ว่าสรุปข้อมูล Top ment เค้าแต่ละคนเค้าถามอ่ะมันจริงหรือป่าว เชื่อว่าหลายคนอยากรู้ ผมคนนึงยอมรับว่าอยากรู้ เผื่อผมอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปจริงๆก็ได้ในกรณีของแมนซิ รบกวนขอความกรุณาช่วยกลับมาตอบทีนะ

ถ้าเป็นไปได้เอาข้อมูลมาตบหน้าผมทีว่าตั้งแต่ปี 2011 แมนซิไม่ได้เอาเปรียบทีมอื่นโดยใช้เงินเจ้าของ  


โทษครับ ติดงาน แต่เดี๋ยวค่ำๆมาไล่ตอบให้นะ

แต่ประเด็นที่ผมจะสื่อ “ไม่ใช่ว่าทีมไม่ใช้เงินเจ้าของ” เพราะ etihad เป็น บ ของชีค มันเป็นกระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวาอยู่แล้ว

แต่ว่าจะสื่อว่าที่มาของรายได้ทั้งหมด (เกินกว่าครึ่ง) มีที่มาชัดเจน และไม่ใช่เงินชีคด้วย

ฉะนั้นหลายๆยูสมาตีคลุมพูดว่าเงินเรือทั้งหมดมาจากเงินชีคมันไม่ถูก

เก็ตมั้ยนะ?

 


มันคนละ point กันครับ เจตนาที่ท็อปเม้นเขาจะสื่อคือ รายได้ปุจบันที่ท่านบอกมีที่มาขัดเจนกว่า 90% มันคือ consequence จากเหตุการ์ณที่ ชีคยัดเงินเข้าไปในสโมสรต่างหาก เงินทุนก้อนนั้นทำให้ซิตี้สามารถซื้อผู้เล่นดีๆ อัดฉีดค่าเหนื่อยเยอะๆ จนทีมประสบความสำเร็จ
พอประสบความสำเร็จ แบรนด์มันก็แข็งแกร่งขึ้น รายได้เข้ามากก็เยอะขึ้น. เป็นที่มาของรายได้ที่ชัดเจนที่ท่านกล่าวมานั้นละ

ถ้าถามผมว่า ที่ชีคทำผิดไหม ในเรื่องการลุงทุนก็ไม่ผิดนะ มันก็คือการลงทุนอะ. แต่ผิดในเรื่อง FFP ครับ มันเอาเปรียบทีมอื่น


 


ครับ สื่อคนละประเด็นแค่นั้น

ส่วน FFP เอาอาจริงๆมันมาทีหลังชีคเทคอีก  


มาหลังแล้วไงครับ มีก็เพราะพวกทีมที่มีเจ้าของแบบทีมคุณนี่แหละ เข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดลูกหนัง  


ปั่นป่วนยังไงนะครับ ขอเป็น fact หน่อย
เอาแค่ของเรือนะครับ  





มาครับ เป็น Facts ก็ได้ครับ

ซิตี้เนี่ยเทคโอเวอร์โดย ชีค มานซูร์ วันที่ 23 ก.ย. 2008 ครับ

โดย 7 วันหลังจากนั้น ซิตี้ใช้เงิน 67 ล้านยูโร (ราวๆ 47 ล้านปอนด์) ในการซื้อตัวโรบินโญ่และโช
และ 6 เดือนหลังจากนั้นซิตี้ใช้เงินไปทั้งหมด 157 ล้านยูโร (ราวๆ 109 ล้านปอนด์)
ผ่านไป 12 เดือนซิตี้ใช้เงินไปทั้งหมด 304 ล้านยูโร (213 ล้านปอนด์)

ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2000-06 ซิตี้ไม่มีปีไหนเลยที่ใช้มากกว่า 10 ล้านปอนด์ ในปีแรกของการเทคโอเวอร์ของชีค มานซูร์ ซิตี้ใช้เงินซื้อนักเตะมากกว่าทุกปีรวมกันในพรีเมียร์ลีคของซิตี้ก่อนยุค sugar daddy แล้วครับ



ส่วนคำถามที่ว่าตลาดมันปั่นป่วนยังไง?

