วันที่ 4 เมษายน 2563 สำนักข่าว CGTN ได้เผยแพร่คลิปและถ้อยคำสุดสะเทือนใจ จาก อิมาริส เวรา พยาบาลสาวประจำแผนกไอซียู ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ที่จำเป็นต้องตัดสินใจลาออกจากงานด้วยความเจ็บปวด หลังถูกผู้บริหารปฏิเสธไม่ยอมให้สวมใส่หน้ากาก N95 เพื่อป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา

เวรา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เธอเพิ่งลาออกจากงาน โดยเธอได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในแผนกไอซียู ซึ่งเต็มไปด้วยผู้ป่วยโรคโควิด 19 (covid 19) ที่โรงพยาบาลดังกล่าวไม่มีพยาบาลคนใดที่สวมหน้ากากอนามัยตามทางเดิน และต่อให้เธอมีหน้ากาก N95 ของตัวเอง ซึ่งเธอต้องการจะสวมมันเพื่อป้องกันตนเอง แต่ทางผู้จัดการกลับไม่อนุญาตให้เธอสวมหน้ากาก N95 ของตัวเองขณะปฏิบัติงาน พยาบาลอย่างเธอไม่สามารถป้องกันตัวเองได้เลย

ทั้งนี้ เวรา ไม่ใช่พยาบาลเพียงคนเดียวในสหรัฐฯ ที่ถูกสั่งห้ามสวมอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง หรืออุปกรณ์ PPE โดย เซไน คอร์เทซ รองประธานสหพันธ์พยาบาลแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดใจว่า เธอทำงานเป็นพยาบาลมา 40 ปีแล้ว แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน พวกเธอตระหนักดีถึงปัญหาการขาดแคลนหน้ากาก N95 และอุปกรณ์ป้องกันตัวอื่น ๆ มันน่าเศร้าที่พยาบาลต้องนำหน้ากากมาใช้เอง แต่ในขณะเดียวกันกลับมีพยาบาลที่ถูกขู่ว่าจะถูกไล่ออกหากนำหน้ากากมาใช้เอง พวกเธอยังถูกสั่งให้ถอดหน้ากากออก เพราะมันทำให้คนไข้กับคนในสังคมกลัว ทั้งที่ ในฐานะพยาบาลอาชีพ เธอรู้ดีว่าจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้เพื่อปกป้องตนเองและผู้ป่วย

อนึ่ง ทางสหพันธ์พยาบาลแห่งชาติสหรัฐฯ เพิ่งออกข้อบังคับให้ทางโรงพยาบาล อนุญาตให้บุคลากรนำอุปกรณ์ PPE ส่วนตัวมาใช้ระหว่างปฏิบัติงานได้ ขณะเดียวกัน พบว่าโรงพยาบาลหลายแห่งได้เกิดปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์รวมถึงหน้ากาก N95 ดังนั้นจึงมีคำแนะนำให้พยาบาลนำหน้ากากมาใช้ซ้ำ

ขณะที่ศูนย์ติดตามโควิด 19 ของทำเนียบขาว เพิ่งออกประกาศในวันที่ 3 เมษายน ว่าทางกรมควบคุมและป้องกันโรค ได้แนะนำให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากหรือปิดบังใบหน้าระหว่างออกมาข้างนอก หรืออยู่ในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันตัวเองจากโรคโควิด 19

https://covid-19.kapook.com/view223710.html

ดักดานยิ่งกว่า เราเยอะ ในเรื่องพวกนี้ แต่พวกผู้บริหารสันดานเหมือนกันหมดห่วงแต่ภาพลักษณ์มากกว่าคนในองค์กร

อ่านไปอ่านมา ผมว่าที่อเมริกาจัดการได้แย่กว่าเราอีก

ผมว่าทุกที่เหมือนกันเลย

คือตอนแรกก็รู้แหละว่าโรคนี้มันน่าจะไม่ธรรมดา

แต่แบบเค้าเลือกที่จะทำให้คนไม่ตื่นตระหนกไว้ก่อน พยายามให้มันดูปกติมากที่สุด

จนแบบมันเริ่มไปไกลแล้วแหละ ถึงเพิ่งจะเริ่มยอมรับความจริงมันมันควรกลัวกันได้แล้ว

ตอนนี้เกือบทุกประเทศจะเห็นเศรษฐกิจสำคัญกว่าโรคระบาดนะ พยายามทำประเทศให้เป็นปกติ

อย่างเกาหลีใต้ก็ยังเห็นใช้ชีวิตกันปกตินะ ทุกคนก็ยังเดินออกไปเที่ยวเล่นเหมือนเดิม

น่าเศร้า 3M มีแต่สิทธิบัตร แต่โรงงานไปอยู่ที่จีน

โทษทีครับ เม้นผิดมู้

อเมริกาน่าจะหนัก สงสัยได้ทดสอบภูมิคุ้มกันหมู่แน่ๆ

เมกาไม่ไหวครับ ไม่ไหวแบบจริงจังเลยล่ะ

หลักๆเลย ผู้นำห่วยแตก และคนไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร

เมกามีตัวอย่างนานมาก และผู้นำไม่ทำอะไรเลย ทรัมพ์ยังยืนกรานไม่ปิดประเทศเลย ทั้งๆที่เห็นสภาพอิตาลีแล้ว จนป่านนี้ ยังออกมาบอกเลย CDC แนะนำให้ใส่หน้ากากนะ แต่ตัวเองจะไม่ทำ

ส่วนผู้คน ไม่สนโลก ไม่ควบคุมอะไรทั้งนั้น จนคนติดจะ 3 แสนแล้ว ถึงพึ่งจะมาตื่นตัวใส่หน้ากากกัน

สภาพเมกา บอกเลยว่าหนัก หนักมากๆ ตอนนี้อิตาลีน่าจะเริ่มคุมได้แล้ว แต่ดูแล้ว เมกาเผลอๆผู้ติดเชื้ออาจจะแตะล้าน ยิ่งถ้าผู้นำยังชิวขนาดนี้ ทั้งๆที่สภาพต้องปิดประเทศนานแล้ว แต่ยังไม่กล้าทำอะไรเลย (อิตาลีปิดประเทศตอนคนยังติดไม่ถึงหมื่น แต่ดูสภาพตอนนี้)

เอาจริงนะ เหมือนมันจะชิวเพื่อให้ผู้สูงอายุที่กินเงินบำนาญไรงี้ ตายเลยอะ เหมือนตั้งใจยังไงก้ไม่รุ้ มันชิวเกิน

ผมเคยไปอ่านเจอเม้นในเฟส .. หลายคนที่อาศัยอยู่ในเมกามาเม้นว่าการสาธารณสุขของเมกาดีกว่าเราเยอะ บลาๆ พูดกดเราแทบติดดินเลย

สุดท้ายตอนนี้ .. หึหึ อย่าเห็นว่าร้องขอกลับไทยกันนะคนพวกนี้

อย่าไปว่าอเมริกาเขาเลย

บอกเลยว่าถ้าบุคลากรทางการแพทย์บ้านเราไม่ DIY ชุดป้องกันต่างๆเอง

สภาพไม่ต่างจากที่เขาบรรยายมาเลย

อเมริกาควรจะตระหนักได้แล้ว
จากสถานการณ์ของอิตาลีในตอนนี้

ขอยกตัวอย่างแบบไม่แคร์เศรษฐกิจเท่าคนก็ nz ครับ ปิดตั้งแต่เจอโรคในประเทศยังไม่ครบเดือน ตอนนี้เหมือนได้ผลพอใจ คือจำนวนเพิ่มขึ้นวันละคงทีี (flattened) ตอนนี้ตรวจวันละ 3-4000 คน เพิ่งมีตายคนเดียว ะือว่าใช้ได้เลย แต่คนไม่รู้จะอึดได้นานขนาแไหน