จะไปยุโรปเดือนหน้า ไม่ได้กลัวโรคนะกลัวไม่ได้ไปมากกว่าตอนนี้
เพราะผมทำงานอยู่รพ.ทุกวันตั้งแต่โคโรน่าระบาดและรู้จักป้องกันตัวก็พอ
mers, sars , ebola อันนี้ผมถึงจะกลัว

อีป้าน่าโดนชิบหาย

อีป้านี่พีคจริง หมอขอตรวจกี่โรงบาลก็ไม่ยอม โกหกไม่ได้ไปอู่ฮั่นอีก

แล้วแกชอบทำกิจกรรมเกี่ยวกับศาสนาด้วย ไปแทบทุกงานในเมือง

ก็มีกินข้าว พูดคุย ทำกิจกรรม ครบครับ ความเสี่ยงติดเชื้อ

ตอนนั้นคนเกาหลียังไม่ใส่แมสเลย เขาเคร่งแค่สนามบิน

ติดกันทั้งยวง เพราะป้าคนเดียวเลย ซวยจัดๆ

เห็นว่าไปอู๋ฮันเป็นข่าวหลอกครับ อีกอย่างถ้าไปธันวาแล้วมาแพร่เชื้อตอนนี้ ระยะฟักตัวมันนานไป เดือนกว่าเลย ผมคิดว่าแกน่าจะติดจากคนในโบสนั่นแหละ

คนจีน เราเยอะก็จริง แต่มาตราการของ กรมควบคุมโรคเรา แน่นหนามาก
มีระบบแยก ระบบคัดกรอง แถม บังคับตรวจถ้าเข้าข่ายสงสัยครับ

ทั้ง SARS MERS เราผ่านมาได้ เพราะ มดงาน ดี ครับ (หมอ นักเทคนิคการแพทย์ จนท.ตม etc ไม่ขอรวม รบ. แล้วกัน เพราะ อันนี้ มีมาเอาเท้าราน้ำบ้างเป็น ระยะ)

ทางเราเอาจริงที่สุดแล้วเถอะ ถึงยังเบรคไว้ได้

เอาจริงมันจะรุ้ได้ไงอะครับ เชื้อมันแสดงอาการหลังติด2อาทิต

สมมติวันนี้ผมติดมา ผมเข้าประเทศมา คืออาการยังไม่ออกเลย พอเข้ามาเที่ยวไทย1อาทิต ผมก้ไอจามนิดๆหน่อยๆ

กว่าหน่อยตรวจโรคจะเจอมันก้ต้องขากลับแล้วสิ ....

ข่าวที่สื่อไทยรับมาผิดครับ

อันนี้ น้องสาว จขกท น่าจะรู้

ของ เกาหลี ไม่ได้บอกเลยครับ ว่าป้าไปจีน

บอกแต่ นิกายนี้ มีคนจีน มาร่วมพิธีด้วย

มีการใกล้ชิดกันเพื่อทำพิธี แล้ว คนเยอะ

http://pher.moph.go.th/wordpress/17-02-63-1/

ลองอ่านดูครับ บอกรายละเอียดไว้หมดแล้ว

เขายกระดับ เป็น 3 เหมือน ญี่ปุ่นยัง

แต่ยอดติด แซงไปแล้วเป็นทุ่งเลย

มันก็เป็น ไวรัสโคโรน่า เหมือนกันนะครับ
แต่เรียกต่างกันตามสถานที่กำเนิดไวรัส
ทำไมถึงกลัวต่างกัน มันควรต้องกลัวเหมือนกันนะครับ

อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่มาจากการหาข้อมูลเองนะครับ
เอาไป reference ไม่ได้

จริงๆมันก็ติดผ่านทาง droplets ทางการไอการจามซึ่งก็มีวิธีป้องกันอยู่แล้ว
คือ covid-19 contagious กว่า mers กับ sars ก็จริง แต่ถ้าเทียบ mortality rate
3-4% , 35% , 10% ตามลำดับ มันก็เลยดูน่ากลัวน้อยกว่าสำหรับผม ( ถึงแม้ยังเก็บข้อมูลได้ไม่นาน )

( Ebola virus ไม่ใช่ airborne แต่ mortality rate 90% )

ไม่ได้บอกว่าไม่ให้กลัวนะครับ อยู่ในที่ชุมชนก็ต้องป้องกันตัวอยู่ดีครับ เพราะยังไงมีโอกาสติดโรคอื่นได้อยู่ดี เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่

มันเป็นมาตรฐานการนะครับ ถือว่าดีนะครับถือว่าเค้ามีการดูแลและการป้องกันพอสมควร ตอนปลายเดือนมกราคมผมอยู่ที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน ผมกลับมาไทยวันที่ 29/2/20 จำได้ว่าช่วงวันที่ 20 กว่าเริ่มมีข่าว（ถ้าผมจำไม่ผิด）24-25 ผมยังเดินทางออกไปข้างนอกได้แต่มีการใส่หน้ากากกันแล้ว แต่วันที่ 25 ซึ่งเป็นวันตรุษจีนน่าจะมีคนเยอะ แต่ไปห้างแทบไม่มีคน พนักงานขายของทุกคนก็ใส่หน้ากากกันแล้ว แสดงว่าเค้าเริ่มมีการป้องกัน + มีคนตรวจอุณหภูมิหน้าห้างก่อนเข้าห้างแล้ว แต่วันที่ 26+ ทางมหาลัยประกาศว่าถ้าออกไปนอกมหาลัยต้องขอทางมหาลัยก่อน（ในกรณีที่ออกไปแบบห้างหรือซื้อของกิน） แต่ถ้านศ.คนไหนที่ไปเที่ยวที่จีนหรือประเทศอื่น ขอให้อยู่บริเวณแถบนั้นไปก่อนอย่ากลับมหาลัย เพราะกลับมหาลัยก็ไม่อนุญาติให้เข้าและในมหาลัยปลอดเชื้อ 100% ส่วนคนที่อยู่ในมหาลัยวันที่ 29 มีอาจารย์ในมหาลัยมาตรวจทุกห้องเลย และวันที่ 30+ มีอาจารย์ถามในกลุ่มว่าใครอยู่มหาลัยบ้าง ทุกวันจะมีอาจารย์เข้าไปวัดไข้ทุกคนที่อยู่ในหอ

จขกท ใจเย็นและร่มๆนะครับ อย่างที่ผมบอกไปข้างต้นมันเป็นมาตรการที่เค้าได้ทำการป้องกันไว้ก่อน ซึ่ง ณ ตอนนั้นมีคนติดเชื้อที่เทียนจินไม่ถึง 5 คนเองครับ พยายามบอกน้องว่าใส่หน้ากากทุกครั้งที่ออกจากห้อง ถ้าออกไปแล้วหน้ากากให้ทิ้ง+พยายามอาบน้ำ+สระผมให้เรียบร้อยครับ ล้างมือบ่อยๆ อย่าไปจับนู่นจับนี่มั่วซั่ว ก็จะป้องกันได้มากแล้ว

คนไทยเราก็แปลกเนอะ อยากให้คนในประเทศมีตัวเลขติดเชื้อสูงๆ หรือไงกัน

เมืองไทยป้องกันได้ดีสุดๆ แล้วนะ ตั้งแต่มีโรคมาจนตอนนี้ แทบไม่เพิ่มขึ้นเลย

จากเป็นรองจีน จนตอนนี้ยังไม่เข้า phase 3 ด้วยซ้ำมั้งจากที่ฟังๆ

ปล. ให้กำลังใจ จขกท ครับ

ตอนแรกบ่นว่าประเทศเราไม่ดี ตอนนี้ประเทศอื่นแย่กว่าประเทศเราอีก

นอกเรื่องหน่อย ไืทยนี่ทำดีเสมอตัวจริงๆ ถ้าเจอแบบเกาหลีใต้รัฐคงเละไปละ