เพราะซิตี้กวาดผู้เล่นฝีเท้าดีจากทีมอื่นๆมา โดยการให้เงินที่มากกว่าหลายเท่าตัวเป็นเครื่องมือเร่งการเติบโตของทีม

ภายในเวลา 2-3 ปี ซิตี้ดึงนักเตะจากอาร์เซน่อลไปเกือบครึ่งโหลได้มั้ง โคโล ตูเร่, กาแอล กลิชี่, ซาเมียร์ นาสรี่, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์



นักเตะฝีเท้าดีของทีมระดับกลาง ระดับเล็กโดนดูดไปอีกจำนวนมาก

แกเร็ธ แบรี่ และเจมส์ มิลเนอร์ จากแอสตั้น วิลล่า ในเวลานั้นวิลล่าคือแคนดิเดตท็อป 6
เชย์ กิฟเว่นคือ GK ระดับท็อปในลีค ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นกัปตันหรือรองกัปตันของทีมนิวคาสเซิ่ลด้วย
เคล็ก เบลลามี่, เบนจานี่, โรเก้ ซาตา ครูซ ก็เป็นดาวยิงฝีเท้าดีของทีมเล็กอย่างเวสแฮม ปอร์ทสมัธและแบล็คเบิร์น

นักเตะดาวรุ่งอย่างอดัม จอห์นสัน, แจ็ค ร็อดเวลล์, เยโรม บัวเต็ง, สเตฟาน ซาวิช ต้องย้ายไปนั่งตบยุงกับทีม บางคนก็เสียอนาคตไปเพราะขาดโอกาสลงสนามต่อเนื่อง



ตัวอย่างเหล่านี้ ผมยกมาในช่วง ก่อนปี 2012 ที่จะมีกฏ FFP ขึ้นมา แน่นอนว่ามันย่อมไม่ผิดกฏที่ตั้งมาทีหลัง

แต่ถ้าจะบอกว่ามันไม่ disrupt ฟุตบอลเลย ไม่มีผลกระทบกับทีมอื่นเลย ผมว่าไม่ใช่ครับ

หลายทีมที่โดนผลกระทบเค้าเสียผู้เล่นตัวหลักไป อาร์เซน่อลเป๋ไปเป็น 10 ปี ตอนนี้ยังไม่ได้แชมป์ลีคอีกเลย

วิลล่า นิวคาสเซิ่ล เวสแฮม ปอร์สมัธที่ผมยกตัวอย่างมาก็แย่ถึงขั้นตกชั้นไปเลยก็มี  



เข้าใจมุมมองของท่านครับ

แต่ก็ไม่ใช่ซิตี้ทีมเดียวนี่ครับที่ทำแบบนี้ ที่ผ่านมาก็มี ลิเวอร์พูลช่วงนึงชอบดูดนักเตะเซาท์แทมตัน

การทุ่มเงินแน่นอนเชลซีก็ผ่านการอัดเงินมา หรือแม้แต่การให้ลิเวอร์พูลกู้แบบดอกเบี้ยพิเศษของ FSG
แมนยูเองในอดีตก็เคยผ่านการเกือบล้มละลายช่วงทศวรรศที่ 30 แล้วได้เงินจากนักลงทุนเข้ามา

อันนี้ผมยกตัวอย่างเฉยๆนะ ไม่ได้แซะใดๆ ส่วนตัวไม่เคยมองว่าเรื่องพวกนี้ผิดเลยสักนิด

