ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: Would you rather die a hero?
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 8343
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 16:43
[RE: มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3 ]
ก้วย รัชโยฯ พิมพ์ว่า:
ร้าน/ธุรกิจปิดดึก ในสถานการ ปจบ น่าจะมีน้อย

แต่ร้านที่ต้องเตรียมวัตถุดิบ หรือตลาดขายส่งๆต่าง เข้าเริ่มกันแต่เช้ามืด  


ไม่น้อยนะครับ พวก 24-hr services, ตลาดโต้รุ่ง, e-commerce logistics, Industrial logistics

เอาจริงๆ ตาม sense มูลค่าทางเศรษฐกิจและจำนวนผู้ได้รับผลกระทบในธุรกิจพวกนี้น่าจะสูงยิ่งกว่า กลุ่มตลาดสดตอนเช้าด้วยซ้ำ (ไม่ sure นะ คาดเดา)
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Aug 2008
ตอบ: 372
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 16:58
มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3
Ekwangsoo พิมพ์ว่า:
SlayerMetal พิมพ์ว่า:
คนค้าขายตลาดเช้าปกติเขาต้องมาเตรียมของกันตั้งแต่ตี 2-3 ครับ  

ข้อแย้งครับ ถ้าเคอร์ฟิวตั้งแต่4ทุ่ม พ่อค้าแม่ค้าไปตลาดเตรียมของตั้งแต่2-4ทุ่มแล้วครับ ช่วงเวลาเคอร์ฟิวก็หลบอยู่ในแผงครับ  

ไม่จริงอ่ะครับ ตลาดย่าโมโคราช สี่ทุ่มครึ่งคนต้องออกหมด ใครฝืนคำสั่งโดนสั่งปิดร้านสิบวันนะครับ แล้วของสดไม่มีคนเฝ้านี่มันดูแลยากมากนะครับ ปกติเขียงหมูเค้าแล่เที่ยงคืนผมไปรับตีสามมาเปิดร้านขายตีสี่ ทุกวันนี้เขียงหมูแล่เที่ยง ไปรับหกโมงเย็นมาแช่น้ำแข็งไว้ให้ลค.มาเดือนกว่าแล้วครับ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 672
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 16:59
[RE: มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3 ]
ขี่ช้างจับตั๊กแตน?

เอามีดปังตอมาหั่นผัก?

เอากระสุนจริงมายิงไล่ม็อบ?

เคอร์ฟิว​คนทั้งประเทศ​ ทั้งๆที่มีกฎหมายอื่นคุมเรื่องการมั่วสุม, ปิดผับอยู่แล้ว?

คือการใช้อำนาจของฝ่ายปกครองมันมีการกระทบต่อสิทธิ​เสรีภาพ​ของประชาชนอยู่บ้างในตัว​ ทุกๆมาตรการมันก็ทำให้เกิดผลนั่นแหละ แต่มันพอสมควรแก่เหตุมั้ย? ผมว่ามันต้องใช้ให้กระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุดเท่าที่พอจะสัมฤทธิ์​ผลได้ก็พอ​

เพราะอะไร​ ก็เพราะประชาชน​เค้าเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยเองไง​ (พรบ.แต่ละฉบับที่ประกาศ​ใช้​ ยังต้องมีระบุไว้เลยว่า​ ​มีบทบัญญัติ​บางประการที่กระทบต่อสิทธิ​ของปชช.ตามรัฐธรรมนูญ​ และในส่วนท้ายของพรบ.ยังต้องมีการอ้างถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องออกกฎหมายเลย)​ จะใช้มาตรการ​อะไรควรให้เกิดประโยชน์​มากกว่าโทษที่จะได้รับ

เหมือนการลงมีดหมอผ่าตัด​ จริงๆมันคือการทำร้ายร่างกายตัวเองน่ะ​ แต่เทียบกับประโยชน์แล้ว​ มันจำเป็นเพื่อรักษาชีวิต​ ก็ควรทำ​ (แต่ถ้าแค่ประโยชน์เล็กๆ​ เช่นแก้รำคาญ​ ก็ไม่ควรผ่า​ มันไม่คุ้​ม/ประเด็น​นี้เทียบกับเรื่องการใช้เคอร์ฟิว​ได้)​

ถ้าฝ่ายปกครองใช้อำนาจที่เกินเลยจากกรอบของกฎหมาย​ หรือใช้ดุลพินิจ​ไม่ชอบ​ ประชาชน​ก็ฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนการใช้อำนาจได้​ (ยกเว้นแต่พรก.ฉุกเฉิน​ ที่ห้ามฟ้องศาลปกครอง​ เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขสถานการณ์​ฉุกเฉิน​รีบด่วน​ ก็มีประเด็น​อีกว่าควรต่อพรก.ไปนานเพียงใด​ เพราะนี่คือการใช้อำนาจแบบตรวจสอบไม่ได้)

นี่คือหลักการปกครองประเทศ​ที่ยอมรับกันในปัจจุ​บัน​ ถ้าอยากปกครองประเทศ​โดยไม่ต้องคำนึงถึงประชาชน​ แต่เอาตัวคนใช้อำนาจเป็นประธาน​​ ก็ควรเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นอย่างประเทศ​จีน

การจะใช้อำนาจอะไรไม่ใช่ตามใจคนใช้อำนาจ​ เอาสบายในการจัดการ​ หรือออกมาตรการมาเผื่อๆไว้ก่อน​ หรือไม่สมดุลกับผลที่หวัง​ สุดท้ายประชาชนเจ้าของอำนาจเจอมาตรการที่ไม่สมเหตุสมผล​กลายเป็นอมทุกข์เสีย​เอง​ ​

ดังนั้น​ ควรตั้งต้นกันก่อนว่า​ การใช้อำนาจของฝ่ายปกครอง​ ต้องคำนึงถึงอะไรเป็นประธาน​
แก้ไขล่าสุดโดย namaewhaha เมื่อ Fri May 29, 2020 17:17, ทั้งหมด 2 ครั้ง
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: Would you rather die a hero?
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 8343
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 17:11
[RE: มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3 ]
TarChelseaFC พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
TarChelseaFC พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
มานั้งเถียงกันอยู่ได้ว่าจะตี 3 หรือตี 4 อย่างแรกที่ควรถามคือจะคงเคอร์ฟิวไปอีกเพื่ออะไร จะมาปรับลดทีละนิดทำไม มันมีปัจจัยอะไรในช่วงเวลานั้นที่มีความเสี่ยงมากจนถึงขนาดต้องเคอร์ฟิว จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงเวลากลางคืน

คนที่ได้รับผลกระทบจากเคอร์ฟิวมันไม่ได้มีแต่ตลาดเช้า คนที่เขาประกอบอาชีพกลางคืน พนักงานเปลี่ยนกะที่ต้องเดินทางในช่วงเวลาคาบเกี่ยว คนที่ขายอาหารในช่วงเวลากลางคืน logistics ต่างๆ

มาตราการจำกัดใดๆ ของรัฐ ย่อมสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ ต้นทุนที่แพงขึ้นของทั้งภาคธุรกิจและประชาชน ดังนั้นการประกาศใช้จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบให้มากๆ ว่าคุ้มไหม ยิ่งในกรณีปัจจุบันที่รายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 0 การส่งออกติดลบ เครื่องยนต์ตัวเดียวที่เหลือคือการบริโภคภายในประเทศ

