การจะเป็นโค้ชฟุตบอลในประเทศไทยนั้น จำเป็นไหมที่จะต้องมาจากนักฟุตบอลก่อนแล้วถึงจะมาเป็นโค้ชได้

หากบุคคลธรรมดาที่อยากเป็นโค้ชฟุตบอลจะมีโอกาสเป็นไปได้ไหม???

อยากเป็นเหมือนกันครับ

ประสบการณ์ - เล่น CM-FM ได้แชมป์มานับไม่ถ้วน ปั้นทีมลีคสมัครเล่นเลื่อนชั้นมาเรื่อยๆ

จนถึงลีคสูงสุด ควบคุมการเงินสโมสร การซื้อขาย Staff เองหมดเลย

ผมว่าทำได้นะ ถึงจะยากหน่อยก็ตาม

อย่างแรกไปเรียนโค้ชระดับเริ่มต้นก่อน

ทีนี้เราก็พยายามไปสมัครเป็นสตาฟโค้ชทีมฟุตบอลลีกให้ได้

พอเข้าไปเราก็ทำตัวเด่นๆครับ เผื่อจะมีโอกาสขยับขั้น

ขอมีใบมาไว้ก่อน มันน่าจะเปิดโอกาสให้เราได้ครับ

ผมว่าต้องประมาณนี้แหละ คือค่อยๆขยับไป

แต่จะแบบ ได้ใบมาแล้วจะคุมทีมเลย อันนี้น่าจะหาคนเชื่อใจจ้างเรายากครับ

ช่องคณฟลุ๊ค แฟมิลี่เคยกล่าวถึงเรื่องนี้อยู่นะ ช่วงไลฟ์มีคนถามแบบนี้ละคนธรรมดาจะไปเป็นโค้ชฟุตบอลได้ไหม ผมจำไม่ค่อยได้ละ+ไลฟ์ไหนก็ไม่รู้ ต้องอบรมหลักสูตรตามที่สมาคมฯกำหนดก่อนแล้วสอบ c- license หรือยังไงนี่ละ

คนทั่วไปก็เป็นโค้ชได้ อย่าลืมว่าโค้ชเก่งๆหลายคนตอนเป็นนักเตะก็ไม่ได้ดัง แต่สิ่งที่คนทั่วไปเสียเปรียบอดีตนักเตะคือเข้าใจการลงเล่น

คนทั่วไปแม้จะไม่ได้เป็นนักเตะอาชีพ ผมมองว่าคนไปเล่นฟุตบอลบ้างเพื่อให้เข้าใจการเล่น เวลาไปเรียนโค้ชและเป็นโค้ชจะได้เข้าใจนักเตะ

ผมว่าจริงๆมันก็มีข้อได้เปรียบของคนธรรมดาที่ไม่เคยลงเล่น

อย่างซารี่เองก็ไม่เคยเป็นนักบอลอาชีพ เป็นนายธนาคารแต่เก่งเรื่องแผนบอลมากจนมีคนท้าว่าเก่งนักทำไมไม่มาทำทีมเอง แกเลยลาออกมาทำ

ข้อได้เปรียบของแกคือแกเอาระบบการจัดการระบบที่วิศวกรรมออกแบบมาตรฐานมาใช้ เพราะแกเรียนมาเยอะ

ถ้าคุณคิดว่าเป็นคนมีคุณภาพแล้วอยากเข้ามาทำเพื่อวงการฟุตบอลไทยจริงๆมันก็ได้นะ แต่"ถึง"หรือเปล่า เพราะโค๊ชที่เห็นๆกันอยู่นี่เค้าก็มืออาชีพ แต่จะเป็นแบบทำแล้วดี หรือไม่ดีมันก็อีกเรื่องนึง

คือต้องทุ่มทั้งชีวิตอ่ะถ้าอยากให้ผลออกมาดี

แนะนำให้ไปลองเป็นอาสาสมัครไปช่วยเขาตอนเย็นๆก่อนก็ ได้ มันไม่ง่ายหรอกผมลองในฐานะนักกายภาพบำบัดแล้ว แค่สตาฟก็ยังมีขั้นตอนที่เยอะมาก ตอนคุมทีมนี่ยาก ยากตรงจะมีพวกเด็กเส้นพวกญาติมากดดันโค๊ชก็มี บางทีการจัดการภายในอะไรก็โยนมาให้โค๊ชหมด บางทีก็มีดราม่าเรื่องใครจะลงตัวจริงตัวสำรอง นักเตะทำตัวไม่เป็นมืออาชีพก็เยอะ คือนักเตะส่วนใหญ่ก็อยู่ในช่วง 20 มันก็มีกิเลสมีอีโก้เหมือนคนทำงานทั่วไปนี่แหละ ปวดหัวอยู่ดูทรงแล้ว พร้อมทุ่มเทหรือยัง เอาแค่นั้น

