ถ้าถามว่าเรื่องนี้จะไปสุดตรงไหน
ต้องขอเล่าที่มาที่ไปของเรื่องนี้ก่อนก็คือ คุณจอร์จ ฟลอยด์ เค้าโดนเจ้าของร้านแจ้งความ "สงสัย" ว่าจะใช้เงินปลอมมาซื้อของในร้านเค้า เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เลยมาที่เกิดเหตุ 4 นาย

จากนั้น คุณจอร์จ ฟลอยด์ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือนาย เดเร็ค เชาวิน เข้าจับกุม โดยการใส่กุญแจมือทันทีที่ควบคุมตัว ซึ่งความผิดข้อหาลักษณะนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องใส่กุญแจมือเลยครับ

จากนั้น คุณจอร์จ ฟลอยด์ ก็พยายามอธิบายเหตุการณ์ ไม่ได้มีท่าทีขัดขืน ตามภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าร้านแห่งหนึ่งบริเวณนั้น จากนั้น ภาพเหตุการณ์ก็หายไปช่วงหนึ่ง คือไม่มีกล้องที่ไหนจับภาพช่วงเวลานั้นได้ แล้วก็ตัดมาที่ คุณจอร์จ ฟลอยด์ โดนนาย เดเร็ค เชาวิน จับกดพื้น และเอาเข่ากดไว้ที่ต้นคอ นานประมาณ 8.47 นาที

แม้คุณจอร์จ ฟลอยด์ จะแน่นิ่งไปแล้ว นายเดเร็ค เชาวิน ก็ยังไม่เอาเข่าออกจากคอของคุณจอร์จ ฟลอยด์ แม้กระทั่งตอนที่เจ้าหน้าที่ พยาบาล มาสะกิด ก็ยังไม่ยอมลุกไปไหน จนผ่านไป อีก 1 นาที จึงลุกขึ้น และพบว่าคุณจอร์จ ฟลอยด์ หมดสติไปแล้ว (ยังไม่คิดว่าเสียชีวิต)

ประชาชนที่อยู่บริเวณนั้นพยายามคุยกับ เจ้าหน้าที่ ชาวเอเชีย ที่ยืนคุมเชิงอยู่ ชื่อนาย เถา เต้า แล้วแต่ก็ไม่เป็นผล

ตลอดเวลาคุณจอร์จ ฟลอยด์ พูดด้วยท่าทีสุภาพตลอด ไม่มีท่าทีที่จะคุกคามเจ้าหน้าที่เลยแม้แต่น้อย และที่สะเทือนใจที่สุดก็คือ ตอนที่เค้าเรียกหาแม่ของเค้า

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นาย ถูก FBI สอบสวน และถูกไล่ออกจากราชการ และถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม

เพียงแต่ว่า ! เป็นข้อหาฆาตกรรมโดยไม่เจตนา หรือพลั้งมือจากการปฏิบัติหน้าที่

และจากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังของนายเดเร็ค ก็พบว่า เคยมีประวัติการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรุนแรงลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว 18 ครั้ง และยังสามารถปฏิบัติหน้าที่อยู่จนถึงเหตุการณ์ฆาตรกรรมในครั้งนี้

นั่นคือเป็นจุดให้ประชาชนไม่พอใจ

จากนั้นประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ กลับแสดงท่าทีที่ไม่สมควรคือ แทนที่จะประกาศว่าจะปฏิรูปปัญหานี้อย่างจริงจัง จริงใจ ทั้งเรื่องการเหยียด เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลับออกคำสั่งปราบปรามฝูงชนแทน

เหตุการณ์จึงบานปลายออกไปทั่วโลก

อันนี้ไม่นับเรื่อง คนกลุ่มที่ฉวยโอกาสออกมาก่อจลาจล และปล้นสะดมนะครับ มันคนละเรื่อง แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า มีประชาชนจำนวนมาก ได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองด้วย

ปัญหาหลาย ๆ ปัญหามันสะสม และเมื่อมีช่อง มันก็ระเบิดออกมาพร้อม ๆ กันนี่แหละครับ

ดังนั้น จึง "น่าจะสรุปได้ว่า"

ปลายทางของเรื่องนี้คือ นายเดเร็ค และพวกต้องได้รับการลงโทษที่สมควรจะได้รับ ก็คือ "ข้อหาเจตนาฆาตรกรรม"
และ ปรระธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ เปลี่ยนท่าทีแสดงจุดยืนในการปฏิรูป ต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดครับ

ชื่นชมลิเวอร์พูลนะที่กล้าออกมาทำเรื่องนี้ อาจจะแสดงจุดยืนเพื่อแก้ไขหลังเหตุการณ์ซัวเรสเมื่อนานมาแล้ว

แต่ปัญหาเหยียดผิวมันฝังรากลึกในอเมริกามานานมากแล้ว และการที่ทรัมป์ได้รับการเลือกตั้งก็ยิ่งตอกย้ำแนวคิดที่ว่าชนชาวอเมริกันต้องมาก่อน พวกผิวขาวรุ่นแก่หน่อย เขาไม่มองคนผิวสีเป็นชาวอเมริกันด้วยซ้ำ อยากให้ออกไปจากประเทศด้วย ตอนนี้ที่ทำก็คือประท้วงอเมริกาดีๆ นี่เอง

ผมก็อยากรู้ว่าจะเปลี่ยนแนวคิดได้ไหม ประเทศยักษ์ใหญ่มันฟังเสียงใครไหม หรือใครประท้วงคือศัตรูหรือเปล่า คล้ายๆ กับจีนที่พิพากกับฮ่องกง ไต้หวัน