แล้วทำไมถึงมองว่าสิ่งที่ซิตี้ทำเลวร้ายกว่าสิ่งที่สโมสรอื่นทำครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
โค้ช UEFA PRO-License
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 21945
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jul 14, 2020 23:50
[RE: คุณ Macor ครับจากกระทู้แจกแจงรายได้แมนซิเมื่อคืน จะหายไปจริงๆเหรอครับ]
อย่ากระนั้น พิมพ์ว่า:
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
Macor พิมพ์ว่า:
Red_Duckza พิมพ์ว่า:
Macor พิมพ์ว่า:
newredkop พิมพ์ว่า:
Macor พิมพ์ว่า:
vit_bank พิมพ์ว่า:
จากกระทู้นี้ http://www.soccersuck.com/boards/topic/1900903/1

ผมเห็นคุณเอาข้อมูลมาโต้แย้งสมาชิกแล้วพอมีคำถามจากสมาชิกท่านอื่นๆแล้วเงียบหายไป คือคุณมาตั้งกระทู้ด้วยข้อมูลแล้วพอคนอื่นมาแย้งด้วยข้อมูลคุณก็ไม่มาตอบเค้าเลย คือผมอยากให้มาตอบ Top ment หน่อยอ่ะ แค่อันเดียวก็ยังดี

คือกระทู้คุณมันดีเลยนะที่แต่ละคนเอาข้อมูลมาถกกัน ผมเห็นมีแฟนแมนซิอยู่คนนึงมาตามแก้ให้หลายหน้าเลย เชื่อว่ามีหลายคนตามอยู่นะ อยากรู้ว่าสรุปข้อมูล Top ment เค้าแต่ละคนเค้าถามอ่ะมันจริงหรือป่าว เชื่อว่าหลายคนอยากรู้ ผมคนนึงยอมรับว่าอยากรู้ เผื่อผมอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปจริงๆก็ได้ในกรณีของแมนซิ รบกวนขอความกรุณาช่วยกลับมาตอบทีนะ

ถ้าเป็นไปได้เอาข้อมูลมาตบหน้าผมทีว่าตั้งแต่ปี 2011 แมนซิไม่ได้เอาเปรียบทีมอื่นโดยใช้เงินเจ้าของ  


โทษครับ ติดงาน แต่เดี๋ยวค่ำๆมาไล่ตอบให้นะ

แต่ประเด็นที่ผมจะสื่อ “ไม่ใช่ว่าทีมไม่ใช้เงินเจ้าของ” เพราะ etihad เป็น บ ของชีค มันเป็นกระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวาอยู่แล้ว

แต่ว่าจะสื่อว่าที่มาของรายได้ทั้งหมด (เกินกว่าครึ่ง) มีที่มาชัดเจน และไม่ใช่เงินชีคด้วย

ฉะนั้นหลายๆยูสมาตีคลุมพูดว่าเงินเรือทั้งหมดมาจากเงินชีคมันไม่ถูก

เก็ตมั้ยนะ?

 


มันคนละ point กันครับ เจตนาที่ท็อปเม้นเขาจะสื่อคือ รายได้ปุจบันที่ท่านบอกมีที่มาขัดเจนกว่า 90% มันคือ consequence จากเหตุการ์ณที่ ชีคยัดเงินเข้าไปในสโมสรต่างหาก เงินทุนก้อนนั้นทำให้ซิตี้สามารถซื้อผู้เล่นดีๆ อัดฉีดค่าเหนื่อยเยอะๆ จนทีมประสบความสำเร็จ
พอประสบความสำเร็จ แบรนด์มันก็แข็งแกร่งขึ้น รายได้เข้ามากก็เยอะขึ้น. เป็นที่มาของรายได้ที่ชัดเจนที่ท่านกล่าวมานั้นละ

ถ้าถามผมว่า ที่ชีคทำผิดไหม ในเรื่องการลุงทุนก็ไม่ผิดนะ มันก็คือการลงทุนอะ. แต่ผิดในเรื่อง FFP ครับ มันเอาเปรียบทีมอื่น


 