แถมอีกอย่าง ไม่ใช่ว่าทีมเล็กคุมง่ายกว่าทีมใหญ่นะครับ มันเหมือนองค์กรเล็กที่คนหนึ่งคนมีหน้าที่หลายอย่าง แต่องค์กรใหญ่มีการประเมินมีคนทำหน้าที่ชัดแต่งานอาจจะซ้ำ ปริมาณงานเยอะกว่า อะไรแบบนี้

คอนเนคชั่น สำคัญมาก

ถ้าท่านไม่มี ประวัติด้านนี้ ผลงานด้านนี้ ใครจะจ้างท่านคุมทีม

ต้องไต่เต้า ยาวเลย

ถ้าเป็นอดีต นักบอล มันง่ายกว่า

เริ่มแรกเลยไปอบรมคลอสเริ่มต้น FA Thailand Introductory

หลักฐานสำหรับการสมัครเข้าอบรม
ใบ Certificate ตามเงื่อนไขของการเข้าอบรม
ประวัติส่วนตัวโดยสังเขป CV (ประวัติการอบรม / การทำงาน / ประวัติการเล่นฟุตบอล)
ในกรณีที่เป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย จำเป็นต้องเคยลงสนามในนามทีมชาติไทยชุดใหญ่ไม่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 40 นัด และต้องทำข้อมูลประกอบเพิ่ม
ในกรณีเป็นบุคคลจากสโมสร ให้ส่งหนังสือรับรองจากสโมสร
ใบรับรองแพทย์

ถ้าเคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพเมื่อก่อนไม่ต้องอบรม T แล้ว ไมรู้ตอนนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่ไหมอันนี้ไม่แน่ใจ

ขอกำหนดหลักๆนะครับ

คุณสมบัติผู้เข้าอบรม AFC ‘C’ Certificate
ใบประกาศนียบัตร T – License (ก่อนปี 2016) หรือ FA Thailand Introductory Course
ประวัติการเล่นฟุตบอลส่วนตัว (CV)
มีความสามารถในการสอนฟุตบอล ระดับรากหญ้า, เยาวชน และอื่นๆ
มีความสามารถในการอ่านและเขียนได้
เข้าอบรมได้ครบถ้วนตามระยะเวลาที่กำหนด

คุณสมบัติผู้เข้าอบรมผู้ฝึกสอน AFC ‘B’ Certificate
ผ่านการอบรมผู้ฝึกสอนระดับ C Coaching Certificate และมีมีประกาศนียบัตรรับรองโดย AFC
มีประสบการณ์ในการเป็นผู้ฝึกสอนอย่างน้อย 2 ปี (หลังจากผ่านระดับ C)
Log Book ในช่วง 2 ปี หลังจากอบรมผ่านระดับ C

คุณสมบัติผู้เข้าอบรมผู้ฝึกสอน AFC ‘A’ Certificate
ผ่านการอบรมผู้ฝึกสอนระดับ B Coaching Certificate และมีประกาศนียบัตรรับรองโดย AFC
มีประสบการณ์ฝึกสอนอย่างน้อย 1 ปี (หลังจากผ่านระดับ B)
Log Book ในช่วง 1 ปี หลังจากอบรมผ่านระดับ B

คุณสมบัติผู้เข้าอบรมผู้ฝึกสอน AFC ‘Pro’ Coaching
ผ่านการอบรมผู้ฝึกสอนระดับ A Coaching Certificate และมีประกาศนียบัตรรับรองโดย AFC
มีประสบการณ์ฝึกสอนอย่างน้อย 2 ปี (หลังจากผ่านระดับ A)
Log Book ในช่วง 1 ปี หลังจากอบรมผ่านระดับ A


'C' Coaching Certificate สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดังนี้
- เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนในระดับ ไทยลีก 4

Goalkeeping Level 1,2,3 สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดังนี้
- สามารถเป็นผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู ระดับ ไทยลีก

'B' Coaching Certificate สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดังนี้
- เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ในระดับไทยลีก 2 และ ไทยลีก 3 ลงไป
- เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ในระดับทีมชาติ

