ต่างประเทศก็เป็น แก่ๆ จะเป็นไปทางอนุรักษ์นิยม เช่น ทรัมพ์ หรือกลุ่มที่ต้องการออกจากเบรกซิท

โดยรวมของตปทที่เห็นคือ แนวทางหรือนโยบายของแต่ละฝ่ายจะค่อนข้างชัดเจน คะแนนเสียงก็เป็นไปตามความต้องการของประชาชนแต่ละกลุ่ม ปัจจัย สภาพแวดล้อม บริบทสังคม แต่ละช่วงก็มีส่วนทำให้เปลี่ยนไปอีกฝ่ายได้

ของไทยส่วนใหญ่เท่าที่สังเกตุ ส่วนใหญ่ ยึดกับคน ยึดกับหัวคะแนน แล้วก็แบ่งข้างแบ่งฝ่าย

ส่วนตัวคิดว่าใครทำดีก็คือดี ใครแย่ก็คือแย่ ไม่ใช่ว่าฝ่ายนี้บอกคือดี ถ้าอีกฝ่ายคือไม่ดี

ประชาชนต้องช่วยกันตรวจสอบนักการเมือง ไม่ใช่ตรวจแต่ฝั่งตรงข้าม ผิดทุกอย่าง ส่วนฝั่งตัวเองถูกหมด อวยแหลก แล้วก็เป็นฐานไปด่าประชาชนด้วยกันแต่อยู่คนละฝั่ง ด่ากันไปกันมา บ้านเมืองไม่ได้อะไรขึ้นมา นักการเมืองยิ้ม ให้มันทะเลาะกัน ปกครองง่ายดี

ผมว่ารอบนี้ไม่ได้ดูนโยบายด้วยซ้ำ เด็กหลายคนแค่อยากเอาคนเก่าออก คนแก่หลายคนอยากให้อยู่แบบเดิม

ทุกวันนี้เด็กมันอยากรู้อะไรมันก็เปิดกูเกิ้ล เปิดยูทูป ดูและฟังจากรอบด้าน
แล้วมันก็เอามาวิเคราะห์ของมันเอง มันจะชอบสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลก็ไม่แปลกหรอก

สิ่งที่เกิดขึ้นกับแนวคิดของเยาวชน มันไม่ควรเป็นเรื่องแปลกหรือแบ่งแยกช่วงอายุด้วยซ้ำไป
มันคือสิ่งที่ปัจเจกชน ไม่ว่าจะวัยไหนก็ควรจะคิดเองได้ แต่แปลกกับประเทศไทย

เทคโนโลยีมาพร้อมความศิวิไลซ์ทางความคิด เชื่อมโลกให้แคบขึ้นแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส
ไม่ต้องไปนั่งดูโฆษณาฝังหัว ไปถามญาติ ถามผู้ใหญ่อีกต่อไปแล้ว

ผู้ใหญ่หลายๆคนที่ดูแคลนความคิดของเด็ก บางทีก็ต้องมองตัวเองว่าดีกว่าเด็กมันตรงไหน
ถึงคิดว่าเด็กมันคิดผิด เอาเหตุผลของตัวเองออกมายันว่าทำไมเด็กมันถึงผิด

ไม่ใช่แถข้างๆคูๆ ล้มเจ้า ชังชาติ บ้าบอคอแตกมีแต่สิ่งที่เป็นนามธรรม
สิ่งที่เป็นรูปธรรมชัดๆ ทั้งการคอรัปชั่นเวลา,งบ กีดกันสิทธิ เสรีภาพ กฏหมาย 2 มาตรฐาน
เอื้อผลประโยชน์ แก้ปัญหาไม่ได้

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาคือสิ่งที่เป็นรูปธรรมทั้งสิ้น แล้วเด็กที่ไม่ได้มีอคติหรือการถูกฝังหัว เมื่อได้เห็น
ก็ตาสว่างได้โดยง่าย มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิดครับ

คือคนเรามันเห็นกันโท่งแบบนี้มา 5-6 ปี แถมประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยมาหลายรอบให้ได้ศึกษา
แล้วยังไปเชียอยู่ได้ ก็ต้องมองตัวเองก่อนว่าอีโก้สูงไปหรือเปล่า หรือพลาดที่ตรงไหนไหม
ทำไมเด็กมันคิดอีกอย่าง แล้วเวลาเห็นแย้งคุณเอาหลักฐานที่เป็นรูปธรรมไปยันเขากลับได้ไหม