ครับ สื่อคนละประเด็นแค่นั้น

ส่วน FFP เอาอาจริงๆมันมาทีหลังชีคเทคอีก  


มาหลังแล้วไงครับ มีก็เพราะพวกทีมที่มีเจ้าของแบบทีมคุณนี่แหละ เข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดลูกหนัง  


ปั่นป่วนยังไงนะครับ ขอเป็น fact หน่อย
เอาแค่ของเรือนะครับ  





มาครับ เป็น Facts ก็ได้ครับ

ซิตี้เนี่ยเทคโอเวอร์โดย ชีค มานซูร์ วันที่ 23 ก.ย. 2008 ครับ

โดย 7 วันหลังจากนั้น ซิตี้ใช้เงิน 67 ล้านยูโร (ราวๆ 47 ล้านปอนด์) ในการซื้อตัวโรบินโญ่และโช
และ 6 เดือนหลังจากนั้นซิตี้ใช้เงินไปทั้งหมด 157 ล้านยูโร (ราวๆ 109 ล้านปอนด์)
ผ่านไป 12 เดือนซิตี้ใช้เงินไปทั้งหมด 304 ล้านยูโร (213 ล้านปอนด์)

ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2000-06 ซิตี้ไม่มีปีไหนเลยที่ใช้มากกว่า 10 ล้านปอนด์ ในปีแรกของการเทคโอเวอร์ของชีค มานซูร์ ซิตี้ใช้เงินซื้อนักเตะมากกว่าทุกปีรวมกันในพรีเมียร์ลีคของซิตี้ก่อนยุค sugar daddy แล้วครับ



ส่วนคำถามที่ว่าตลาดมันปั่นป่วนยังไง?

เพราะซิตี้กวาดผู้เล่นฝีเท้าดีจากทีมอื่นๆมา โดยการให้เงินที่มากกว่าหลายเท่าตัวเป็นเครื่องมือเร่งการเติบโตของทีม

ภายในเวลา 2-3 ปี ซิตี้ดึงนักเตะจากอาร์เซน่อลไปเกือบครึ่งโหลได้มั้ง โคโล ตูเร่, กาแอล กลิชี่, ซาเมียร์ นาสรี่, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์



นักเตะฝีเท้าดีของทีมระดับกลาง ระดับเล็กโดนดูดไปอีกจำนวนมาก

แกเร็ธ แบรี่ และเจมส์ มิลเนอร์ จากแอสตั้น วิลล่า ในเวลานั้นวิลล่าคือแคนดิเดตท็อป 6
เชย์ กิฟเว่นคือ GK ระดับท็อปในลีค ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นกัปตันหรือรองกัปตันของทีมนิวคาสเซิ่ลด้วย
เคล็ก เบลลามี่, เบนจานี่, โรเก้ ซาตา ครูซ ก็เป็นดาวยิงฝีเท้าดีของทีมเล็กอย่างเวสแฮม ปอร์ทสมัธและแบล็คเบิร์น

นักเตะดาวรุ่งอย่างอดัม จอห์นสัน, แจ็ค ร็อดเวลล์, เยโรม บัวเต็ง, สเตฟาน ซาวิช ต้องย้ายไปนั่งตบยุงกับทีม บางคนก็เสียอนาคตไปเพราะขาดโอกาสลงสนามต่อเนื่อง



ตัวอย่างเหล่านี้ ผมยกมาในช่วง ก่อนปี 2012 ที่จะมีกฏ FFP ขึ้นมา แน่นอนว่ามันย่อมไม่ผิดกฏที่ตั้งมาทีหลัง

แต่ถ้าจะบอกว่ามันไม่ disrupt ฟุตบอลเลย ไม่มีผลกระทบกับทีมอื่นเลย ผมว่าไม่ใช่ครับ

หลายทีมที่โดนผลกระทบเค้าเสียผู้เล่นตัวหลักไป อาร์เซน่อลเป๋ไปเป็น 10 ปี ตอนนี้ยังไม่ได้แชมป์ลีคอีกเลย

วิลล่า นิวคาสเซิ่ล เวสแฮม ปอร์สมัธที่ผมยกตัวอย่างมาก็แย่ถึงขั้นตกชั้นไปเลยก็มี  



เข้าใจมุมมองของท่านครับ

แต่ก็ไม่ใช่ซิตี้ทีมเดียวนี่ครับที่ทำแบบนี้ ที่ผ่านมาก็มี ลิเวอร์พูลช่วงนึงชอบดูดนักเตะเซาท์แทมตัน

การทุ่มเงินแน่นอนเชลซีก็ผ่านการอัดเงินมา หรือแม้แต่การให้ลิเวอร์พูลกู้แบบดอกเบี้ยพิเศษของ FSG
แมนยูเองในอดีตก็เคยผ่านการเกือบล้มละลายช่วงทศวรรศที่ 30 แล้วได้เงินจากนักลงทุนเข้ามา

อันนี้ผมยกตัวอย่างเฉยๆนะ ไม่ได้แซะใดๆ ส่วนตัวไม่เคยมองว่าเรื่องพวกนี้ผิดเลยสักนิด

แล้วทำไมถึงมองว่าสิ่งที่ซิตี้ทำเลวร้ายกว่าสิ่งที่สโมสรอื่นทำครับ  





เรื่องแรกก่อนนะครับ อย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเลวร้ายอะไรขนาดนั้น

ในช่วงราวๆปี 2005-06 ผมยังรู้สึกโมโหกับเชลซีมากกว่าอีก (แต่ไม่ใช่เรื่องกว้านซื้อนักเตะ เป็นเรื่องของปีเตอร์ เคนย่อนและปินี่ ซาฮาวี่)

พอเวลาผ่านไปผมก็ยอมรับได้ไปแล้วว่ามันเป็นหนึ่งในหนทางสร้างทีม สิ่งที่โรมัน อบราโมวิชทำเป็นโมเดลหนึ่งในธุรกิจฟุตบอลเลย



อีกประเด็น ผมพูดถึงผลกระทบต่อฟุตบอลเฉยๆครับ ถ้าบอกว่าระบบ sugar daddy มันไม่มีส่งผลกระทบ ตรงนี้ผมไม่เห็นด้วย เพราะมันส่งผลกระทบแน่ๆ เหมือนที่ผมยกตัวอย่างด้านบนไป



ผมไม่ได้มีอคติต่อซิตี้หรือท่าน macor หรือ แฟนซิตี้คนอื่นๆ ผมพูดถึงในสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริงๆ

เมื่อวานผมก็แย้งท่าน macor เพราะประเด็นที่ยกว่าซิตี้โตมาด้วยการบริหารธุรกิจ ซึ่งมองจากคนนอกแล้ว ยังไงมันไม่ใช่แน่ๆ ถ้าตรงนี้ไม่จริงก็แย้งผมกลับได้ จะได้ไม่ติดใจกัน ผมอาจจะได้รับรู้ข้อเท็จจริงด้วยซ้ำ
แก้ไขล่าสุดโดย Shiroyasha เมื่อ Tue Jul 14, 2020 23:56, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 1064
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jul 15, 2020 01:06
[RE: คุณ Macor ครับจากกระทู้แจกแจงรายได้แมนซิเมื่อคืน จะหายไปจริงๆเหรอครับ]
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
อย่ากระนั้น พิมพ์ว่า:
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
Macor พิมพ์ว่า:
Red_Duckza พิมพ์ว่า:
Macor พิมพ์ว่า:
newredkop พิมพ์ว่า:
Macor พิมพ์ว่า:
vit_bank พิมพ์ว่า:
จากกระทู้นี้ http://www.soccersuck.com/boards/topic/1900903/1

ผมเห็นคุณเอาข้อมูลมาโต้แย้งสมาชิกแล้วพอมีคำถามจากสมาชิกท่านอื่นๆแล้วเงียบหายไป คือคุณมาตั้งกระทู้ด้วยข้อมูลแล้วพอคนอื่นมาแย้งด้วยข้อมูลคุณก็ไม่มาตอบเค้าเลย คือผมอยากให้มาตอบ Top ment หน่อยอ่ะ แค่อันเดียวก็ยังดี