ในกรณีปิดร้านเหล้าเราเข้าใจได้ ว่ามันเป็นกิจกรรมที่เบียดเสียด แออัด และเคยมีเคส big spreader แต่การคงเคอร์ฟิวไว้ มีความจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องคงไว้ เพื่อป้องกันปัจจัยอะไร ในเมื่อตาม พรบ. โรคติดต่อ ปกติก็สามารถสั่งตรวจ ห้าม และกระชับพื้นที่ ในกรณีมีการรวมตัวที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด (ไม่ต้องพูดถึง พรก. ฉุกเฉินที่มีอำนาจมากกว่า และคุ้มครองเจ้าพนักงานได้มากกว่าด้วย)

ดังนั้นเวลาจะถามไม่ใช่ว่าเปิดเพราะอะไร แต่ต้องถามว่าปิดเพราะอะไร อย่ามาทำตัวให้ชินกับการริดลอนใดๆ โดยรัฐ

งัดมา 2-3 กระทู้ละ อยากได้ยินคำตอบที่เข้าท่าซะที  

ในความคิดผมนะ คิดว่าการที่ยังประกาศยกเลิกเคอฟิวเพราะกลัวการไปรวมตัวสังสรรค์ของคนเนี่ยแหละ การมีเคอฟิวมันทำให้คนออกไปรวมตัวสังสรรค์กันได้น้อยลงมากจริงๆ ซึ่งผมว่ารัฐดูการกระทำของประชาชนอย่างเช่นตอนบางแสน ที่สั่งปิดผับ ปิดร้านเหล้า แต่คนก็ดันไปรวมตัวกินเหล้ากันเต็มชายหาด มันทำให้เห็นว่าถ้าไม่มีมาตรการเด็ดขาด ก็ไม่สามารถควบคุมได้

ก็ได้แต่สงสารคนที่ได้รับผลกระทบจากเคอฟิวเพราะกลุ่มคนที่ไม่มีสามัญสำนึกพวกนี้แหละ  


สงสารไปก็ไม่ช่วยอะไรครับ ผมอธิบายไปแล้วนะว่า กลไกปกติมันสามารถป้องกันปัจจัยที่คุณว่ามาได้อย่างไรบ้าง โดยไม่จำเป็นต้องมีเคอร์ฟิว (พรก.ฉุกเฉิน ยังแทบไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ)

จะบอกว่าคนที่หากินช่วงกลางคืนต้องยอมเสียสละ เพียงเพราะว่ารัฐไม่มีความสามารถพอที่จะบังคับใช้กฏหมายตามกระบวนการปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลยต้องเล่นใหญ่เข้าไว้โดยไม่จำเป็น

การอธิบายแบบนี้ออกมามันไม่น่าละอายแก่ใจต่อคนที่เขาได้รับผลกระทบไปหน่อยหรอครับ?  
 

มาตรการอะไรที่จะป้องกันคนให้ไม่รวมตัวสังสรรค์กันได้บ้างครับ ผมไม่ทราบจริงๆ การสั่งตรวจ สั่งห้าม ผมคิดว่ามันไม่สามารถห้ามการออกไปรวมตัวกันของคนในตอนกลางคืนได้เลย  


พรบ. โรคติดต่อ
มาตรา 34 วรรค 6 ห้ามผู้ใดกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป
มาตรา 35 เร่งด่วน ผู้ว่า สั่งปิดสถานที่ และกักตัวผู้ต้องสงสัย
มาตรา 52 ฝ่าฝืนมาตรา 34, 35 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี/ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

พรก. ฉุกเฉิน
มาตรา 9 วรรค 2 ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ หรือกระทำการใด อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
มาตรา 18 ฝ่าฝืน พรก. ฉุกเฉิน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี/ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท

ประกาศเคอร์ฟิว (ข้อกำหนดฉบับที่ 5) อาศัยอำนาจตาม พรก. ฉุกเฉินมาตรา 9 และ 11 ดังนั้นโทษในการฝ่าฝืนตามมาตรา 18 เช่นเดียวกัน

ถ้า พรบ. โรคติดต่อ กับ พรก. ฉุกเฉิน มันห้ามคนไม่ได้ แล้วเคอร์ฟิวมันจะห้ามคนได้ยังไง (เคอร์ฟิวก็อ้างอิงอำนาจมาจาก พรก.ฉุกเฉิน)
แก้ไขล่าสุดโดย Wolvesgangster เมื่อ Fri May 29, 2020 17:14, ทั้งหมด 4 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2009
ตอบ: 6176
ที่อยู่: ค่ายเบียนเดียนฟู
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 17:11
[RE: มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3 ]
การเคอร์ฟิวมันลดการสังสรรค์ได้เหรอ ? คนจะรวมตัวกันสังสรรค์มันคงไม่ดื่มหกโมง กลับสี่ทุ่มมั้ง มีเคอร์ฟิวก็แค่นัดออกมาเจอกันก่อนเคอร์ฟิว พ้นเคอร์ฟิวเสร็จก็ค่อยแยกย้ายกลับบ้านไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย

แต่ที่กระทบเต็มๆคือหลายๆธุรกิจ บางคนร้านเปิดกลางคืนป่านนี้ก็ยังเปิดไม่ได้เลย งานผมก็ปกติเลิกหลังเที่ยงคืน ก็เหลือเวลาทำงานน้อยลง กลางคืนร้านที่ปกติเราชอบอุดหนุนก็ต้องปิดหมด รถเมล์ก็หมดเร็วขึ้น สามทุ่มนี่เกือบหมดทุกสายแล้ว กระทบไปหมด มันมีอะไรดี มีอะไรจำเป็น กะการเคอร์ฟิว?
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 15369
ที่อยู่: เนิน46
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 17:18
[RE]มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3
doo_goo_di พิมพ์ว่า:
Ekwangsoo พิมพ์ว่า:
SlayerMetal พิมพ์ว่า:
คนค้าขายตลาดเช้าปกติเขาต้องมาเตรียมของกันตั้งแต่ตี 2-3 ครับ  

ข้อแย้งครับ ถ้าเคอร์ฟิวตั้งแต่4ทุ่ม พ่อค้าแม่ค้าไปตลาดเตรียมของตั้งแต่2-4ทุ่มแล้วครับ ช่วงเวลาเคอร์ฟิวก็หลบอยู่ในแผงครับ  

ไม่จริงอ่ะครับ ตลาดย่าโมโคราช สี่ทุ่มครึ่งคนต้องออกหมด ใครฝืนคำสั่งโดนสั่งปิดร้านสิบวันนะครับ แล้วของสดไม่มีคนเฝ้านี่มันดูแลยากมากนะครับ ปกติเขียงหมูเค้าแล่เที่ยงคืนผมไปรับตีสามมาเปิดร้านขายตีสี่ ทุกวันนี้เขียงหมูแล่เที่ยง ไปรับหกโมงเย็นมาแช่น้ำแข็งไว้ให้ลค.มาเดือนกว่าแล้วครับ  

ไม่จริงยังไงครับ เพราะแม่ผมขายอยู่ตลาดคลองเตยขายมาตั้งแต่รุ่นย่าแล้วครับ รับมาแบบเป็นตัวแล้วชำแหละขายอีกที ที่คลองเตยต้องแยกแผงเป็น2ที่ครับ ที่นึงวางเครื่องบดเครื่องหั่นเป็นที่ชำแหละหมู อีกที่เป้นแผงขายครับ ช่วงเวลาเคอฟิวก็หลบอยู่ในแผงที่ไว้ขายหมูครับ เป็นการเฝ้าในตัวครับ

