คิดไวทำไว! 'สิงห์' เปลี่ยน 3 พักครึ่ง 'พลิกเกม' ดับจิ้งจอก 1-0 ลิ่ว FA CUP
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
แฟรงค์ แลมพาร์ด คิดไวทำไว กล้าเปลี่ยน 3 ตัวรวดตอนพักครึ่ง ช่วยยกระดับเกมเชลซี ให้กลับมาทำได้ดีในครึ่งหลัง จนได้ประตูชัยจากรอสส์ บาร์คลี่ย์ หนึ่งในตัวสำรอง นาที 63 พาทีมสิงห์เบียดชนะเลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ
เลสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-5-1
26.
เดนนิส ปราต

57'
6.5
15.
ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์

76'
6
17.
อโยเซ่ เปเรซ

57'
6.5
ตัวสำรอง
11.
มาร์ค อัลไบรท์ตัน

57'
6.5
7.
เดมาราย เกรย์

76'
6.5
20.
ฮัมซ่า ชูดูรี่

57'
6
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ
สนาม คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม
วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2463
กรรมการ ไมค์ ดีน
เลสเตอร์ ซิตี้
0
1
เชลซี
เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 3 ในลีก หลังกลับมาจากโควิด ผลงานยังไม่ค่อยเข้าตานัก เสมอในลีกมาทั้ง 2 นัด ขณะที่เชลซี อยู่อันดับ 4 ผลงานยอดเยี่ยมชนะมาทั้ง 2 นัด
นัดนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด จัดทีมแบบโรเตชั่น ให้โอกาสแข้งดาวรุ่งอย่าง บิลลี่ กิลมอร์ และ รีส เจมส์ ได้มีโอกาสลงหาประสบการณ์ ส่วนเจ้าถิ่นมาเต็มสูบ ทั้งเจมี่ วาร์ดี้, เบน ชิลเวลล์, อโยเซ่ เปเรซ, ยูริ ทีเลอม็องส์ ขาดไปก็แค่ เจมส์ แมดดิสัน ที่บาดเจ็บ
กิลมอร์พลาดเกือบทำทีมเสียประตูเร็ว
นาทีแรก แฟนเชลซีก็ได้เสียวหัวใจก่อนเลย จังหวะกิลมอร์จ่ายสั้นไปโดนบาร์นส์ตัดได้ ก่อนทำชิ่งกับวาร์ดี้ กำลังจะหลุดเดี่ยวได้ยิง แต่แตะยาวถูกกองหลังเบียดบังไลน์ซะก่อน
เกมเป็นของเลสเตอร์แทบตลอด
เกมของเลสเตอร์ดีกว่า กลางตัดบอลครองบอลได้หมด เกมส่วนใหญ่อยู่ในฝั่งทีมเยือน
กิลมอร์พลาดอีก, ทีเลอม็องส์ได้ซัดติดเซฟ
เลสเตอร์ทำได้ดีกว่า ยังลุ้นไม่ได้มาก แต่จังหวะนี้ น่าขึ้นนำอย่างที่สุด เมื่อกิลมอร์พลาดอีกแล้ว เปิดบอลไปโดนตัดที่กลางสนาม เป็นทีเลอม็องส์ พาบอลควบเข้าระยะยิง เดือดร้อนกาบาเญโร่ ต้องพุ่งสุดเหยียดปัดออกหลัง
พูลิซิชซัดจ่อๆตรงตัวชไมเคิล
หลังพักเบรกให้น้ำ เชลซี กลับมาเล่นได้ดีขึ้น และเกือบได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก พูลิซิช รับบอลเปิดในเขตโทษ ได้ยิงจ่อๆ แต่ไปตรงตัว ชไมเคิล ปัดบอลที่กำลังจะแสกหน้าข้ามคานออกหลังไปได้
บาร์นส์ก็มีโอกาสแต่ยิงไม่ดี
