[RE: มาตราการคลายล๊อกระยะที่ 3 ]
Luxxx พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
มานั้งเถียงกันอยู่ได้ว่าจะตี 3 หรือตี 4 อย่างแรกที่ควรถามคือจะคงเคอร์ฟิวไปอีกเพื่ออะไร จะมาปรับลดทีละนิดทำไม มันมีปัจจัยอะไรในช่วงเวลานั้นที่มีความเสี่ยงมากจนถึงขนาดต้องเคอร์ฟิว จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงเวลากลางคืน
คนที่ได้รับผลกระทบจากเคอร์ฟิวมันไม่ได้มีแต่ตลาดเช้า คนที่เขาประกอบอาชีพกลางคืน พนักงานเปลี่ยนกะที่ต้องเดินทางในช่วงเวลาคาบเกี่ยว คนที่ขายอาหารในช่วงเวลากลางคืน logistics ต่างๆ
มาตราการจำกัดใดๆ ของรัฐ ย่อมสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ ต้นทุนที่แพงขึ้นของทั้งภาคธุรกิจและประชาชน ดังนั้นการประกาศใช้จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบให้มากๆ ว่าคุ้มไหม ยิ่งในกรณีปัจจุบันที่รายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 0 การส่งออกติดลบ เครื่องยนต์ตัวเดียวที่เหลือคือการบริโภคภายในประเทศ
ในกรณีปิดร้านเหล้าเราเข้าใจได้ ว่ามันเป็นกิจกรรมที่เบียดเสียด แออัด และเคยมีเคส big spreader แต่การคงเคอร์ฟิวไว้ มีความจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องคงไว้ เพื่อป้องกันปัจจัยอะไร ในเมื่อตาม พรบ. โรคติดต่อ ปกติก็สามารถสั่งตรวจ ห้าม และกระชับพื้นที่ ในกรณีมีการรวมตัวที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด (ไม่ต้องพูดถึง พรก. ฉุกเฉินที่มีอำนาจมากกว่า และคุ้มครองเจ้าพนักงานได้มากกว่าด้วย)
ดังนั้นเวลาจะถามไม่ใช่ว่า เปิดเพราะอะไร แต่ต้องถามว่าปิดเพราะอะไร อย่ามาทำตัวให้ชินกับการริดลอนใดๆ โดยรัฐ
งัดมา 2-3 กระทู้ละ อยากได้ยินคำตอบที่เข้าท่าซะที
ผมเคยตอบไปทีแล้วเพราะมีเพื่อนทำงานอยู่ควบคุมโรค คำถามคือกั๊กไว้ทำไม4ชั่วโมง หลักๆเพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดดึก
มันเป็นช่วงเวลาที่คนไปเค้าไม่ได้ไปที่แบบนี้เป็นกิจวัตร แบบเยาวราช ข้าวสาร ถ้าเกิดSuper Spreaderมันจะยุ่งยากมาก
ด้วยที่มันนอกเวลางานอาจจะมาสังสรรค์มาเที่ยวจะกินจะเดินเล่นหรือมีธุระ สถานที่แบบนี้เป็นที่ที่คนจากทุกพื้นที่มีโอกาสมาได้หมด
ต่างกับที่ที่เปิดในเวลากลางวัน ซึ่งส่วนใหญ่คนจะไปที่นั้นๆเพราะกิจวัตร เช่นห้างสรรพสินค้าคนที่จะไปห้างไกลๆส่วนใหญ่มีกิจธุระ
ถ้าไปเดินเล่นก็ไปใกล้บ้านทั้งนั้น สมมุติมีSuper Spreaderที่ห้างย่านบางกะปิคนจากบางบอนคงไม่มาเดินเล่นแถวนี้
อีกทั้งช่วงนี้มันเป็นเวลางาน ทำให้เวลาจะตรวจสอบroutineของสถานที่จะตรวจได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะกทม.ที่คนกระจุกตัว
จังหวัดอื่นปิดจังหวัดตรวจนับเป็น1 แต่ที่กทม.มันนับเป็นเขตซึ่ง30กว่าเขตคนมันไม่พอครับ แค่ค่ายมวยก็ไม่ได้กลับบ้านกัน
ส่วนจะคิดว่ามันเอื้อการเมืองผมก็คิดครับ แต่ผมก็ต้องเชื่อเพื่อนผมที่ทำงานตรงนี้โดยตรงด้วย
แล้วปัจจุบันมันมีสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนที่เปิดดึกอะไรบ้างที่มันเข้าข่ายเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค แล้วยังเปิดได้อยู่ และถ้ามันเสี่ยงต่อการแผ่กระจายจริง ทำไมไม่ใช้อำนาจตาม พรบ.โรคระบาด สั่งปิดเป็นกรณีจำกัดไป ทำไมต้องหว่านแหให้กระทบวงกว้าง
ถ้าท่านตอบไม่ได้ รบกวนฝากท่านไปถามเพื่อนท่านให้ที เพราะผมก็ถามหลายคน รวมทั้งเพื่อนผมด้วย แต่ก็ไม่มีใครให้เหตุผลที่เข้าท่าได้
ส่วนท่านจะเชื่อเพื่อนท่านก็แล้วแต่ ตัวผมเองก็มีคนรู้จักทำงานอยู่ในภาครัฐทั้ง สธ. ทั้งทหาร ทั้งรัฐบาล แต่ผมมีวิจารณญานพอที่จะวิเคราะห์จากข้อมูลและการกระทำต่างๆ เพื่อตัดสินใจว่าอะไรเองจริงไม่จริง โดยไม่นำความสัมพันธ์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว การกระทำมันเสียงดังกว่าคำพูด
สำหรับผมถ้ายังตอบคำถามข้างต้นไม่ได้ ข้อสันนิฐานเบื้องต้นของผมคือ ที่ต่อเคอร์ฟิวก็เพราะนายกมันโง่เรื่องเศรษฐกิจ มองภาพรวมไม่ออก พอใจแค่กับตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ ส่วนที่ต่อ พรก. ก็เพราะกลัวม๊อบ ถึงกับมีเจ้าหน้าที่ไปจับคนจัดกิจกรรมรำลึกรัฐประหาร แล้วก็เกณฑ์กำลังพลไปเฝ้าตึกธรรมเนียบเพราะกลัวโปรเจคเตอร์ แต่ละอย่างฟังดูเกี่ยวกับโรคระบาดไหมละ (ยิ่งถ้าไม่ต่อเคอร์ฟิว แต่ต่อ พรก. ฉุกเฉิน คนยิ่งจะตั้งคำถามใหญ่ว่าจะลากไปถ้วยอะไร)