คุณคิดว่าหมูตัวนึงชำแหละ10-20นาทีเสร็จหรอครับ ต้องล้างไส้ เผาขาหมู หั่นซี่โครง ตัดเนื้อส่วนต่างๆอีก
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
แก้ไขล่าสุดโดย Ekwangsoo เมื่อ Fri May 29, 2020 17:29, ทั้งหมด 2 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Oct 2013
ตอบ: 2005
ที่อยู่: ss
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 17:20
[RE: มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3 ]
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
TarChelseaFC พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
TarChelseaFC พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
มานั้งเถียงกันอยู่ได้ว่าจะตี 3 หรือตี 4 อย่างแรกที่ควรถามคือจะคงเคอร์ฟิวไปอีกเพื่ออะไร จะมาปรับลดทีละนิดทำไม มันมีปัจจัยอะไรในช่วงเวลานั้นที่มีความเสี่ยงมากจนถึงขนาดต้องเคอร์ฟิว จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงเวลากลางคืน

คนที่ได้รับผลกระทบจากเคอร์ฟิวมันไม่ได้มีแต่ตลาดเช้า คนที่เขาประกอบอาชีพกลางคืน พนักงานเปลี่ยนกะที่ต้องเดินทางในช่วงเวลาคาบเกี่ยว คนที่ขายอาหารในช่วงเวลากลางคืน logistics ต่างๆ

มาตราการจำกัดใดๆ ของรัฐ ย่อมสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ ต้นทุนที่แพงขึ้นของทั้งภาคธุรกิจและประชาชน ดังนั้นการประกาศใช้จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบให้มากๆ ว่าคุ้มไหม ยิ่งในกรณีปัจจุบันที่รายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 0 การส่งออกติดลบ เครื่องยนต์ตัวเดียวที่เหลือคือการบริโภคภายในประเทศ

ในกรณีปิดร้านเหล้าเราเข้าใจได้ ว่ามันเป็นกิจกรรมที่เบียดเสียด แออัด และเคยมีเคส big spreader แต่การคงเคอร์ฟิวไว้ มีความจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องคงไว้ เพื่อป้องกันปัจจัยอะไร ในเมื่อตาม พรบ. โรคติดต่อ ปกติก็สามารถสั่งตรวจ ห้าม และกระชับพื้นที่ ในกรณีมีการรวมตัวที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด (ไม่ต้องพูดถึง พรก. ฉุกเฉินที่มีอำนาจมากกว่า และคุ้มครองเจ้าพนักงานได้มากกว่าด้วย)

ดังนั้นเวลาจะถามไม่ใช่ว่าเปิดเพราะอะไร แต่ต้องถามว่าปิดเพราะอะไร อย่ามาทำตัวให้ชินกับการริดลอนใดๆ โดยรัฐ

งัดมา 2-3 กระทู้ละ อยากได้ยินคำตอบที่เข้าท่าซะที  

ในความคิดผมนะ คิดว่าการที่ยังประกาศยกเลิกเคอฟิวเพราะกลัวการไปรวมตัวสังสรรค์ของคนเนี่ยแหละ การมีเคอฟิวมันทำให้คนออกไปรวมตัวสังสรรค์กันได้น้อยลงมากจริงๆ ซึ่งผมว่ารัฐดูการกระทำของประชาชนอย่างเช่นตอนบางแสน ที่สั่งปิดผับ ปิดร้านเหล้า แต่คนก็ดันไปรวมตัวกินเหล้ากันเต็มชายหาด มันทำให้เห็นว่าถ้าไม่มีมาตรการเด็ดขาด ก็ไม่สามารถควบคุมได้

ก็ได้แต่สงสารคนที่ได้รับผลกระทบจากเคอฟิวเพราะกลุ่มคนที่ไม่มีสามัญสำนึกพวกนี้แหละ  


สงสารไปก็ไม่ช่วยอะไรครับ ผมอธิบายไปแล้วนะว่า กลไกปกติมันสามารถป้องกันปัจจัยที่คุณว่ามาได้อย่างไรบ้าง โดยไม่จำเป็นต้องมีเคอร์ฟิว (พรก.ฉุกเฉิน ยังแทบไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ)

จะบอกว่าคนที่หากินช่วงกลางคืนต้องยอมเสียสละ เพียงเพราะว่ารัฐไม่มีความสามารถพอที่จะบังคับใช้กฏหมายตามกระบวนการปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลยต้องเล่นใหญ่เข้าไว้โดยไม่จำเป็น

การอธิบายแบบนี้ออกมามันไม่น่าละอายแก่ใจต่อคนที่เขาได้รับผลกระทบไปหน่อยหรอครับ?  
 

มาตรการอะไรที่จะป้องกันคนให้ไม่รวมตัวสังสรรค์กันได้บ้างครับ ผมไม่ทราบจริงๆ การสั่งตรวจ สั่งห้าม ผมคิดว่ามันไม่สามารถห้ามการออกไปรวมตัวกันของคนในตอนกลางคืนได้เลย  


พรบ. โรคติดต่อ
มาตรา 34 วรรค 6 ห้ามผู้ใดกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป
มาตรา 35 เร่งด่วน ผู้ว่า สั่งปิดสถานที่ และกักตัวผู้ต้องสงสัย
มาตรา 52 ฝ่าฝืนมาตรา 34, 35 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี/ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

พรก. ฉุกเฉิน
มาตรา 9 วรรค 2 ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ หรือกระทำการใด อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
มาตรา 18 ฝ่าฝืน พรก. ฉุกเฉิน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี/ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท

ประกาศเคอร์ฟิว (ข้อกำหนดฉบับที่ 5) อาศัยอำนาจตาม พรก. ฉุกเฉินมาตรา 9 และ 11 ดังนั้นโทษในการฝ่าฝืนตามมาตรา 18 เช่นเดียวกัน

ถ้า พรบ. โรคติดต่อ กับ พรก. ฉุกเฉิน มันห้ามคนไม่ได้ แล้วเคอร์ฟิวมันจะห้ามคนได้ยังไง (เคอร์ฟิวก็อ้างอิงอำนาจมาจาก พรก.ฉุกเฉิน)
 

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่พอมีเคอฟิวเพื่อนผมที่ปกติสังสรรค์ประจำมันแทบไม่ได้ออกกันเลย ทั้งๆที่ตอนโควิดมาใหม่ๆ คนเริ่มกลัวกัน มันก็ไปออกไปไม่สนใจอะไร เตือนยังไงก็ไม่ฟัง ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าการมีเคอฟิวมันช่วยป้องกันโควิดได้แค่ไหน แต่อ่านจากที่หลายๆเม้นพิมพ์ผมก็เข้าใจแล้วว่าผลกระทบจากการปิดเคอฟิวมันมากเกินไปกว่าที่จะมาป้องกันอะไรแบบนี้จริงๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: Would you rather die a hero?
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 8343
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 17:30
[RE: มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3 ]
TarChelseaFC พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
TarChelseaFC พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
TarChelseaFC พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
มานั้งเถียงกันอยู่ได้ว่าจะตี 3 หรือตี 4 อย่างแรกที่ควรถามคือจะคงเคอร์ฟิวไปอีกเพื่ออะไร จะมาปรับลดทีละนิดทำไม มันมีปัจจัยอะไรในช่วงเวลานั้นที่มีความเสี่ยงมากจนถึงขนาดต้องเคอร์ฟิว จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงเวลากลางคืน

คนที่ได้รับผลกระทบจากเคอร์ฟิวมันไม่ได้มีแต่ตลาดเช้า คนที่เขาประกอบอาชีพกลางคืน พนักงานเปลี่ยนกะที่ต้องเดินทางในช่วงเวลาคาบเกี่ยว คนที่ขายอาหารในช่วงเวลากลางคืน logistics ต่างๆ

มาตราการจำกัดใดๆ ของรัฐ ย่อมสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ ต้นทุนที่แพงขึ้นของทั้งภาคธุรกิจและประชาชน ดังนั้นการประกาศใช้จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบให้มากๆ ว่าคุ้มไหม ยิ่งในกรณีปัจจุบันที่รายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 0 การส่งออกติดลบ เครื่องยนต์ตัวเดียวที่เหลือคือการบริโภคภายในประเทศ

