[RE: หมาก แปล จม. โควิด 19 มาเพื่อปลุกมนุษย์ให้หยุดทำร้ายโลก - โดนซัด ไม่เดือดร้อนก็พูดได้ !]
Pemberton พิมพ์ว่า:
Spoil
devildog พิมพ์ว่า:
Pemberton พิมพ์ว่า:
devildog พิมพ์ว่า:
ผมว่าถ้าคิดนิดเดียว จริงๆไอ่จม. ไรเนี่ย มันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ
ถูกเวลามั้ย อันนี้อีกเรื่อง แต่ผมว่ามันก็ถูกเวลาแหละ
แถๆมั้ย จริงๆมันก็แถๆ เชื่อมเรื่องไปมั่วๆ แต่ความหมายมันก็ดีนะ
และผมว่าถ้ามาคิดแบบลึกซึ้ง อ่านประโยคสุดท้าย ก็น่าจะเป็นประโยคเตือนใจที่ไม่เลว
ใครจะรู้อยู่แล้ว ใครจะโดนเตือนใจ ใครจะไม่สนใจ แต่ยังไงคนเขียนข้อความนี้ ก็ไม่เห็นน่าจะโดนด่าไรเลย
ผมไม่รู้ว่าเค้าอยากหล่ออะไรมั้ยหรอกนะ จริงๆไม่เคยดูหนังเค้าเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้หรอกนิสัยเป็นไง
แต่ผมอ่านแล้วผมก็ไม่ได้ตีความว่า ผู้เขียนต้องการให้ไวรัสเป็นฮีโร่อะไร
และผมกลับมองว่าคนที่มองแบบนั้นนั่นแหละที่มีอคติ มันคือการตีความไปเองทั้งนั้นเลย รึเปล่า?
ถูกเวลายังไงอธิบายเพิ่มเติมหน่อย แล้วคุณเขียนเองว่าเขียนแบบแถๆ เชื่อมโยงมั่วๆแต่ดันบอกว่าไม่เห็นน่าโดนด่าซะงั้น แค่เหตุผลนี้ก็สมควรโดนด่าแล้วเพราะมันเรื่องชีวิตคน มาเขียนมั่วๆแถๆไปเรื่อยได้เหรอ
แล้วเขียนมาตั้งยาว สรุปได้ว่ามนุษย์ทำผิด ไวรัสเลยมาเตือน มันไม่ได้แปลว่าไวรัสเป็นฮีโร่ยังไง
และถ้าช่วยขยายความว่า จม.ที่คุณว่าดีเนี่ยมันดียังไงจะขอบคุณมาก อยากได้ความรู้เพิ่ม
อยากแรกผมมองไปที่เจตนาของผู้เขียนก่อนอะครับ (Vivienne R Reich - ผู้เขียน)
เจตนาที่เค้าต้องการจะสื่อ (ในมุมมองผมเท่านั้นนะครับ) ผมเข้าใจว่าเค้าสื่อให้คนตระหนักถึงสิ่งรอบตัวมากขึ้น
ซึ่งในบทความนี้ก็คือ ปัญญาโลกร้อน ปัญญาน้ำท่วม ปัญหามลพิษ ปัญหาสงคราม
ที่เรามองข้ามมาตลอด ผู้เขียนพยายามจะเชื่อมโยงเข้ากับไวรัส เช่น คนป่วยมีไข้ เหมือนโลกที่โดนเผา (โลกร้อน)
คนป่วยหายใจขัดข้อง (เหมือนมลพิษที่เราก่อ โลกก็หายใจติดขัด) แน่นอนมันไร้สาระแหละ ถ้าจะพูดในมุมจริงจัง
แต่ถ้าจะพูดในมุมของการเปรียบเปรยอาจจะแปลออกมาได้ว่า
เห้ย.. เราสนใจแค่คนป่วยที่ติดไวรัส แต่เคยมามองดูโลกนี้บ้างมั้ย ว่าโลกมันก็กำลังป่วยอยู่ กำลังตายอยู่
สิ่งที่มนุษย์ทำนี่แหละ กำลังฆ่าโลก ทำให้โลกร้อน ทำให้โลกมีแต่มลพิษ ก็เปรียบเหมือนไวรัสที่ฆ่าคนนี่แหละ