คือกระทู้คุณมันดีเลยนะที่แต่ละคนเอาข้อมูลมาถกกัน ผมเห็นมีแฟนแมนซิอยู่คนนึงมาตามแก้ให้หลายหน้าเลย เชื่อว่ามีหลายคนตามอยู่นะ อยากรู้ว่าสรุปข้อมูล Top ment เค้าแต่ละคนเค้าถามอ่ะมันจริงหรือป่าว เชื่อว่าหลายคนอยากรู้ ผมคนนึงยอมรับว่าอยากรู้ เผื่อผมอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปจริงๆก็ได้ในกรณีของแมนซิ รบกวนขอความกรุณาช่วยกลับมาตอบทีนะ

ถ้าเป็นไปได้เอาข้อมูลมาตบหน้าผมทีว่าตั้งแต่ปี 2011 แมนซิไม่ได้เอาเปรียบทีมอื่นโดยใช้เงินเจ้าของ  


โทษครับ ติดงาน แต่เดี๋ยวค่ำๆมาไล่ตอบให้นะ

แต่ประเด็นที่ผมจะสื่อ “ไม่ใช่ว่าทีมไม่ใช้เงินเจ้าของ” เพราะ etihad เป็น บ ของชีค มันเป็นกระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวาอยู่แล้ว

แต่ว่าจะสื่อว่าที่มาของรายได้ทั้งหมด (เกินกว่าครึ่ง) มีที่มาชัดเจน และไม่ใช่เงินชีคด้วย

ฉะนั้นหลายๆยูสมาตีคลุมพูดว่าเงินเรือทั้งหมดมาจากเงินชีคมันไม่ถูก

เก็ตมั้ยนะ?

 


มันคนละ point กันครับ เจตนาที่ท็อปเม้นเขาจะสื่อคือ รายได้ปุจบันที่ท่านบอกมีที่มาขัดเจนกว่า 90% มันคือ consequence จากเหตุการ์ณที่ ชีคยัดเงินเข้าไปในสโมสรต่างหาก เงินทุนก้อนนั้นทำให้ซิตี้สามารถซื้อผู้เล่นดีๆ อัดฉีดค่าเหนื่อยเยอะๆ จนทีมประสบความสำเร็จ
พอประสบความสำเร็จ แบรนด์มันก็แข็งแกร่งขึ้น รายได้เข้ามากก็เยอะขึ้น. เป็นที่มาของรายได้ที่ชัดเจนที่ท่านกล่าวมานั้นละ

ถ้าถามผมว่า ที่ชีคทำผิดไหม ในเรื่องการลุงทุนก็ไม่ผิดนะ มันก็คือการลงทุนอะ. แต่ผิดในเรื่อง FFP ครับ มันเอาเปรียบทีมอื่น


 


ครับ สื่อคนละประเด็นแค่นั้น

ส่วน FFP เอาอาจริงๆมันมาทีหลังชีคเทคอีก  


มาหลังแล้วไงครับ มีก็เพราะพวกทีมที่มีเจ้าของแบบทีมคุณนี่แหละ เข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดลูกหนัง  


ปั่นป่วนยังไงนะครับ ขอเป็น fact หน่อย
เอาแค่ของเรือนะครับ  





มาครับ เป็น Facts ก็ได้ครับ

ซิตี้เนี่ยเทคโอเวอร์โดย ชีค มานซูร์ วันที่ 23 ก.ย. 2008 ครับ

โดย 7 วันหลังจากนั้น ซิตี้ใช้เงิน 67 ล้านยูโร (ราวๆ 47 ล้านปอนด์) ในการซื้อตัวโรบินโญ่และโช
และ 6 เดือนหลังจากนั้นซิตี้ใช้เงินไปทั้งหมด 157 ล้านยูโร (ราวๆ 109 ล้านปอนด์)
ผ่านไป 12 เดือนซิตี้ใช้เงินไปทั้งหมด 304 ล้านยูโร (213 ล้านปอนด์)

ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2000-06 ซิตี้ไม่มีปีไหนเลยที่ใช้มากกว่า 10 ล้านปอนด์ ในปีแรกของการเทคโอเวอร์ของชีค มานซูร์ ซิตี้ใช้เงินซื้อนักเตะมากกว่าทุกปีรวมกันในพรีเมียร์ลีคของซิตี้ก่อนยุค sugar daddy แล้วครับ



ส่วนคำถามที่ว่าตลาดมันปั่นป่วนยังไง?

เพราะซิตี้กวาดผู้เล่นฝีเท้าดีจากทีมอื่นๆมา โดยการให้เงินที่มากกว่าหลายเท่าตัวเป็นเครื่องมือเร่งการเติบโตของทีม

ภายในเวลา 2-3 ปี ซิตี้ดึงนักเตะจากอาร์เซน่อลไปเกือบครึ่งโหลได้มั้ง โคโล ตูเร่, กาแอล กลิชี่, ซาเมียร์ นาสรี่, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์



นักเตะฝีเท้าดีของทีมระดับกลาง ระดับเล็กโดนดูดไปอีกจำนวนมาก

แกเร็ธ แบรี่ และเจมส์ มิลเนอร์ จากแอสตั้น วิลล่า ในเวลานั้นวิลล่าคือแคนดิเดตท็อป 6
เชย์ กิฟเว่นคือ GK ระดับท็อปในลีค ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นกัปตันหรือรองกัปตันของทีมนิวคาสเซิ่ลด้วย
เคล็ก เบลลามี่, เบนจานี่, โรเก้ ซาตา ครูซ ก็เป็นดาวยิงฝีเท้าดีของทีมเล็กอย่างเวสแฮม ปอร์ทสมัธและแบล็คเบิร์น

นักเตะดาวรุ่งอย่างอดัม จอห์นสัน, แจ็ค ร็อดเวลล์, เยโรม บัวเต็ง, สเตฟาน ซาวิช ต้องย้ายไปนั่งตบยุงกับทีม บางคนก็เสียอนาคตไปเพราะขาดโอกาสลงสนามต่อเนื่อง



ตัวอย่างเหล่านี้ ผมยกมาในช่วง ก่อนปี 2012 ที่จะมีกฏ FFP ขึ้นมา แน่นอนว่ามันย่อมไม่ผิดกฏที่ตั้งมาทีหลัง

แต่ถ้าจะบอกว่ามันไม่ disrupt ฟุตบอลเลย ไม่มีผลกระทบกับทีมอื่นเลย ผมว่าไม่ใช่ครับ

หลายทีมที่โดนผลกระทบเค้าเสียผู้เล่นตัวหลักไป อาร์เซน่อลเป๋ไปเป็น 10 ปี ตอนนี้ยังไม่ได้แชมป์ลีคอีกเลย

วิลล่า นิวคาสเซิ่ล เวสแฮม ปอร์สมัธที่ผมยกตัวอย่างมาก็แย่ถึงขั้นตกชั้นไปเลยก็มี  



เข้าใจมุมมองของท่านครับ

แต่ก็ไม่ใช่ซิตี้ทีมเดียวนี่ครับที่ทำแบบนี้ ที่ผ่านมาก็มี ลิเวอร์พูลช่วงนึงชอบดูดนักเตะเซาท์แทมตัน

การทุ่มเงินแน่นอนเชลซีก็ผ่านการอัดเงินมา หรือแม้แต่การให้ลิเวอร์พูลกู้แบบดอกเบี้ยพิเศษของ FSG
แมนยูเองในอดีตก็เคยผ่านการเกือบล้มละลายช่วงทศวรรศที่ 30 แล้วได้เงินจากนักลงทุนเข้ามา