ในกรณีปิดร้านเหล้าเราเข้าใจได้ ว่ามันเป็นกิจกรรมที่เบียดเสียด แออัด และเคยมีเคส big spreader แต่การคงเคอร์ฟิวไว้ มีความจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องคงไว้ เพื่อป้องกันปัจจัยอะไร ในเมื่อตาม พรบ. โรคติดต่อ ปกติก็สามารถสั่งตรวจ ห้าม และกระชับพื้นที่ ในกรณีมีการรวมตัวที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด (ไม่ต้องพูดถึง พรก. ฉุกเฉินที่มีอำนาจมากกว่า และคุ้มครองเจ้าพนักงานได้มากกว่าด้วย)

ดังนั้นเวลาจะถามไม่ใช่ว่าเปิดเพราะอะไร แต่ต้องถามว่าปิดเพราะอะไร อย่ามาทำตัวให้ชินกับการริดลอนใดๆ โดยรัฐ

งัดมา 2-3 กระทู้ละ อยากได้ยินคำตอบที่เข้าท่าซะที  

ในความคิดผมนะ คิดว่าการที่ยังประกาศยกเลิกเคอฟิวเพราะกลัวการไปรวมตัวสังสรรค์ของคนเนี่ยแหละ การมีเคอฟิวมันทำให้คนออกไปรวมตัวสังสรรค์กันได้น้อยลงมากจริงๆ ซึ่งผมว่ารัฐดูการกระทำของประชาชนอย่างเช่นตอนบางแสน ที่สั่งปิดผับ ปิดร้านเหล้า แต่คนก็ดันไปรวมตัวกินเหล้ากันเต็มชายหาด มันทำให้เห็นว่าถ้าไม่มีมาตรการเด็ดขาด ก็ไม่สามารถควบคุมได้

ก็ได้แต่สงสารคนที่ได้รับผลกระทบจากเคอฟิวเพราะกลุ่มคนที่ไม่มีสามัญสำนึกพวกนี้แหละ  


สงสารไปก็ไม่ช่วยอะไรครับ ผมอธิบายไปแล้วนะว่า กลไกปกติมันสามารถป้องกันปัจจัยที่คุณว่ามาได้อย่างไรบ้าง โดยไม่จำเป็นต้องมีเคอร์ฟิว (พรก.ฉุกเฉิน ยังแทบไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ)

จะบอกว่าคนที่หากินช่วงกลางคืนต้องยอมเสียสละ เพียงเพราะว่ารัฐไม่มีความสามารถพอที่จะบังคับใช้กฏหมายตามกระบวนการปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลยต้องเล่นใหญ่เข้าไว้โดยไม่จำเป็น

การอธิบายแบบนี้ออกมามันไม่น่าละอายแก่ใจต่อคนที่เขาได้รับผลกระทบไปหน่อยหรอครับ?  
 

มาตรการอะไรที่จะป้องกันคนให้ไม่รวมตัวสังสรรค์กันได้บ้างครับ ผมไม่ทราบจริงๆ การสั่งตรวจ สั่งห้าม ผมคิดว่ามันไม่สามารถห้ามการออกไปรวมตัวกันของคนในตอนกลางคืนได้เลย  


พรบ. โรคติดต่อ
มาตรา 34 วรรค 6 ห้ามผู้ใดกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป
มาตรา 35 เร่งด่วน ผู้ว่า สั่งปิดสถานที่ และกักตัวผู้ต้องสงสัย
มาตรา 52 ฝ่าฝืนมาตรา 34, 35 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี/ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

พรก. ฉุกเฉิน
มาตรา 9 วรรค 2 ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ หรือกระทำการใด อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
มาตรา 18 ฝ่าฝืน พรก. ฉุกเฉิน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี/ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท

ประกาศเคอร์ฟิว (ข้อกำหนดฉบับที่ 5) อาศัยอำนาจตาม พรก. ฉุกเฉินมาตรา 9 และ 11 ดังนั้นโทษในการฝ่าฝืนตามมาตรา 18 เช่นเดียวกัน

ถ้า พรบ. โรคติดต่อ กับ พรก. ฉุกเฉิน มันห้ามคนไม่ได้ แล้วเคอร์ฟิวมันจะห้ามคนได้ยังไง (เคอร์ฟิวก็อ้างอิงอำนาจมาจาก พรก.ฉุกเฉิน)
 

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่พอมีเคอฟิวเพื่อนผมที่ปกติสังสรรค์ประจำมันแทบไม่ได้ออกกันเลย ทั้งๆที่ตอนโควิดมาใหม่ๆ คนเริ่มกลัวกัน มันก็ไปออกไปไม่สนใจอะไร เตือนยังไงก็ไม่ฟัง ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าการมีเคอฟิวมันช่วยป้องกันโควิดได้แค่ไหน แต่อ่านจากที่หลายๆเม้นพิมพ์ผมก็เข้าใจแล้วว่าผลกระทบจากการปิดเคอฟิวมันมากเกินไปกว่าที่จะมาป้องกันอะไรแบบนี้จริงๆ  


ผมแบ่งเป็น 2 กรณีนะ

1. ไม่ออกไปสังสรรค์ เพราะร้านเหล้าปิด ในกรณีถึงไม่มีเคอร์ฟิว ร้านเหล้านี้ก็คงอีกนานกว่าจะได้เปิด
2. ไม่ออกไปสังสรรค์(อาจจะบ้านเพื่อน) เพราะกลัวติดด่านเคอร์ฟิวขากลับ ในกรณีนี้ที่ต้องกลัวปกติ คือด่านตรวจแอลกอฮอล์ต่างหาก

ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่างที่ท่านได้เข้าใจแล้วนั้นแหละครับ การจะมาออกมาตราการบังคับคนทั้งประเทศ กระทบเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน เพียงเพื่อจะคุมกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ในสถานการณ์โรคแบบปัจจุบัน มันได้ไม่คุ้มเสีย (ถ้ายังมีผู้ติดเชื้อรายวัน > +10 กระจายในทุกภูมิภาค ยังพอฟังขึ้นมาหน่อย)

มันยังมีวิธีการอื่นในการบังคับใช้กฎหมายปกติ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องก่อผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้างขนาดนี้

แก้ไขล่าสุดโดย Wolvesgangster เมื่อ Fri May 29, 2020 17:43, ทั้งหมด 3 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 2200
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 17:31
มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3
TarChelseaFC พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
TarChelseaFC พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
TarChelseaFC พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
มานั้งเถียงกันอยู่ได้ว่าจะตี 3 หรือตี 4 อย่างแรกที่ควรถามคือจะคงเคอร์ฟิวไปอีกเพื่ออะไร จะมาปรับลดทีละนิดทำไม มันมีปัจจัยอะไรในช่วงเวลานั้นที่มีความเสี่ยงมากจนถึงขนาดต้องเคอร์ฟิว จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงเวลากลางคืน

คนที่ได้รับผลกระทบจากเคอร์ฟิวมันไม่ได้มีแต่ตลาดเช้า คนที่เขาประกอบอาชีพกลางคืน พนักงานเปลี่ยนกะที่ต้องเดินทางในช่วงเวลาคาบเกี่ยว คนที่ขายอาหารในช่วงเวลากลางคืน logistics ต่างๆ

มาตราการจำกัดใดๆ ของรัฐ ย่อมสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ ต้นทุนที่แพงขึ้นของทั้งภาคธุรกิจและประชาชน ดังนั้นการประกาศใช้จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบให้มากๆ ว่าคุ้มไหม ยิ่งในกรณีปัจจุบันที่รายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 0 การส่งออกติดลบ เครื่องยนต์ตัวเดียวที่เหลือคือการบริโภคภายในประเทศ

ในกรณีปิดร้านเหล้าเราเข้าใจได้ ว่ามันเป็นกิจกรรมที่เบียดเสียด แออัด และเคยมีเคส big spreader แต่การคงเคอร์ฟิวไว้ มีความจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องคงไว้ เพื่อป้องกันปัจจัยอะไร ในเมื่อตาม พรบ. โรคติดต่อ ปกติก็สามารถสั่งตรวจ ห้าม และกระชับพื้นที่ ในกรณีมีการรวมตัวที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด (ไม่ต้องพูดถึง พรก. ฉุกเฉินที่มีอำนาจมากกว่า และคุ้มครองเจ้าพนักงานได้มากกว่าด้วย)

ดังนั้นเวลาจะถามไม่ใช่ว่าเปิดเพราะอะไร แต่ต้องถามว่าปิดเพราะอะไร อย่ามาทำตัวให้ชินกับการริดลอนใดๆ โดยรัฐ

งัดมา 2-3 กระทู้ละ อยากได้ยินคำตอบที่เข้าท่าซะที  

ในความคิดผมนะ คิดว่าการที่ยังประกาศยกเลิกเคอฟิวเพราะกลัวการไปรวมตัวสังสรรค์ของคนเนี่ยแหละ การมีเคอฟิวมันทำให้คนออกไปรวมตัวสังสรรค์กันได้น้อยลงมากจริงๆ ซึ่งผมว่ารัฐดูการกระทำของประชาชนอย่างเช่นตอนบางแสน ที่สั่งปิดผับ ปิดร้านเหล้า แต่คนก็ดันไปรวมตัวกินเหล้ากันเต็มชายหาด มันทำให้เห็นว่าถ้าไม่มีมาตรการเด็ดขาด ก็ไม่สามารถควบคุมได้

ก็ได้แต่สงสารคนที่ได้รับผลกระทบจากเคอฟิวเพราะกลุ่มคนที่ไม่มีสามัญสำนึกพวกนี้แหละ  


สงสารไปก็ไม่ช่วยอะไรครับ ผมอธิบายไปแล้วนะว่า กลไกปกติมันสามารถป้องกันปัจจัยที่คุณว่ามาได้อย่างไรบ้าง โดยไม่จำเป็นต้องมีเคอร์ฟิว (พรก.ฉุกเฉิน ยังแทบไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ)

จะบอกว่าคนที่หากินช่วงกลางคืนต้องยอมเสียสละ เพียงเพราะว่ารัฐไม่มีความสามารถพอที่จะบังคับใช้กฏหมายตามกระบวนการปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลยต้องเล่นใหญ่เข้าไว้โดยไม่จำเป็น

การอธิบายแบบนี้ออกมามันไม่น่าละอายแก่ใจต่อคนที่เขาได้รับผลกระทบไปหน่อยหรอครับ?  
 

มาตรการอะไรที่จะป้องกันคนให้ไม่รวมตัวสังสรรค์กันได้บ้างครับ ผมไม่ทราบจริงๆ การสั่งตรวจ สั่งห้าม ผมคิดว่ามันไม่สามารถห้ามการออกไปรวมตัวกันของคนในตอนกลางคืนได้เลย  


พรบ. โรคติดต่อ
มาตรา 34 วรรค 6 ห้ามผู้ใดกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป
มาตรา 35 เร่งด่วน ผู้ว่า สั่งปิดสถานที่ และกักตัวผู้ต้องสงสัย
มาตรา 52 ฝ่าฝืนมาตรา 34, 35 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี/ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

พรก. ฉุกเฉิน
มาตรา 9 วรรค 2 ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ หรือกระทำการใด อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
มาตรา 18 ฝ่าฝืน พรก. ฉุกเฉิน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี/ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท

ประกาศเคอร์ฟิว (ข้อกำหนดฉบับที่ 5) อาศัยอำนาจตาม พรก. ฉุกเฉินมาตรา 9 และ 11 ดังนั้นโทษในการฝ่าฝืนตามมาตรา 18 เช่นเดียวกัน

ถ้า พรบ. โรคติดต่อ กับ พรก. ฉุกเฉิน มันห้ามคนไม่ได้ แล้วเคอร์ฟิวมันจะห้ามคนได้ยังไง (เคอร์ฟิวก็อ้างอิงอำนาจมาจาก พรก.ฉุกเฉิน)
 

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่พอมีเคอฟิวเพื่อนผมที่ปกติสังสรรค์ประจำมันแทบไม่ได้ออกกันเลย ทั้งๆที่ตอนโควิดมาใหม่ๆ คนเริ่มกลัวกัน มันก็ไปออกไปไม่สนใจอะไร เตือนยังไงก็ไม่ฟัง ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าการมีเคอฟิวมันช่วยป้องกันโควิดได้แค่ไหน แต่อ่านจากที่หลายๆเม้นพิมพ์ผมก็เข้าใจแล้วว่าผลกระทบจากการปิดเคอฟิวมันมากเกินไปกว่าที่จะมาป้องกันอะไรแบบนี้จริงๆ  

ความสะดวกมันน้อยลงเพราะข้อจำกัดด้านเวลา ทำให้การสังสรรค์น้อยลงอันนี้ผมไม่เถียง

แต่ในสถานการณ์ที่ผู้ติดเชื้อในประเทศจริงๆแทบไม่มีมาหลายวันแล้ว เทียบกับมาตรการที่ออกมาใช้ ผลลัพธ์ที่ได้มันเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณมากมายนัก

ยังไม่นับรวมประเด็นที่ พรบ.โรคติดต่อก็ห้ามการรวมกลุ่มกันได้ไม่ต่างกันกับ พรก.ฉุกเฉิน ผมยิ่งไม่เห็นความจำเป็นในการประกาศใช้เคอร์ฟิวเลย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Apr 2020
ตอบ: 830
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 17:40
ถูกแบนแล้ว
[RE: มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3 ]
คิดว่า 1 มิย คงได้เห็นคู่ค้าเปิด office เสียทีนะครับ

ของขาดจนว่างขนาดมานั่งเล่น SS ได้

ของขาดจนว่างมาก มีผลกระทบให้จิตใจมันฟุ้งซ่านจริงๆ

15 วันที่ของขาด ไม่ได้ทำอะไรเลยเนี่ย มันไร้ค่าสุดๆจริงๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 4422
ที่อยู่: Buzz lightyear of star command
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 19:21
[RE: มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3 ]
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
มานั้งเถียงกันอยู่ได้ว่าจะตี 3 หรือตี 4 อย่างแรกที่ควรถามคือจะคงเคอร์ฟิวไปอีกเพื่ออะไร จะมาปรับลดทีละนิดทำไม มันมีปัจจัยอะไรในช่วงเวลานั้นที่มีความเสี่ยงมากจนถึงขนาดต้องเคอร์ฟิว จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงเวลากลางคืน

คนที่ได้รับผลกระทบจากเคอร์ฟิวมันไม่ได้มีแต่ตลาดเช้า คนที่เขาประกอบอาชีพกลางคืน พนักงานเปลี่ยนกะที่ต้องเดินทางในช่วงเวลาคาบเกี่ยว คนที่ขายอาหารในช่วงเวลากลางคืน logistics ต่างๆ

มาตราการจำกัดใดๆ ของรัฐ ย่อมสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ ต้นทุนที่แพงขึ้นของทั้งภาคธุรกิจและประชาชน ดังนั้นการประกาศใช้จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบให้มากๆ ว่าคุ้มไหม ยิ่งในกรณีปัจจุบันที่รายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 0 การส่งออกติดลบ เครื่องยนต์ตัวเดียวที่เหลือคือการบริโภคภายในประเทศ