เพราะงั้นผมตีความว่า (โลก=คนป่วย ไวรัส=คน) เพราะงั้นลองดูว่าเราเกลียดไอ่ไวรัสนี้แค่ไหน
โลกอาจจะเกลียดเราแบบนั้นก็ได้เหมือนกัน หลังจากนี้ทำไมเราไม่มาใส่ใจโลกมากขึ้น ดูแลโลกให้ดีขึ้น
ไม่งั้นเราก็เป็นเหมือนไวรัสนี่แหละ (เรารู้สึกดีกันหรอ ที่เราโดนไวรัสทำร้าย? .. โลกก็เหมือนกันอะแหละ)
มากไปกว่านั้น การเกิดเรื่องนี้ขึ้น อาจจะทำให้บางคนเริ่มมองเห็นสิ่งที่สำคัญ จริงๆในชีวิต เช่น
บางคนเข้ากรุง มาจากต่างจังหวัด เพื่อหาเงิน หาความก้าวหน้า ลุยงานเต็มที่ ทะเยอทะยานหรืออาจถึงขั้นโลภ
จนบางครั้งลืมไปรึเปล่า ว่าสิ่งที่สำคัญจริงๆคืออะไร ครอบครัว พ่อแม่ ลูก แฟน เพื่อน
บางคนอาจจะลืมไปรึเปล่า ว่าสิ่งเหล่านี้ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญ หรืออาจจะเป็นสิ่งอื่นก็ได้
อย่างที่ในบทความ บอกว่า 'ตอนนี้ คุณมีเวลาที่จะมองสิ่งสำคัญในชีวิตคุณ'
(บางครั้ง บางคน ทำงานยุ่งจนไม่มีเวลามอง ผมคนนึงแหละครับ)
Q1: ถูกเวลายังไง?
A1: ไม่ว่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่ ผมว่าผมน่าจะตอบไปแล้วด้านบนนะ
Q2: "เขียนแบบแถๆ เชื่อมโยงมั่วๆแต่ดันบอกว่าไม่เห็นน่าโดนด่าซะงั้น"?
A2: ผมมองไปที่ความหมายอะครับ ซึ่งน่าจะเป็นความหมายเชิงสัญลักษณ์ซะมากกว่า ในมุมมองผม
Q3: สรุปได้ว่ามนุษย์ทำผิด ไวรัสเลยมาเตือน?
A3: ผมว่า คำตอบน่าจะคล้ายๆข้อ2 ไวรัสมาเตือนเป็นแค่ตัวหนังสือ แต่ความหมายไม่ใช่แบบนั้น
Q4: จม.ที่คุณว่าดีเนี่ยมันดียังไง?
A4: คำตอบน่าจะเหมือนข้อ1
-''ถูกเวลา'' ในที่นี้คือถูกาลเทศะ การตักเตือนหรือให้ข้อคิดใครต้องทำช่วงไหนคงแล้วแต่คน แต่ผมยังไม่เคยเห็นการให้ข้อคิดหรือการเตือนใจใครในช่วงกลางเรื่อง
-บทความนั้นเป็น philosophy ไม่ใช่ข้อเท็จจริง หมายความว่าผู้อ่านที่ไม่ได้มี philosophy ชุดเดียวกันจะไม่ได้อะไรเลยแม้จะไม่มีอคติ ถ้าผมเอาหลักธรรมไปบอกอิสลามเขาคงไม่ฟัง และเขาก็ไม่ได้พลาดอะไรดีๆด้วยเพราะมันไม่ใช่ ''ข้อเท็จจริง''
-การเอา philosophy ของตัวเองมาใช้อธิบายกับเหตุการณ์ที่มีผู้เคราะห์ร้ายนี่คือทุเรศขั้นสุด ลองเอาคำอธิบายของคุณไปบอกผู้ป่วย ผู้เสียชีวิตต่อหน้าดู ลองบอกคนที่ตกงานอยู่ว่าอย่างน้อยเราก็มีเวลาทบทวนตัวเองนะว่าอะไรสำคัญ ลองบอกคนที่นอนป่วยดูว่าเขารู้สึกแบบไหนโลกก็คงรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน หลังจากนี้ไปมาช่วยกันรักษาโลกนะ ลองดูครับ
ก็เนี่ยแหละครับ ผมถึงมองว่าท่านกำลังอคติอยู่ แต่เอาเถอะครับ ผมอาจจะผิดก็ได้
จริงๆ ผมมองว่าไอ่บทความนี้มันก็คล้ายๆกะคำคมแหละครับ มันไม่ใช่การตักเตือนอะไรหรอก
เจ้าของโพสอาจจะแค่อ่านแล้วได้อะไร ก็เลยเอามาแปะ เผื่อคนที่อาจจะอ่านแล้วได้อะไรเหมือนกัน
ละผมว่าไม่มีใครยัดเยียดอะไรให้ใครเลยนะครับ ไม่มีใครเอา Philososhy มาอธิบายเหตุการณ์อะไรทั้งนั้นด้วย
ผมไม่ได้บอกให้ใครคิดเหมือนผม บทความไม่ได้บังคับให้ใครคิดอะไรทั้งนั้น
และแน่นอนว่าไม่ได้มีการผู้ถึงคนป่วย คนตาย คนตกงาน คนที่ลำบากอะไรเลย ไม่ต้องพูดถึงการดูถูกอะไร
คนที่อ่านแล้วหาว่าคนอื่นไปทำร้ายตัวเอง คนที่หาว่าคนอื่นไปด่าผู้ป่วย/ผู้เสียชีวิต
คนที่หาว่าคนอื่นยัดเยียดเอาความคิดของตัวเองไปตัดสินผู้อื่น มากกว่ารึเปล่าคือความทุเรศ
คนที่ไม่ได้มีปรัชญาแบบเดียวกัน อาจจะอ่านแล้วไม่ได้อะไรเลย อันนี้ก็อาจจะจริง
และการเอาหลักธรรมพุทธไปสอนศาสนาB คนศาสนาBก้คงไม่ฟังก็อาจจะจริง
แต่ถ้าคนพุทธอยู่ๆโพสท์เรื่อง อริยสัจ4 แล้วถูกคนศาสนาB รุมต่อว่าในแบบเดียวกันนี้
อยู่ๆก็มีคนมาบอกว่า มาโพสอะไรตอนนี้ ไม่ถูกกาลเทศะ ลองเอาเรื่องอริยสัจ4ไปบอกคนป่วยสิ
ท่านว่าเรื่องนี้มันฟังดูเป็นไงอะครับ
(หรือถ้าจะเถียงอีก อาจจะบอกอริยสัจ4มันไม่ใช่Philosophy ผมเปลี่ยนเป็นองคุลีมาร หรืออย่างอื่น ก็ได้ครับ)
ประเด็นคือ ลองเปิดใจดูครับ เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ต้องเกี่ยวกันก็ได้
เรื่องโลกร้อน กับเรื่องโคโรน่า ที่เค้าพูดถึง มันก็อาจจะไม่ต้องเกี่ยวกันก็ได้ (หรือมันอาจจะเกี่ยวกันก็ได้)
ประเด็นคือ ท่านยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แน่นอน..ผมก็ไม่รู้ ท่านตีในความแง่ลบ ด่าเค้าไปแล้ว
ผมก็ตีความไปตามที่ผมคิด เห็นท่านยกคำว่า Philosophy มา ผมก็ขอยก คำว่า Fact กับ Opinion ละกันครับ
ลองดูว่าท่านกำลังมองว่าเรื่องนี้เป็น Fact คือเค้าพูดถึง "เรื่องชีวิตคน" และ สื่อความ อย่างที่ท่านว่า แน่นอน 100% รึเปล่า
หรือจริงๆ ที่มันก็เป็นเพียง Opinion ที่ท่านก็อ่านๆ แล้วก็คิดไปเอง ยังไงก็ลองคิดดูครับ