ผมจะไม่พูดถึงไอ้พวกที่มีผลประโยชน์จากการบริหารควายๆแบบนี้อะนะ
เพราะพูดไปก็ไม่ได้อะไร เพราะมันเลือกที่จะปิดตาหาผลประโยชน์เข้าตระกูล เข้าตัวเองกันอยู่แล้ว
ไม่ได้อยากจะรักชาติอะไรหรอก แค่เอาเป็นเกราะให้ตัวเองได้ทำสิ่งชั่วช้าได้แบบคนดีย์เฉยๆ

ไม่ใช่ที่แรกในโลกหรอกครับ กระแสความเปลี่ยนแปลงจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ (youth wave) เป็นปรากฏการณ์ทั่วไปในประวัติศาสตร์ เรื่องเล็กบ้าง เรื่องใหญ่บ้าง เป็นเรื่องของ generation gap

ในไทย เทคโนโลยีทำให้ข้อมูล main stream ที่คนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าได้รับไม่ตรงกัน โดยเฉพาะข้อมูลทางการเมืองที่แตกต่างกันอย่างมาก เป็นผลให้เกิดความขัดแย้งของชุดข้อมูลที่ต่างกัน

สมัยนีข่าวปลอมโจมตีฝั่งตรงข้ามเยอะครับ ในเฟสในทวีตเต็มเลย คนที่เล่นโซเชี่ยลส่วนใหญ่ก็พวกวัยรุ่น ส่วนใหญ่ยังไม่มีประสบการณ์เรื่องการเมืองเลยโดนหลอกง่าย คนมีอายุเค้าผ่านเรื่องราวมาเยอะ บวกกับไม่ได้ติดตามข่าวปลอมเลยใช้ประสบการณ์ตัวเองที่เคยผ่านมาเป็นตัวตัดสินว่าใครดีไม่ดี

เป็นกันทั่วโลกแหละครับ ความแตกต่างทางด้านมุมมองและความคิด ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง

ตั้งแต่ยุค baby boomer มาจนถึงเด็กที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นในตอนนี้คือเกิดหลังปี ค.ศ.2000 นี่สภาพแวดล้อมแทบจะเป็นคนละโลกกันเลย เทคโนโลยีมนุษย์ก้าวกระโดดไปไวมาก ไม่แปลกที่มันจะถ่างช่องว่างคนระหว่าง Gen ต่างๆให้มากขึ้น

วันก่อนผมดูรายการคุณกรุณา เค้าพูดไว้น่าสนใจมากเลย
คนสมัย baby boomer ที่คิดว่าหัวเก่าอนุรักษ์นิยมตอนนี้
สมัยสี่ห้าสิบปีก่อนก็โตมากับการเป็นฮิปปี้ แล้วก็ทะเลากับคนหัวเก่ามาแล้วเหมือนกัน
เป็นคลืนซัดเข้าฝั่งที่คงจะมีลูกต่อไปมาเรื่อยๆ

ผมกลับมองว่าพวกรุ่นเก่านี่หลอกง่ายมากกว่า อย่างพวกอ่านข่าวในกรุ๊ปไลน์ อีกอย่างบอกมีประสบการ์ณมาก่อนแล้วยังไงกลัวการเปลี่ยนแปลงหรอครับ ถึงยังเลือกเดิมๆไม่ใช่ว่าลุงเพิ่งมาอยู่น่ะ อยู่มาแล้ว6ปี กลับกันพคนรุ่นใหม่ที่คนรุ่นเก่าบอกหลอกง่ายทำไมถึงเลือกอนาคตใหม่เพราะเด็กรุ่นใหม่ต้องการการเปลี่ยนแปลง เพราะพวกนักการเมืองรุ่นเก่านี่หลอกคนรุ่นเก่ามากี่รอบล่ะ ทหารบอกจะมาเปลี่ยนแปลงกี่รอบ ก็อีหรอบเดิมหลอกแล้วหลอกอีกคนรุ่นเก่าก็เชื่อแล้วเชื่ออีก

ในฐานะคน Gen Y และคุณแม่เป็น Baby Boomers ให้ความเห็นตรงกันว่า

-คนรุ่นเก่าส่วนใหญ่ไม่มีการศึกษา
-คนรุ่นเก่าหลอกง่าย
-คนรุ่นเก่าเป็นตัวสร้างระบบอุปถัมภ์ขึ้น

ถ้าคนรุ่นเก่าดี/เอานายพลมาปกครองประเทศแล้วดี ป่านนี้ประเทศเจริญไปนานแล้วครับ
ไม่ใช่ประเทศที่มีชื่อเสียงแต่ Sex Tourism , Lady Boy ภูมิใจไหมละคนรุ่นเก่า

แต่ไอคนรุ่นใหม่ที่ได้รับข่าวสารแล้วยังโดนหลอกอะ...