ในกรณีปิดร้านเหล้าเราเข้าใจได้ ว่ามันเป็นกิจกรรมที่เบียดเสียด แออัด และเคยมีเคส big spreader แต่การคงเคอร์ฟิวไว้ มีความจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องคงไว้ เพื่อป้องกันปัจจัยอะไร ในเมื่อตาม พรบ. โรคติดต่อ ปกติก็สามารถสั่งตรวจ ห้าม และกระชับพื้นที่ ในกรณีมีการรวมตัวที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด (ไม่ต้องพูดถึง พรก. ฉุกเฉินที่มีอำนาจมากกว่า และคุ้มครองเจ้าพนักงานได้มากกว่าด้วย)

ดังนั้นเวลาจะถามไม่ใช่ว่า เปิดเพราะอะไร แต่ต้องถามว่าปิดเพราะอะไร อย่ามาทำตัวให้ชินกับการริดลอนใดๆ โดยรัฐ

งัดมา 2-3 กระทู้ละ อยากได้ยินคำตอบที่เข้าท่าซะที  


ผมเคยตอบไปทีแล้วเพราะมีเพื่อนทำงานอยู่ควบคุมโรค คำถามคือกั๊กไว้ทำไม4ชั่วโมง หลักๆเพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดดึก
มันเป็นช่วงเวลาที่คนไปเค้าไม่ได้ไปที่แบบนี้เป็นกิจวัตร แบบเยาวราช ข้าวสาร ถ้าเกิดSuper Spreaderมันจะยุ่งยากมาก
ด้วยที่มันนอกเวลางานอาจจะมาสังสรรค์มาเที่ยวจะกินจะเดินเล่นหรือมีธุระ สถานที่แบบนี้เป็นที่ที่คนจากทุกพื้นที่มีโอกาสมาได้หมด

ต่างกับที่ที่เปิดในเวลากลางวัน ซึ่งส่วนใหญ่คนจะไปที่นั้นๆเพราะกิจวัตร เช่นห้างสรรพสินค้าคนที่จะไปห้างไกลๆส่วนใหญ่มีกิจธุระ
ถ้าไปเดินเล่นก็ไปใกล้บ้านทั้งนั้น สมมุติมีSuper Spreaderที่ห้างย่านบางกะปิคนจากบางบอนคงไม่มาเดินเล่นแถวนี้
อีกทั้งช่วงนี้มันเป็นเวลางาน ทำให้เวลาจะตรวจสอบroutineของสถานที่จะตรวจได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะกทม.ที่คนกระจุกตัว
จังหวัดอื่นปิดจังหวัดตรวจนับเป็น1 แต่ที่กทม.มันนับเป็นเขตซึ่ง30กว่าเขตคนมันไม่พอครับ แค่ค่ายมวยก็ไม่ได้กลับบ้านกัน

ส่วนจะคิดว่ามันเอื้อการเมืองผมก็คิดครับ แต่ผมก็ต้องเชื่อเพื่อนผมที่ทำงานตรงนี้โดยตรงด้วย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: Would you rather die a hero?
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 8343
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 20:04
[RE: มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3 ]
Luxxx พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
มานั้งเถียงกันอยู่ได้ว่าจะตี 3 หรือตี 4 อย่างแรกที่ควรถามคือจะคงเคอร์ฟิวไปอีกเพื่ออะไร จะมาปรับลดทีละนิดทำไม มันมีปัจจัยอะไรในช่วงเวลานั้นที่มีความเสี่ยงมากจนถึงขนาดต้องเคอร์ฟิว จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงเวลากลางคืน

คนที่ได้รับผลกระทบจากเคอร์ฟิวมันไม่ได้มีแต่ตลาดเช้า คนที่เขาประกอบอาชีพกลางคืน พนักงานเปลี่ยนกะที่ต้องเดินทางในช่วงเวลาคาบเกี่ยว คนที่ขายอาหารในช่วงเวลากลางคืน logistics ต่างๆ

มาตราการจำกัดใดๆ ของรัฐ ย่อมสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ ต้นทุนที่แพงขึ้นของทั้งภาคธุรกิจและประชาชน ดังนั้นการประกาศใช้จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบให้มากๆ ว่าคุ้มไหม ยิ่งในกรณีปัจจุบันที่รายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 0 การส่งออกติดลบ เครื่องยนต์ตัวเดียวที่เหลือคือการบริโภคภายในประเทศ

ในกรณีปิดร้านเหล้าเราเข้าใจได้ ว่ามันเป็นกิจกรรมที่เบียดเสียด แออัด และเคยมีเคส big spreader แต่การคงเคอร์ฟิวไว้ มีความจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องคงไว้ เพื่อป้องกันปัจจัยอะไร ในเมื่อตาม พรบ. โรคติดต่อ ปกติก็สามารถสั่งตรวจ ห้าม และกระชับพื้นที่ ในกรณีมีการรวมตัวที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด (ไม่ต้องพูดถึง พรก. ฉุกเฉินที่มีอำนาจมากกว่า และคุ้มครองเจ้าพนักงานได้มากกว่าด้วย)

ดังนั้นเวลาจะถามไม่ใช่ว่า เปิดเพราะอะไร แต่ต้องถามว่าปิดเพราะอะไร อย่ามาทำตัวให้ชินกับการริดลอนใดๆ โดยรัฐ

งัดมา 2-3 กระทู้ละ อยากได้ยินคำตอบที่เข้าท่าซะที  


ผมเคยตอบไปทีแล้วเพราะมีเพื่อนทำงานอยู่ควบคุมโรค คำถามคือกั๊กไว้ทำไม4ชั่วโมง หลักๆเพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดดึก
มันเป็นช่วงเวลาที่คนไปเค้าไม่ได้ไปที่แบบนี้เป็นกิจวัตร แบบเยาวราช ข้าวสาร ถ้าเกิดSuper Spreaderมันจะยุ่งยากมาก
ด้วยที่มันนอกเวลางานอาจจะมาสังสรรค์มาเที่ยวจะกินจะเดินเล่นหรือมีธุระ สถานที่แบบนี้เป็นที่ที่คนจากทุกพื้นที่มีโอกาสมาได้หมด

ต่างกับที่ที่เปิดในเวลากลางวัน ซึ่งส่วนใหญ่คนจะไปที่นั้นๆเพราะกิจวัตร เช่นห้างสรรพสินค้าคนที่จะไปห้างไกลๆส่วนใหญ่มีกิจธุระ
ถ้าไปเดินเล่นก็ไปใกล้บ้านทั้งนั้น สมมุติมีSuper Spreaderที่ห้างย่านบางกะปิคนจากบางบอนคงไม่มาเดินเล่นแถวนี้
อีกทั้งช่วงนี้มันเป็นเวลางาน ทำให้เวลาจะตรวจสอบroutineของสถานที่จะตรวจได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะกทม.ที่คนกระจุกตัว
จังหวัดอื่นปิดจังหวัดตรวจนับเป็น1 แต่ที่กทม.มันนับเป็นเขตซึ่ง30กว่าเขตคนมันไม่พอครับ แค่ค่ายมวยก็ไม่ได้กลับบ้านกัน

ส่วนจะคิดว่ามันเอื้อการเมืองผมก็คิดครับ แต่ผมก็ต้องเชื่อเพื่อนผมที่ทำงานตรงนี้โดยตรงด้วย  


แล้วปัจจุบันมันมีสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนที่เปิดดึกอะไรบ้างที่มันเข้าข่ายเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค แล้วยังเปิดได้อยู่ และถ้ามันเสี่ยงต่อการแผ่กระจายจริง ทำไมไม่ใช้อำนาจตาม พรบ.โรคระบาด สั่งปิดเป็นกรณีจำกัดไป ทำไมต้องหว่านแหให้กระทบวงกว้าง

ถ้าท่านตอบไม่ได้ รบกวนฝากท่านไปถามเพื่อนท่านให้ที เพราะผมก็ถามหลายคน รวมทั้งเพื่อนผมด้วย แต่ก็ไม่มีใครให้เหตุผลที่เข้าท่าได้

ส่วนท่านจะเชื่อเพื่อนท่านก็แล้วแต่ ตัวผมเองก็มีคนรู้จักทำงานอยู่ในภาครัฐทั้ง สธ. ทั้งทหาร ทั้งรัฐบาล แต่ผมมีวิจารณญานพอที่จะวิเคราะห์จากข้อมูลและการกระทำต่างๆ เพื่อตัดสินใจว่าอะไรเองจริงไม่จริง โดยไม่นำความสัมพันธ์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว การกระทำมันเสียงดังกว่าคำพูด

สำหรับผมถ้ายังตอบคำถามข้างต้นไม่ได้ ข้อสันนิฐานเบื้องต้นของผมคือ ที่ต่อเคอร์ฟิวก็เพราะนายกมันโง่เรื่องเศรษฐกิจ มองภาพรวมไม่ออก พอใจแค่กับตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ ส่วนที่ต่อ พรก. ก็เพราะกลัวม๊อบ ถึงกับมีเจ้าหน้าที่ไปจับคนจัดกิจกรรมรำลึกรัฐประหาร แล้วก็เกณฑ์กำลังพลไปเฝ้าตึกธรรมเนียบเพราะกลัวโปรเจคเตอร์ แต่ละอย่างฟังดูเกี่ยวกับโรคระบาดไหมละ (ยิ่งถ้าไม่ต่อเคอร์ฟิว แต่ต่อ พรก. ฉุกเฉิน คนยิ่งจะตั้งคำถามใหญ่ว่าจะลากไปถ้วยอะไร)
แก้ไขล่าสุดโดย Wolvesgangster เมื่อ Fri May 29, 2020 21:54, ทั้งหมด 5 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 4422
ที่อยู่: Buzz lightyear of star command
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 20:34
[RE: มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3 ]
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Luxxx พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
มานั้งเถียงกันอยู่ได้ว่าจะตี 3 หรือตี 4 อย่างแรกที่ควรถามคือจะคงเคอร์ฟิวไปอีกเพื่ออะไร จะมาปรับลดทีละนิดทำไม มันมีปัจจัยอะไรในช่วงเวลานั้นที่มีความเสี่ยงมากจนถึงขนาดต้องเคอร์ฟิว จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงเวลากลางคืน

คนที่ได้รับผลกระทบจากเคอร์ฟิวมันไม่ได้มีแต่ตลาดเช้า คนที่เขาประกอบอาชีพกลางคืน พนักงานเปลี่ยนกะที่ต้องเดินทางในช่วงเวลาคาบเกี่ยว คนที่ขายอาหารในช่วงเวลากลางคืน logistics ต่างๆ

มาตราการจำกัดใดๆ ของรัฐ ย่อมสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ ต้นทุนที่แพงขึ้นของทั้งภาคธุรกิจและประชาชน ดังนั้นการประกาศใช้จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบให้มากๆ ว่าคุ้มไหม ยิ่งในกรณีปัจจุบันที่รายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 0 การส่งออกติดลบ เครื่องยนต์ตัวเดียวที่เหลือคือการบริโภคภายในประเทศ

ในกรณีปิดร้านเหล้าเราเข้าใจได้ ว่ามันเป็นกิจกรรมที่เบียดเสียด แออัด และเคยมีเคส big spreader แต่การคงเคอร์ฟิวไว้ มีความจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องคงไว้ เพื่อป้องกันปัจจัยอะไร ในเมื่อตาม พรบ. โรคติดต่อ ปกติก็สามารถสั่งตรวจ ห้าม และกระชับพื้นที่ ในกรณีมีการรวมตัวที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด (ไม่ต้องพูดถึง พรก. ฉุกเฉินที่มีอำนาจมากกว่า และคุ้มครองเจ้าพนักงานได้มากกว่าด้วย)

ดังนั้นเวลาจะถามไม่ใช่ว่า เปิดเพราะอะไร แต่ต้องถามว่าปิดเพราะอะไร อย่ามาทำตัวให้ชินกับการริดลอนใดๆ โดยรัฐ

งัดมา 2-3 กระทู้ละ อยากได้ยินคำตอบที่เข้าท่าซะที  


ผมเคยตอบไปทีแล้วเพราะมีเพื่อนทำงานอยู่ควบคุมโรค คำถามคือกั๊กไว้ทำไม4ชั่วโมง หลักๆเพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดดึก
มันเป็นช่วงเวลาที่คนไปเค้าไม่ได้ไปที่แบบนี้เป็นกิจวัตร แบบเยาวราช ข้าวสาร ถ้าเกิดSuper Spreaderมันจะยุ่งยากมาก
ด้วยที่มันนอกเวลางานอาจจะมาสังสรรค์มาเที่ยวจะกินจะเดินเล่นหรือมีธุระ สถานที่แบบนี้เป็นที่ที่คนจากทุกพื้นที่มีโอกาสมาได้หมด

ต่างกับที่ที่เปิดในเวลากลางวัน ซึ่งส่วนใหญ่คนจะไปที่นั้นๆเพราะกิจวัตร เช่นห้างสรรพสินค้าคนที่จะไปห้างไกลๆส่วนใหญ่มีกิจธุระ
ถ้าไปเดินเล่นก็ไปใกล้บ้านทั้งนั้น สมมุติมีSuper Spreaderที่ห้างย่านบางกะปิคนจากบางบอนคงไม่มาเดินเล่นแถวนี้
อีกทั้งช่วงนี้มันเป็นเวลางาน ทำให้เวลาจะตรวจสอบroutineของสถานที่จะตรวจได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะกทม.ที่คนกระจุกตัว
จังหวัดอื่นปิดจังหวัดตรวจนับเป็น1 แต่ที่กทม.มันนับเป็นเขตซึ่ง30กว่าเขตคนมันไม่พอครับ แค่ค่ายมวยก็ไม่ได้กลับบ้านกัน

ส่วนจะคิดว่ามันเอื้อการเมืองผมก็คิดครับ แต่ผมก็ต้องเชื่อเพื่อนผมที่ทำงานตรงนี้โดยตรงด้วย  


แล้วปัจจุบันมันมีสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนที่เปิดดึกอะไรบ้างที่มันเข้าข่ายเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค แล้วยังเปิดได้อยู่ และถ้ามันเสี่ยงต่อการแผ่กระจายจริง ทำไมไม่ใช้อำนาจตาม พรบ.โรคระบาด สั่งปิดเป็นกรณีจำกัดไป ทำไมต้องหว่านแหให้กระทบวงกว้าง

ถ้าท่านตอบไม่ได้ รบกวนฝากท่านไปถามเพื่อนท่านให้ที เพราะผมก็ถามหลายคน รวมทั้งเพื่อนผมด้วย แต่ก็ไม่มีใครให้เหตุผลที่เข้าท่าได้

ส่วนท่านจะเชื่อเพื่อนท่านก็แล้วแต่ ตัวผมเองก็มีคนรู้จักทำงานอยู่ในภาครัฐทั้ง สธ. ทั้งทหาร ทั้งรัฐบาล แต่ผมมีวิจารณญานพอที่จะวิเคราะห์จากข้อมูลและการกระทำต่างๆ เพื่อตัดสินใจว่าอะไรจริงไม่จริง การกระทำมันเสียงดังกว่าคำพูด  


คำถามว่าทำไมไม่ใช้ทางเลือกอื่นเพื่อนผมก็ไม่น่าจะตอบได้ อำนาจมันเหนือเพื่อนผมไปไกลเลยได้แต่ทำๆไปตามคำสั่ง
เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนที่เปิดดึกตอนนี้ด้านการคุมโรคยังถือเป็นความเสี่ยงทั้งหมดครับยังต้องปิดอยู่ เหตุผลก็ตามที่พูดไป
ผมมาบอกมุมของคนที่ต้องตามตรวจโรคจำกัดพื้นที่ตรวจในกทม.ครับ จะตัดสินอะไรตามวิจารณญาณท่านเลยครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: Would you rather die a hero?
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 8343
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 21:07
[RE: มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3 ]
Luxxx พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Luxxx พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
มานั้งเถียงกันอยู่ได้ว่าจะตี 3 หรือตี 4 อย่างแรกที่ควรถามคือจะคงเคอร์ฟิวไปอีกเพื่ออะไร จะมาปรับลดทีละนิดทำไม มันมีปัจจัยอะไรในช่วงเวลานั้นที่มีความเสี่ยงมากจนถึงขนาดต้องเคอร์ฟิว จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงเวลากลางคืน

คนที่ได้รับผลกระทบจากเคอร์ฟิวมันไม่ได้มีแต่ตลาดเช้า คนที่เขาประกอบอาชีพกลางคืน พนักงานเปลี่ยนกะที่ต้องเดินทางในช่วงเวลาคาบเกี่ยว คนที่ขายอาหารในช่วงเวลากลางคืน logistics ต่างๆ

มาตราการจำกัดใดๆ ของรัฐ ย่อมสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ ต้นทุนที่แพงขึ้นของทั้งภาคธุรกิจและประชาชน ดังนั้นการประกาศใช้จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบให้มากๆ ว่าคุ้มไหม ยิ่งในกรณีปัจจุบันที่รายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 0 การส่งออกติดลบ เครื่องยนต์ตัวเดียวที่เหลือคือการบริโภคภายในประเทศ

ในกรณีปิดร้านเหล้าเราเข้าใจได้ ว่ามันเป็นกิจกรรมที่เบียดเสียด แออัด และเคยมีเคส big spreader แต่การคงเคอร์ฟิวไว้ มีความจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องคงไว้ เพื่อป้องกันปัจจัยอะไร ในเมื่อตาม พรบ. โรคติดต่อ ปกติก็สามารถสั่งตรวจ ห้าม และกระชับพื้นที่ ในกรณีมีการรวมตัวที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด (ไม่ต้องพูดถึง พรก. ฉุกเฉินที่มีอำนาจมากกว่า และคุ้มครองเจ้าพนักงานได้มากกว่าด้วย)

ดังนั้นเวลาจะถามไม่ใช่ว่า เปิดเพราะอะไร แต่ต้องถามว่าปิดเพราะอะไร อย่ามาทำตัวให้ชินกับการริดลอนใดๆ โดยรัฐ

งัดมา 2-3 กระทู้ละ อยากได้ยินคำตอบที่เข้าท่าซะที  


ผมเคยตอบไปทีแล้วเพราะมีเพื่อนทำงานอยู่ควบคุมโรค คำถามคือกั๊กไว้ทำไม4ชั่วโมง หลักๆเพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดดึก
มันเป็นช่วงเวลาที่คนไปเค้าไม่ได้ไปที่แบบนี้เป็นกิจวัตร แบบเยาวราช ข้าวสาร ถ้าเกิดSuper Spreaderมันจะยุ่งยากมาก
ด้วยที่มันนอกเวลางานอาจจะมาสังสรรค์มาเที่ยวจะกินจะเดินเล่นหรือมีธุระ สถานที่แบบนี้เป็นที่ที่คนจากทุกพื้นที่มีโอกาสมาได้หมด

ต่างกับที่ที่เปิดในเวลากลางวัน ซึ่งส่วนใหญ่คนจะไปที่นั้นๆเพราะกิจวัตร เช่นห้างสรรพสินค้าคนที่จะไปห้างไกลๆส่วนใหญ่มีกิจธุระ
ถ้าไปเดินเล่นก็ไปใกล้บ้านทั้งนั้น สมมุติมีSuper Spreaderที่ห้างย่านบางกะปิคนจากบางบอนคงไม่มาเดินเล่นแถวนี้
อีกทั้งช่วงนี้มันเป็นเวลางาน ทำให้เวลาจะตรวจสอบroutineของสถานที่จะตรวจได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะกทม.ที่คนกระจุกตัว
จังหวัดอื่นปิดจังหวัดตรวจนับเป็น1 แต่ที่กทม.มันนับเป็นเขตซึ่ง30กว่าเขตคนมันไม่พอครับ แค่ค่ายมวยก็ไม่ได้กลับบ้านกัน

ส่วนจะคิดว่ามันเอื้อการเมืองผมก็คิดครับ แต่ผมก็ต้องเชื่อเพื่อนผมที่ทำงานตรงนี้โดยตรงด้วย  


แล้วปัจจุบันมันมีสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนที่เปิดดึกอะไรบ้างที่มันเข้าข่ายเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค แล้วยังเปิดได้อยู่ และถ้ามันเสี่ยงต่อการแผ่กระจายจริง ทำไมไม่ใช้อำนาจตาม พรบ.โรคระบาด สั่งปิดเป็นกรณีจำกัดไป ทำไมต้องหว่านแหให้กระทบวงกว้าง

ถ้าท่านตอบไม่ได้ รบกวนฝากท่านไปถามเพื่อนท่านให้ที เพราะผมก็ถามหลายคน รวมทั้งเพื่อนผมด้วย แต่ก็ไม่มีใครให้เหตุผลที่เข้าท่าได้

ส่วนท่านจะเชื่อเพื่อนท่านก็แล้วแต่ ตัวผมเองก็มีคนรู้จักทำงานอยู่ในภาครัฐทั้ง สธ. ทั้งทหาร ทั้งรัฐบาล แต่ผมมีวิจารณญานพอที่จะวิเคราะห์จากข้อมูลและการกระทำต่างๆ เพื่อตัดสินใจว่าอะไรจริงไม่จริง การกระทำมันเสียงดังกว่าคำพูด  


คำถามว่าทำไมไม่ใช้ทางเลือกอื่นเพื่อนผมก็ไม่น่าจะตอบได้ อำนาจมันเหนือเพื่อนผมไปไกลเลยได้แต่ทำๆไปตามคำสั่ง
เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนที่เปิดดึกตอนนี้ด้านการคุมโรคยังถือเป็นความเสี่ยงทั้งหมดครับยังต้องปิดอยู่ เหตุผลก็ตามที่พูดไป
ผมมาบอกมุมของคนที่ต้องตามตรวจโรคจำกัดพื้นที่ตรวจในกทม.ครับ จะตัดสินอะไรตามวิจารณญาณท่านเลยครับ
 


งั้นก็เป็นกำลังใจให้เพื่อนท่าน และเจ้าหน้าที่ทุกท่านละกันครับ เวลาผม aim point ผมก็ชี้ไปที่ฝ่ายบริหารตลอดอยู่แล้ว กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติผมไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์อะไรมากมาย เพราะผมให้น้ำหนักกับภาพรวมมากกว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Wolvesgangster เมื่อ Fri May 29, 2020 21:08, ทั้งหมด 2 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel