[RE: เปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยโควิดรายใหม่ในอเมริกาก่อนและหลังรณรงค์ใส่หน้ากากอนามัย]
เอกสารตีพิมพ์วันที่ 3 สกสว.แปลมาให้อ่าน
หน้ากากอนามัยช่วยลดการเเพร่ไวรัสโคโรนาได้จริง
นักวิทยาศาสตร์ศึกษากลุ่มประชากรตัวอย่าง เก็บตัวอย่างจากโพรงจมูก (nasal swab) ตัวอย่างจากลำคอ (throat swab) เพื่อตรวจหาไวรัส จากนั้นเเบ่งตัวอย่างเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้สวมหน้ากากอนามัย (surgical mask) (n = 11) และอีกกลุ่มไม่ได้สวมหน้ากาก (n = 10) จากนั้นเก็บ ละอองฝอยจากเสมหะ (droplet particle, >5 um in size) และ ละอองฝอยที่มีขนาดเล็กมาก (aerosol particle, <5 um in size) จากนั้นใช้วิธีทางอณูชีววิทยาตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส (ตรวจหาจำนวนชุดของ RNA copies) coronavirus NL63 , coronavirus OC43, และ coronavirus HKU1
ผลการศึกษา ระบุชัดเจนว่า ในโพรงจมูกและลำคอของผู้ป่วยที่มีเชื้อโคโรนาไวรัส มี RNA copies ของไวรัสมากถึง 100 ล้าน และ 10,000 ชุด ต่อตัวอย่าง เเละเมื่อตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัสในละอองฝอย (droplet particles) และ ละอองฝอยที่มีขนาดเล็กมาก (aerosol particles) พบว่า ตัวอย่างประมาณร้อยะ 30 และ 40 ในกลุ่มที่ไม่ได้ใส่หน้ากากมีสารพันธุกรรมของไวรัสอยู่ แต่กลุ่มที่ใส่หน้ากากอนามัย ไม่พบสารพันธุกรรมของโคโรนาไวรัสเลย
งานวิจัยชิ้นนี้จึงเเสดงให้เห็นว่า หากผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อโคโรนาไวรัสใส่หน้ากากอนามัยกันทุกคน เราจะสามารถป้องกันการเเพร่ระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างน้อยทีมเเพทย์และพยาบาลจะได้ปลอดภัย #เป็นห่วงหมอครับ #พยาบาลก็เป็นห่วงนะ
#ความรักที่ดีไม่ต้องมีหน้ากาก #แต่ตอนนี้ใส่หน้ากากกันไวรัสกันก่อนนะครับ
บทความโดย ผศ.ดร.สิทธิพร ภัทรดิลกรัตน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่มาRespiratory virus shedding in exhaled breath and efficacy of face masks. Nature Medicine. [article in press]
https://www.nature.com/articles/s41591-020-0843-2
เครดิต: สกสว. [/img]