ปัจจัยคือสื่อ ข้อมูลที่เสพ

ดูแค่นั้นก็รู้เลย

คนเข้าถึงข้อมูลได้ไม่เท่ากัน คนแก่วันๆ นั่งฟังแต่ propaganda รัฐบาล

สถานีโทรทัศน์ คลื่นวิทยู ทหารคุมหมด เหมือนนั่งอ่านโบรชัวร์ค่ายทหาร แล้วมานั่งป่าวประกาศว่า เห็นไหมทหารดีจะตาย ไม่เห็นมีเรื่องแย่ๆ

whistleblower คนไหนอยากออกมาแฉ โดนจับหมด พอ Covid มากฏแรกๆ ที่ออกก็เรื่องควบคุมข้อมูล

มันเห็นชัดอยู่แล้วอ่ะเอาตรงๆ ว่ารัฐบาลต้องการอะไร เขาไม่ได้ทำหน้าที่ได้ดี เขาแค่จัดการหุบปากคนที่ออกมาด่าว่าแม่งกระจอก

ไม่ใช่แค่ไทยหรอกที่เจอปัญหานี้ ดูเมกาดิ ว่าใครเชียร์ Trump..คนเชียร์ Trump ดู fox news ไม่ต่างกับคนไทยดู nation

เข้าใจว่าน่าจะหมายถึงฝั่งอเมริกานะครับ เพราะ babyboomers ของอเมริกาโตมาพร้อมกับสงครามเวียดนาม ซึ่งอเมริกาส่งทหารมารบจำนวนมาก จึงเกิดกระแสต่อต้านสงคราม ต่อต้านชาตินิยมขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น

ในไทยเองวัยรุ่นยุคนั้นก็ได้รับอิทธิพลทางด้านแฟชั่นฮิปปี้และเพลงร็อคแอนด์โรลมาจากฝั่งอเมริกา ผ่านทหารอเมริกาที่มาตั้งฐานในไทย แต่ในเรื่องการเมืองไม่ค่อยแน่ชัดว่าเราได้รับอิทธิพลเรื่องเสรีนิยมมาจากอเมริกามากแค่ไหน เพราะเป็นที่รู้กันว่าอเมริกาในสมัยนั้นหนุนหลังรัฐบาลเผด็จการทหารไทย

แต่ถ้าเราดูหนังอย่างเรื่อง 7 ประจัญบาน เราก็จะได้เห็นฉากที่เด็กวัยรุ่นในสมัยนั้นออกมาเดินขบวนต่อต้านการตั้งฐานทัพของอเมริกาในไทย ซึ่งก็เป็นกระแสเดียวกับพวกวัยรุ่นในอเมริกาที่เรียกร้องให้กองทัพของตัวเองถอนตัวออกจากสงครามเวียดนาม

เป็นวัฏจักรของทุกสิ่งครับ เก่าไป ใหม่มา มีแต่พวกบ้าอำนาจบางคนที่ไม่ยอมไหลไปตามกระแส พยายามจะหยุดทุกอย่างเอาไว้โดยไม่สนใจราคาที่จะต้องจ่าย

เหตุผลก็ง่ายๆแหละครับ ความเชื่อที่ถูกสืบทอดกันมา คล้ายๆเราเกิดมาส่วนใหญ่นับถือพุทธแบบไม่ได้สมัครใจนั่นแหละ

รู้นะจร้ะ ว่าตั้งใจมาปั่น

มาทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ

สมัยก่อนแม่ผมก็ไปประท้วงเดือนตุลาคือประท้วงทหารนะ
แต่ตอนนี้ก็เลือกบิ๊กตู่ ซึ่งก็เป็นทหาร
อยู่บ้านโดนว่าเป็นพวกแดง อยู่ในนี้โดยว่าเป็นสลิ่ม

เรื่องเทคโนโลยีการเข้าถึงข้อมูล คือตัวแปรสำคัญมากๆของการส่งผลต่อเด็กๆรุ่นใหม่ ผมยกตัวอย่างประเทศนึงที่เห็นได้ชัดมากๆเลย จีน!! เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการจัดการวางแผนดีมากๆ Block ข้อมูลทุกอย่างจากภายนอก (Google, Facebook, YouTube ข้อมูลเวบไซต์ข่าวของต่างประเทศ) แล้วเติมเต็มด้วยสิ่งที่รัฐจัดหามาให้โดยไม่ให้รู้สึกว่าล้าหลัง มันทำให้เขาปรกครองแบบเบ็ดเสร็จได้หมดควบคุมได้ทุกอย่าง ในขณะประเทศไทยเราทำแบบนั้นไม่ได้ อะไรที่มันเคยหมกกันเอาไว้ มันเลยค่อยๆระเบิดออกมาแล้วถูกกแชร์ออกมาในวงกว้างออกมาเรื่อยๆ ให้เด็กๆมันเห็นนั่นแหละ