Conditioning Level 1,2 สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดังนี้
- เป็นผู้ฝึกสอนด้านสมรรถภาพ นักกีฬาได้ในทุกระดับ รวมถึงทีมชาติ

Pro Diploma สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดังนี้
- เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนระดับทีมชาติ
- เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรอาชีพ ในระดับสูงสุด และสามารถทำหน้าที่


ประเด็นสำคัญคือConnection ต่างๆ
หรืออาจจะเริ่มจากคุมทีมในลีคTA ก่อนก็ได้แล้วขยับมาคุมT4ทีมเล็ก
ไม่งั้นอาจไปเป็นพวกผู้ช่วยT4 TA ไปคุมฟุตบอลระดับยูธลีคเยาวชน หรือฟุตบอลระดับโรงเรียนก่อนก็ได้เพื่อหาประสบการรืก่อน ประมาณนี้

สิ่งสำคัญที่ถือว่าหนักหนากว่าการอบรมต่างๆคือการจัดการควบคุมในทีม
ไม่ชื่อเสียงอะไรต่างๆเวลาคุมทีมคนจะฟังยากมากเล่นไม่ตามแผนเรามั้งอะไรมั้ง
แค่ไปคุมทีมโรงเรียนดังๆก็ปวดหัวแล้วเรื่องการจัดการบริหารควบคุมต่างๆ
ต้องค่อยๆสะสมประสบการณ์กันไปแต่แรกๆหนักหนาสาหัสแน่นอน
ลองคุม TA ซักทีมละพอขึ้นมาT4 ได้ก็น่าจะได้เครดิตพอสมควร




รายละเอียดอื่นๆทั้งหมดปลีกย่อยต่างอ่านจากในนี้ได้เลยครับ
http://fathailand.org/about-coaching
http://fathailand.org/training-course

จากที่ search หาข้อมูลมาพบว่า

ก้าวแรกของการเป็นโค้ช คือ หลักสูตร FA Thailand Introductory

หลักสูตร FA Thailand Introductory ถือเป็นหลักสูตรเบื้องต้นสำหรับทุกคนที่ต้องการเป็นผู้ฝึกสอน ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 6 วัน โดยไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายในการอบรมแต่อย่างใด ซึ่งหัวข้อหลักของการฝึกอบรม ประกอบไปด้วย

1. การพัฒนาเยาวชน
2. เทคนิคการเล่นฟุตบอลในแต่ละส่วน
3. การจัดการแข่งขัน
4. ฟุตบอลรากหญ้า
5. การสื่อสารระหว่างผู้ฝึกสอนกับนักกีฬา
6. เทคนิคและทักษะ

ก้าวที่ 2 หลักสูตร ซี ไลเซนส์ หรือ AFC 'C' Certificate Coaching Course

หลักสูตร ซี ไลเซนส์ คือ หลักสูตรสำหรับผู้ฝึกสอนที่กำลังจะเริ่มต้นจากการฝึกสอนนักฟุตบอลในระดับรากหญ้า หรือเยาวชน ตามอคาเดมีต่างๆ รวมถึงหัวหน้าผู้ฝึกสอนในระดับ ออมสิน ลีก โปร (ไทยลีก 3) และ ออมสิน ลีก (ไทยลีก 4) โดยจะใช้เวลาในการอบรมทั้งหมด 15 วัน ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 27,000 บาท ซึ่งหัวข้อหลักในการอบรม ประกอบไปด้วย

1. บทบาทของผู้ฝึกสอน
2. เทคนิคและทักษะ
3. การสื่อสารระหว่างผู้ฝึกสอนกับนักกีฬา
4. กลยุทธ์การเล่น
5. การพัฒนาระดับเยาวชน ในแต่ละช่วงอายุ
6. วิทยาศาสตร์การกีฬา
7. ระบบพลังงานของร่างกาย
8. โภชนาการ
9. วิธีการของผู้ฝึกสอน ในการออกแบบการฝึกซ้อม
10. กระบวนการฝึกซ้อม

ก้าวที่ 3 หลักสูตร บี ไลเซนส์ หรือ AFC 'B' Certificate Coaching Course

หลักสูตร บี ไลเซนส์ เป็นหลักสูตร ที่ต่อยอดจาก ซี ไลเซนส์ มาเป็น บี ไลเซนส์ โดยมีข้อกำหนดว่าต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี ในการทำงานกับฟุตบอล โดยผู้ที่ผ่านหลักสูตรนี้จะสามารถทำหน้าที่ในระดับ M-150 แชมเปี้ยนชิพ และผู้ช่วยผู้ฝึกสอนในระดับ โตโยต้า ไทยลีก โดยจะใช้เวลาในการอบรม แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรก 15 วัน และ ช่วงที่ 2 อีก 5 วัน รวมทั้งหมด 20 วัน โดยมีค่าใช้จ่าย 38,000 บาท ซึ่งหัวข้อหลักของการอบรม ประกอบไปด้วย

การอบรมภาคสนาม
1. เจาะลึกเรื่องการฝึกซ้อม ในเรื่องของแทคติก
2. การแข่งขันสมอลล์ ไซด์ เกม
3. รูปแบบการเล่นเฉพาะตำแหน่ง ตั้งแต่ กองหลัง, กองกลางและกองหน้า
4. การฝึกซ้อมในแต่ละช่วงวัย
5. การฝึกซ้อมในแต่ละช่วงของพื้นที่ในสนาม

การอบรมภาคทฤษฎี
1. ความเข้าใจในการแข่งขันแต่ละนัด
2. ฟิตเนส
3. ความเร็วและความคล่องตัว
4. แอโรบิค
5. การออกกำลังกายในยิม
6. การฝึกซ้อมในภาคสนาม ในการสร้างสมรรถภาพ
7. การฝึกซ้อมในภาคสนาม กับลูกฟุตบอล

ก้าวที่ 4 หลักสูตร เอ ไลเซนส์ หรือ AFC 'A' Certificate Coaching Course

หลักสูตร เอ ไลเซนส์ การอบรมหลักสูตรดังกล่าว ถือเป็นหลักสูตร ที่ต่อยอดจาก บี ไลเซนส์ ซึ่งก่อนจะมาเป็น เอ ไลเซนส์ นั้นต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์ หลังจบ บี ไลเซนส์ ไปแล้วอย่างน้อย 2 ปี โดยผู้ที่ผ่านหลักสูตร เอ ไลเซนส์ จะสามารถทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนระดับสูงสุดภายในประเทศได้อย่างเต็มตัว ในการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก (T1) รวมถึงการเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนในระดับนานาชาติ โดยจะใช้เวลาในการอบรม แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก 17 วัน และช่วงที่ 2 10 วัน รวมทั้งหมด 27 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 60,000 บาท ซึ่งหัวข้อหลักของการอบรม ประกอบไปด้วย

1. การจัดการทีม
2. กระบวนการความคิด
3. ความเป็นผู้นำ
4. รูปแบบการเล่นเป็นทีม
5. การวางแผนกลยุทธ์แทคติกต่างๆ
6. ฟิตเนส

ก้าวสุดท้ายของการเป็นสุดยอดเฮดโค้ช หลักสูตร โปร ไลเซนส์ หรือ AFC 'Pro' Diploma Coaching Course

หลักสูตร โปร ไลเซนส์ การอบรมหลักสูตรดังกล่าว ถือเป็นหลักสูตรสูงสุด ที่ต่อยอดจาก เอ ไลเซนส์ ซึ่งก่อนจะมาเป็น โปร ไลเซนส์ นั้นต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์ หลังจบ เอ ไลเซนส์ ไปแล้วอย่างน้อย 2 ปี โดยผู้ที่ผ่านหลักสูตรนี้ จะสามารถทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ อย่างฟุตบอลโลก หรือฟุตบอลชิงแชมป์ระดับทวีปเป็นต้น รวมถึงตำแหน่งต่างๆ อาทิ ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคของสโมสรและทีมชาติ โดยจะใช้เวลาในการอบรม แบ่งเป็น 4 ช่วง ได้แก่

ช่วงแรก 27 วัน อบรมสองหัวข้อใหญ่คือ

1. ฟิตเนส
2. การฝึกซ้อมในภาคสนามและทฤษฎี

ช่วงที่สอง 23 วัน เก็บเกี่ยวข้อมูลฟุตบอลในประเทศที่ประสบความสำเร็จ โดยเป็นการเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเก็บเกี่ยวข้อมูลฟุตบอลจากประเทศที่ได้รับความนิยม และประสบความสำเร็จในกีฬาฟุตบอล ทั้งจากสโมสรและทีมชาติ

ช่วงที่สาม เป็นช่วงระยะเวลาทำงานในรอบ 1 ปี หลังผ่าน 2 ช่วงแรก โดยจะมีการทำรายงานการทำหน้าที่ตลอด 1 ปี ในช่วงเวลาดังกล่าว

ช่วงที่สี่ 30 วัน จะเป็นช่วงเก็บงานทั้งหมด เพื่อมานำเสนอและทำข้อสอบ

โดยทั้งสี่ช่วงมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 500,000 บาท

สรุปรวมแล้ว เส้นทางของการก้าวไปสู่การเป็นกุนซือในรายการระดับ ตั้งแต่หลักสูตรเบื้องต้น จนถือใบอนุญาตผู้ฝึกสอนระดับ AFC 'Pro' Diploma Coaching Course ต้องใช้เวลา อย่างน้อย 8 ปี ค่าเล่าเรียนหลักสูตร รวมทั้งสิ้น 625,000 บาท

เต็มที่สำหรับคนธรรมดาน่าจะ C ไลเซนต์ นะครับ เพราะ B ขึ้นไปต้องมีประสบการณ์ด้วย

สิ่งที่ไม่มีเหมือนการวิจารณ์ในเน็ท ไม่มีเหมือนการจัดตัวในCM-FM แล้วก็ไม่เหมือนตอนเตะบอล

คือการจัดการบริหารคน ซื้อใจคน

ในFM เราดร็อปใครก็ได้ เอาใครลงก็ได้ เปลี่ยนตัวใครออกก็ได้ โอเคถ้าทำบ่อยๆนักเตะ unhappy เราก็คุย จะด่าก็ได้ จะปลอบก็ได้

แต่ชีวิตจริง unhappy แมร่งน่ากลัวนะคับ มันจะลุกลามมั้ย จะเลื่อยขามั้ย รีแอคชั่นเราสั่งเขาฟังมั้ย
บอลแพ้คุณจะพูดอะไรกับนักเตะ ไม่ใช่แบบในเกมที่กดคำสั่งเดียวแล้วจบ

คนธรรมดาแค่เป็นโค้ชบอลเด็กประถม มัธยม ยังปวดหัวเลย พูดไม่ฟัง จะไปเป็นระดับใหญ่ๆ คงยาก

ไหนจะต้องสร้างชื่อเสียง ได้แชมป์ เรียนเอาไลเซนอีก หาคอนเน็คชั่นอีก

ถ้าไหวก็ลองดูได้ อยากโค้ชคนนึงใน ss ที่พาเด็กไปแข่ง ไม่รู้ตอนนี้เป็นไงมั่ง

จิตวิทยาน่าจะมีผลมากๆ การควบคุมคนนี้มันเป็นอะไรที่ยากมากจริงๆ

พอดีเลย เห็นในเฟสโค้ชอรุณกำลังแนะนำเส้นทางการเป็นโค้ชฟุตบอล ลองศึกษาดูได้

แต่จุดเริ่มต้นจริงๆ ของบุคคลธรรมดา ที่ไม่ได้เรียนสาขาพลศึกษาจากมหาวิทยาลัยหรือเป็นนักเตะอาชีพอยู่แล้วก็คือ....

หาเด็กมารวมกันแล้วฝึก โดยมีสังกัดรองรับ ไม่ว่าจะ ผอ โรงเรียน ชุมชนแถวบ้าน อะไรก็ว่าไป

จากนั้นก็สมัครตามขั้นตอนได้เลย ว่าเรามีประสบการณ์ทำอะไรมาบ้าง ฝึกเด็กกี่คน

ฝึกที่ไหน รูปแบบการฝึกยังไง ผลการแข่งชนะไหม มีแชมป์รึป่าว





https://www.facebook.com/aruntulofficial/

โค้ชที่เก่งคือโค้ชที่มองเห็นมุมที่แตกต่าง ความคิดที่ว่า เป็นนักบอลแล้วรู้เรื่องบอล ต้องเคยเป็นครูมาก่อนถึงสอนคนได้ มันล้าสมัยไปนานแล้ว

ถ้าคุณคิดว่าแบบเดิมๆ มันเวิร์ก ทำไมทุกวันนี้ไม่มีโค้ชไทยระดับพรสวรรค์เลยล่ะ หลักมันง่ายๆ คือ ถ้าคุณว่าง่ายเชื่อฟังครู คุณเก่งสุดก็แค่เท่าครูคนนั้นแหละ

จริงๆ ผมพิมพ์ไว้เยอะเลยนะ แต่ผมลบทิ้งหมดเลย เพราะไม่คิดว่ามันจะเปลี่ยนแปลงอะไรตอนนี้ได้หรอก

ดังนั้นสรุปง่ายๆ นะ ถ้าคุณอยากเป็นโค้ชที่เก่ง ไปเริ่มต้นนอกประเทศไทย ไม่งั้นคุณไม่มีทาง