เลสเตอร์ เองก็มีโอกาสเหมือนกัน จาก บาร์นส์ ได้หลุดทางซ้าย แต่วางเขายิงไม่ดี ปล่อยบอลหลุดกรอบไปแบบน่าผิดหวัง
ท้ายครึ่งแรกเลสเตอร์ยังดูดีกว่า
เข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก แม้เลสเตอร์ดูดีกว่าแต่ภาพรวมก็ยังไม่ถึงขั้นขี่ขาด โอกาสยังพร้อมจะออกได้ทุกหน้า
วาร์ดี้ได้ยิงส่งท้ายเกือบเข้าเสาไกล
ก่อนจะหมดครึ่งแรก เลสเตอร์มีโอกาสดีที่จะขึ้นนำอีกครั้งจากลูกหลุดเดี่ยวของ วาร์ดี้ แม้จะยิงไม่ค่อยดี แต่ก็เพียงพอผ่านมือกาบาเญโร่ วิ่งเบียดเสาไกลออกหลังไปแบบได้ลุ้น
แลมพ์คิดไว้ทำไวเปลี่ยน 3 ตัวรวด
แลมพาร์ด รู้ว่ามีความผิดพลาดมากมายในครึ่งแรก จึงไม่รีรอปรับ 3 ตำแหน่งตั้งแต่ออกสตาร์ตครึ่งหลัง ด้วยการ บาร์คลี่ย์, โควาซิช และอัซปิลิกวนต้า ลงมาแทน เมาท์, กิลมอร์ และเจมส์
แทมมี่ยิงเข้าแต่ล้ำหน้า
พูลิซิช ผ่านบอลใ้ แทมมี่ส่งบอลเสียบตาข่าย แต่สุดท้ายไม่ได้ประตู ถูกจับ้ำหน้าไปซะก่อน
เกมของเชลซีดีขึ้นชัดเจน
เปลี่ยนมา 3 คนเกมของเชลซี ดีขึ้นอย่างชัดเจน ตอบโต้สู้กับเจ้าถิ่นได้ไม่เป็นรองเหมือนในครึ่งแรก
เชลซีเอาจนได้,บาร์คลีย์สอดยิง 1-0
ในที่สุดเชลซี ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากลูกเปิดทางขวาของวิลเลี่ยน มาตกตรงช่องระหว่างแนวรับให้ บาร์คลี่ย์ วิ่งสอดเข้ามายิงผ่านมือชไมเคิลไม่เหลือซาก
เลสเตอร์พยายามหนักแต่คมไม่พอ
หลังจากเสียประตู เลสเตอร์ พยายามเดินเครื่องจะตามตีเสมอให้ได้ ซึ่งสามารถกดดันให้เชลซีต้องถอยลงมาเล่นเกมรับมากขึ้น แต่เป็นพวกเขาเขาเองที่ไม่เด็ดขาดพอ
เดฟเซฟทีมไม่ให้โดนตีเสมอ
โซยุคชูได้โขก ต้องขอบคุณอัซปิลิกวยต้า ที่เทคตัวขึ้นกดดันช่วยเซฟทีมไว้ได้หวุดหวิด
เชลซีสวนกลับเกือบได้ประตุตอกฝาโลง
เชลซีได้สวนกลับ มาจบที่บาร์คลีย์ ได้ซัดเน้นๆ ต้องชมชไมเคิล ซูเปอร์เซฟ ให้เลสเตอร์ยังได้ลุ้นต่อ
ช่วงเวลาที่เหลือ เลสเตอร์ กดดันหนักแต่ตีเสมอไม่ได้ จบเกมเชลซี ชนะไปด้วยประตูโทนของรอสส์ บาร์คลีย์ 1-0 ตีตั๋วเข้าตัดเชือกเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ
เชลซี
Starting Formation: 4-3-3
24.
รีซ เจมส์

46'
6
47.
บิลลี่ กิลมอร์

46'
6
19.
เมสัน เมาท์

46'
6
22.
คริสเตียน พูลิซิช

72'
7
10.
วิลเลี่ยน

78'
7.5
ตัวสำรอง
28.
เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า

46'
6.5
11.
เปโดร

78'
6
8.
รอสส์ บาร์คลี่ย์

46'
8
17.
มาเตโอ โควาซิช

46'
7
12.
รูเบน ลอฟตัส ชีค

72'
6.5
แก้ไขล่าสุดโดย hugball เมื่อ Mon Jun 29, 2020 06:57, ทั้งหมด 18 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