อันนี้ผมยกตัวอย่างเฉยๆนะ ไม่ได้แซะใดๆ ส่วนตัวไม่เคยมองว่าเรื่องพวกนี้ผิดเลยสักนิด

แล้วทำไมถึงมองว่าสิ่งที่ซิตี้ทำเลวร้ายกว่าสิ่งที่สโมสรอื่นทำครับ  





เรื่องแรกก่อนนะครับ อย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเลวร้ายอะไรขนาดนั้น

ในช่วงราวๆปี 2005-06 ผมยังรู้สึกโมโหกับเชลซีมากกว่าอีก (แต่ไม่ใช่เรื่องกว้านซื้อนักเตะ เป็นเรื่องของปีเตอร์ เคนย่อนและปินี่ ซาฮาวี่)

พอเวลาผ่านไปผมก็ยอมรับได้ไปแล้วว่ามันเป็นหนึ่งในหนทางสร้างทีม สิ่งที่โรมัน อบราโมวิชทำเป็นโมเดลหนึ่งในธุรกิจฟุตบอลเลย



อีกประเด็น ผมพูดถึงผลกระทบต่อฟุตบอลเฉยๆครับ ถ้าบอกว่าระบบ sugar daddy มันไม่มีส่งผลกระทบ ตรงนี้ผมไม่เห็นด้วย เพราะมันส่งผลกระทบแน่ๆ เหมือนที่ผมยกตัวอย่างด้านบนไป



ผมไม่ได้มีอคติต่อซิตี้หรือท่าน macor หรือ แฟนซิตี้คนอื่นๆ ผมพูดถึงในสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริงๆ

เมื่อวานผมก็แย้งท่าน macor เพราะประเด็นที่ยกว่าซิตี้โตมาด้วยการบริหารธุรกิจ ซึ่งมองจากคนนอกแล้ว ยังไงมันไม่ใช่แน่ๆ ถ้าตรงนี้ไม่จริงก็แย้งผมกลับได้ จะได้ไม่ติดใจกัน ผมอาจจะได้รับรู้ข้อเท็จจริงด้วยซ้ำ  


อย่างนี้ผมว่า เราคิดคล้ายกัน
ผมขอไป quote ตอบเม้นของท่านในกระทู้นู้นนะครับ
คนเรียกร้องมาเยอะเหลือเกิน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะตำบล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Aug 2006
ตอบ: 441
ที่อยู่: City of Manchester Stadium
โพสเมื่อ: Wed Jul 15, 2020 08:43
[RE]คุณ Macor ครับจากกระทู้แจกแจงรายได้แมนซิเมื่อคืน จะหายไปจริงๆเหรอครับ
vit_bank พิมพ์ว่า:
bankook พิมพ์ว่า:
เพิ่งมาเห็น ท่าน warhammer อย่าไปเสียเวลากับแฟนหงส์ที่ชื่อ vit_bank เลยครับ ผมเคยเถียงด้วยหลายรอบละ เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลสุดๆ แขวะคนอื่นด้วยแฮชแท็ก #เชิญภูมิใจไปเถอะ อยู่นั่นแหละ

บอร์ดนี้แฟนหงส์ดีๆเยอะมากนะ แต่ vit_bank นี่กระจอกกว่าอีแอบแบบไปเมากันซะอีก  


อีแอบมาแขวะแบบนายอะหรอ ที่นายทำอยู่เนี่ยแหล่ะเค้าเรียกอีแอบ อยากแขวะอยากอะไรตรงๆพิมพ์มาได้เลย ขอให้ภูมิใจในทีมที่เชียร์แล้วกัน โกงจนเก่งกับสร้างจนเก่งมันต่างกัน #ไร้คลาส  


ก็แขวะตรงๆอยู่นี่ไง พิมพ์อยู่โต้งๆ เข้าใจอะไรตรงไหนผิดเนี่ย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
City Till I Die!!
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel