กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 240
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 29, 2020 17:51
[RE: เมื่อ Kimetsu no Yaiba ถล่มตลาดการ์ตูนแบบโคตรพ่อโคตรแม่โหด!!]
อันนี้เป็นบทความการวิเคราะห์ส่วนตัวนะ การ์ตูนเรื่องนี้ ทางจัมป์เค้าดันเต็มที่ด้วยแหละ เพราะจัมป์ขาดการ์ตูนสนุกที่เทียบเท่ากับช่วงยุครุ่งเรืองมานานมากแล้ว (ช่วงปี 1980-2010) ไม่รู้อะไรคือสาเหตุหลักนะ แต่ผมจะเรียงทามไลน์พร้อมการวิเคราะห์ช่วงท้าย
1.การ์ตูนเริ่มเผยแพร่ออกมาช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ในนิตรยสารรายสัปดาห์ ฉบับที่ 11/2016
โดยการ์ตูนที่ได้ลงในช่วงนั้น ทุกคนจะรู้จักกันดีหลายเรื่อง OnePiece,BlackClover,MyHero,Haikyuu, AssasinatonClassroom,WorldTrigger,Shoukigeki no Soma, Gintama, Bleach, Toriko, Nisekoi ดูแล้วค่อนข้างหนักหนาสาหัสเอาการกับการถูกจัดอันดับพร้อมกับการ์ตูนที่มีฐานแฟนคลับเยอะเนื่องจากหลายเรื่องตีพิมพ์มาหลายตอนแล้ว หากว่า 8 ตอนแรกไม่สามารถครองใจผู้อ่านได้เตรียมโดนตัดจบได้เลย (8 ตอนแรกจะไม่ถูกจัดอันดับ)
2.จากข้อ 1 จะเห็นได้ว่า ถ้าการ์ตูนไม่ไหวจริงๆในช่วงนี้ อาจารย์เข้เตรียมตัวไปคิดซีรี่ย์เรื่องใหม่ได้เลย แต่แนวโน้มการ์ตูนจัมป์ช่วงนั้น หลายๆเรื่องเริ่มออกอาการหมดมุข อยู่ในช่วงขาลงทั้งนั้น บางเรื่องก็ดำเนินมาถึงท้ายเรื่องจริงๆ โดย asssaination classroom เป็นเรื่องแรกที่อวสานไปนับตั้งแต่เรื่องดาบพิฆาตอสูรเข้ามาอยู่ในการจัดอันดับ
3.หลังจาก 8 ตอนแรกที่ว่า ดาบพิฆาตอสูรจะถูกจัดอยู่อันดับราวๆ 6-10 จากซี่รี่ย์ที่ถูกจัดอันดับราวๆ 15 เรื่อง และแน่นอนว่าการ์ตูนดังอย่าง toriko bleach gintama ที่อยู่ในอันดับท้ายตาราง ก็ได้ทยอยถูกตัดจบไปทีละเรื่องๆ ทีละเรื่อง สุดท้ายก็เหลือการ์ตูนที่เป็นเสาหลัก ในช่วงหลังจากนั้นไม่กี่เรื่องคือ Onepiece Myhero Haikyuu Blackclover ซึ่งพวกนี้ยึดหัวตารางเป้นประจำ ช่วงปีนี้เรื่องหน้าตื่นเต้นที่สุด คงหนีไม่พ้นการที่ HxH กลับมาตีพิมอีกครั้งหลังจากหยุดไปเกือบ 2 ปี แต่ก็หยุดหลังจากนั้นอีกไม่นาน
4.เมื่อเข้าสู่ปี 2017 มีเรื่องใหม่เข้ามาและดูมีแววมากกว่า ดาบพิฆาตอสูร นั่นคือ เรื่อง Promise Neverland และ Dr.Stone และแน่นอนว่าอันดับก็ค่อนข้างดียึดอันดับหัว-กลางตารางได้เรื่อยๆ
5.ช่วงปีนี้เป็นช่วงที่ดาบพิฆาตอสูรดำเนินเรื่องมาถึงช่วงพีคที่สุดของเรื่องก็คือการต่อสู้ของทันจิโร่ Vs รุย ในฉบับมังงะและแน่นอนผู้อ่านชาวญี่ปุ่นเริ่มไฮป์กับเรื่องนี้ แต่แน่นอนว่าทั้งโลกรวมถึงชาวไทยยังคงไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของมังงะเรื่องนี้สักเท่าไหร่
6.ถึงแม้จะมีการ์ตูนใหม่ๆ หลายเรื่องเข้ามาตลอดในช่วงนี้ แต่ดาบพิฆาตอสูรก็เริ่มมีการพูดถึงมากขึ้นในหมู่นักอ่านชาวญี่ปุ่น และยังโชว์ฟอร์มได้ต่อเนื่องยึดอันดับช่วง 3-8 ได้เสียส่วนใหญ่ ไปจนจบปี 2017
7.ช่วงต้นปี 2018 ดาบพิฆาตอสูรทำอันดับได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนยึดหัวตารางได้มากขึ้น และมาถึงกลางปี 2018 ในที่สุดการ์ตูนเรื่องนี้ก็ได้ถูกทาบทามไปทำอนิเมะจนได้ ในเวลาช่วงเดียวกันกับเรื่อง Promise neverland (มาทีหลังแต่ได้ทำเมะก่อน....)
8.อนิเมะเริ่มฉายในเดือนเมษา 2019 และเมื่ออนิเมะตอนที่ 19 (ทันจิโร่ vs รุย) ออกฉาย ผมคงไม่ต้องพูดถึงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับการ์ตูนเรื่องนี้
จากข้อมูลด้านบนที่เขียนมา ต้องบอกเลยว่าการ์ตูนเรื่องนี้อาศัยโชคเป็นอย่างมาก เพราะเรียกได้ว่าอาจารย์ประคับประคองเนื้อเรื่องไปจนถึงตอนที่ ทันจิโร่ vs รุย ได้ โดยไม่ถูกตัดจบไปเสียก่อน ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าการ์ตูนเรื่องนี้ไปโผล่ในจัมป์ยุครุ่งเรืองเช่น naruto,one piece,hxh,bleach ที่เพิ่งเริ่มเขียนออกมาใหม่ๆ ไม่รู้จะเป็นอย่างไร แถมช่วงที่ดาบพิฆาตอสูรเริ่มเขียน การ์ตูนดังเรื่องอื่นก็ถึงช่วงขาลงเสียแล้ว ทำให้การแย่งชิงพื้นที่บนนิตรยสารจั้มป์มันไม่ได้ยากเท่าปีก่อนๆหน้านั้น ที่มีการ์ตูนสนุกมีเยอะมากๆ
จนกระทั่งทำอันดับได้ดีจนไปเข้าตาค่ายอนิเมะ ufotable เข้า
สรุปก็คือ หลักๆเลยเป็นเรื่องของโชคและเวลาที่เหมาะเจาะล้วนๆเลยครับ สำหรับการ์ตูนเรื่องนี้ หลายคนอาจจะบอกว่าการ์ตูนเรื่องอื่นในช่วงนี้ก็สนุก อย่าง My hero academia แต่ทำไมไม่ไฮป์กัน อันนั้นก็สนุกแต่มันไม่สนุกเท่าดาบพิฆาตอสูรที่ได้ Ufotable มากำกับอนิเมะ
รองลงมาอีกอย่างที่สำคัญพอๆกับโชคและดวง คือฝีมือการดีไซน์ของตัวละครเอกเรื่องดาบพิฆาตอสูรออกแบบมาได้น่าจดจำกว่าเรื่องอื่นครับ อันนี้เป็นเรื่องเชิงลึกหลายคนอาจะไม่เข้าใจ มันคือทฤษฎีสีและการออกแบบแพทเทิร์น คือ คนที่เห็นมาแล้วจำได้ทันทีเลยว่านี่คือทันจิโร่ (ผมขอยกตัวอย่างแค่คนเดียว) เสื้อคลุมยาวตารางหมากรุกสีเขียว ต่างหูสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ดวงตาตัวละครที่ไม่ค่อยเหมือนใคร คืออาจารย์เขาคิดมาดีแล้ว ไม่ใช่การวาดให้สวยแต่มันคือการวาดให้น่าจดจำและง่ายในการเข้าถึง (ไม่ได้พูดถึงเอกลักษณ์นะ การ์ตูนเรื่องนี้เอกลักษณ์ไม่ชัดเจนเท่าเรื่องอื่นๆ) ถ้าลายเส้นมันไม่สวยก็ต้องเพิ่มรูปแบบอื่นๆเข้าไปให้จดจำได้ง่าย ก็เลยกลายเป็นเครื่องแบบนักล่าอสูร ที่แทบจะไม่ซ้ำกันเลย ทุกอย่างมันถูกวางมาหมดแล้ว รอแค่ถึงเวลาที่คนจะได้รู้จักกับมันเท่านั้นเอง (ถ้าไม่โดนตัดจบเสียก่อน)
ถึงเมะจะทำดีแค่ไหน แต่ถ้าดีไซน์ เซตติ้งบทบาทของตัวละครหลักมันไมไ่ด้เรื่อง ยังไงมันก็มาไม่ได้ไกลขนาดนี้แน่ๆ ต้องยกเครดิตให้อ.คนเขียนด้วยไม่ใช่แค่เรื่องดวงอย่างเดียว
ขออภัยพิมยาวไปหน่อย
พูดถึงเรื่องการดีไซน์ให้เป็นที่จดจำผมขอแนะนำมังงะและอนิเมะเรื่องนึงครับ
"Fire force หน่วยผจญคนไฟลุก" จากสำนักพิมพ์โคดันฉะ คนเขียนเดียวกันกับเรื่อง Soul Eater นั่นเอง แต่คนอ่านคนดูจะรับได้กับการออกแบบรึเปล่าก็แล้วแต่คนนะ แนวเรื่องเป็นโชเน็นเหมือนกัน แต่สนุกมั้ยเป็นยังไงผมไม่รู้ยังไม่มีเวลาดู แต่เห็นแว๊บเดียวจำได้แบบติดตาเลย
แก้ไขล่าสุดโดย MootosH เมื่อ Fri May 29, 2020 18:29, ทั้งหมด 7 ครั้ง