ที่เยอรมันนีเค้าจะลงโทษแล้วนะครับ แสดงออกแบบนี้

ผมยังมองในแง่ดีว่าเค้าไม่ได้ตั้งใจจะเหยียดผิวหรือเปล่า หรือมีอะไรที่ผมตกไป

เดี้ยวนะท่าน ฉายาที่กล่าวมาไม่ใช่ฉายาที่ต่างประเทศเขาเรียกกันนะครับ คนไทยตั้งกันเองแนวล่อเล่นนักเตะ

บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำฉายาแต่ละอันคือใคร ตรงกันข้ามถ้าถามฉายาไข่มุขดำ ใครๆก็ตอบได้ เพราะเป็นฉายาที่ต่างชาติเขาตั้งกัน

เพิ่งมาขอโทษเมื่อไม่นานเองนะครับ

https://www.smmsport.com/reader/news/262717

เท่าที่ผมเคยอ่านหนังสือของเซอร์อเล็กยังบอกเลยว่า การทำงานของทีมลิเวอร์พูลรู้สึกไม่โอเคกับเรื่องนี้ครับ เป็นเพราะไม่มีประธานสโมสรคนก่อน ชื่ออะไรผมจำไม่ได้ค่อย จัดการปัญหาภาพรวมเกี่ยวกับทีม

ซึ่งใน กรณีนี้ วันเวลาเปลี่ยนไป ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีครับ

ม็อบกับคนที่ปล้นมันคนละกลุ่มกันครับ อย่าปนกัน

พวกที่ปล้นได้ของแล้วก็กลับบ้านเลย

ข่าวนี้ เรียกร้องความยุติธรรม ครับ จริงๆมันคนละเรื่องกับ เรื่องเหยียดผิวเลย

ขอปรบมือให้กับทีมรักเลย

ถ้าทีมอื่นทำ ผมก็จะทำให้เช่นกัน

ตอนนี้ต้องยอมรับว่าความรุนแรงเกินกว่าเหตุ

แต่อย่างว่าเหตุมันจะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่แบ่งแยกกันแต่แรก

ก่อนประท้วง คนที่ฆ่าไม่โดนคดี คนที่เหลือ(ร่วมกันฆ่า)ก็ไม่โดนอะไรเลย

ที่เขาประท้วงเพราะเรียกร้องให้มีการดำเนินการอะไรที่เป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันเรื่องแบบนี้ในอนาคต เพราะคุณฟลอยด์ไม่ใช่เหยื่อเข่าฆาตกรรายแรก สองสามปีก่อนก็มีแบบนี้เป๊ะๆเลยเคสนึง แล้วก็เงียบหาย

ถ้าไม่ประท้วง ฆาตกรไม่โดนคดี และจะมีเหยื่อต่อไปอีก เพราะมีมาก่อนนี้แล้ว

ดีแล้วครับ...เรื่องแบบนี้จะได้หมดไปซะที :)

ไม่ได้แซะนะครับ เพราะมันคือเรื่องจริง ที่เราทุกคนต่างเห็นข่าวและได้รับรู้ข้อเท็จจริงต่างๆ
แต่อยู่ที่เลือกจะยอมรับหรือปล่อยผ่านไปแค่ไหน หากผมอ่านไม่เพียงพอต้องขออภัยด้วยครับ

สโมสร+ตำนาน 8-9ปี ก็ค่อยออกมาขอโทษในเรื่องแบบนี้
ผมก็ไม่แน่ใจนะว่า...ระหว่างนั้นเค้าคิดไม่ได้ หรืออะไร อย่างไร :)

หากถามว่ามันเกียวอะไรกับเรื่องนี้
มันอาจไม่เกี่ยวกันครับเพราะมันหนักหนา และเหนือไปกว่านั้นมากนัก
เพราะตอนนั้นซัวเรสได้รับการสนับสนุนจากทั้งสโมสรเอง และตำนานครับ :)
กำลังใจเต็มเปี่ยมสำหรับซัวเรส แต่มันก็คือกรณีเหยียด และไม่ให้คุณค่าของคนที่ควรจะเท่าเทียมกัน

แต่ในส่วนของกรณีของ จอร์จ ฟลอยด์ ตำรวจโดนคุก และภรรยาฟ้องหย่าจากการกระทำของเค้าโดยไม่มีใครให้ท้ายหรือเห็นใจในการกระทำที่ไม่ถูกต้องของเค้าครับ :)

แต่ก็ยังดีครับที่ลิเวอร์พูลปรับเปลี่ยนจากบทเรียนที่ผ่านมาให้ถูกต้องขึ้นมาได้อันนี้น่านับถือ :)

ปล.ผมยังไม่ฟันธงนะครับว่าตำรวจผิด 100%
เพราะมันอาจมีอะไรมากกว่านั้น คงต้องพิจารณาในขั้นตอนต่างๆ กันต่อไป

ผม Edit ไป2รอบแก้คำผิด และเพิ่มข้อความเล็กน้อยครับ

จบแล้ว ไม่ได้แปลว่าไม่เคยทำนะจ้ะ
แต่ตอนนั้นก็สนับสนุน คน racist ปะ

ยังเสร่อใส่เสื้อ เชียร์อยู่เลย

เข้าใจไรผิดเปล่า ไม่เกี่ยวกะเหยียดผิว?

แล้วไงอะครับ นี่สโมสรเขาทำเรื่องดีๆ ทวงความยุติธรรมให้ จอร์จ ฟลอยด์

แล้วคุณก็มาคอมเม้น แซะเรื่องที่เคยขอโทษไปแล้ว

เท่จริ้งงง คิดแต่จะแซะ

ย้อนไปอ่านเม้นบนๆเนอะ เผื่อจะได้มีความรู้เรื่องนี้เพิ่มขึ้น