วงการนี้ก็คือน้ำหอมนั่นเองครับ มีหนึ่งต้องมีสอง แล้วก็มีเรื่อยๆ ตังค์ไม่มีจะกิน แต่ตัวต้องหอม !!!
วันนี้จะมาแชร์น้ำหอมที่สะสมไว้ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ว่ามีอะไรบ้าง ตัวไหนเหมาะกับโอกาสไหน ตัวไหนตัวเทพ ตัวไหนสาวชมเยอะ ตัวไหนน่าผิดหวัง
ไม่ได้เรียงลำดับตามความชอบน่ะครับ
มาที่ตัวเเรก น้ำหอมขวดเเรกที่ซื้อ และเป็นขวดที่สามแล้วตอนนี้
1. Armani Code for Men (EDT)
ตัวนี้เหมาะกับการใส่ทำงานในห้องแอร์ หรือไปงานกลางคืน เเต่งตัวเนี๊ยบๆหน่อย หอมแบบสุภาพบุรุษ กลิ่นที่เด่นของตัวนี้คือ หนัง ยาสูบ และโป๊ยกั๊ก เรียกว่าได้รับคำชมเยอะพอตัวเลย ความทนอยู่ที่ 6-7 ชม. ข้อเสียคือตัวนี้ทำขวดแบบใหม่และปรับสูตรน้ำหอมใหม่ ซึงสู้ตัวเก่าไม่ได้เลย และไม่ทนเหมือนตัวเก่า
คะเเนนความชอบส่วนตัว 8/10
ราคาประมาณ 3,800 (75ml.)
Spoil
ตัวอย่างขวดใหม่ ที่สู้รุ่นเก่าไม่ได้เลย
2. Chanel Allure Homme Sport (EDT)
ตัวนี้เหมาะกับวันสบายๆ ใช้ได้ทุกโอกาส น่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว คนใช้ค่อนข้างเยอะ กลิ่นออกเเนวซีตรัสบวกวานิลลานิดๆ หอมเซ็กซี่ เย้ายวน น่าซุกไซร้ ที่สำคัญคือกลิ่นไม่ทำร้ายคนรอบข้างแน่นอน ใช้ง่ายสุดๆ ระดับความทนอยู่ที่ 7-8 ชม. ขวดนี้เป็นขวดที่สองของผมแล้ว ได้มาจาก King Power ในราคาสามพันถ้วน หมดขวดนี้คงไปตัว EDP มั่ง
คะเเนนความชอบส่วนตัว 7.5/10
ราคาประมาณ 4,500 (100ml.)
3. Bleu De Chanel (EDP)
เป็นอีกหนึ่งตัวที่ชาว SS พูดถึงบ่อยมากๆ เพราะมันดีจริงๆ คนชมเยอะจริงๆ ทั้งหญิง ทั้งชาย ทั้งตุ๊ด หอม เรียบหรู ดูผู้ดี ดูมีตังแต่จริงๆไม่มี ใช้งานง่าย ใส่ทำงาน ใส่ออกงาน ใส่ไปออกเดทกับสาวก็ได้ ที่สำคัญคือทนกับผิวผมมากๆ 7-8 ชม. ขวดที่สองแล้วเหมือนกัน แต่ขวดนี้ขนาด 150 มล. ใช้ point ในบัตรลดเหลือห้าพัน คุ้มค่ากับตังที่เสียไปอยู่ครับ
คะเเนนความชอบส่วนตัว 8.5/10
ราคาประมาณ 6,000 (150ml.)
4.Acqua Di Gio Profumo (EDP)
ตัวเทพของผมเลย ไม่ใช่กลิ่นที่หรูหรา แต่ออกเเนวเเบดๆ เหงื่อๆ เซ็กซี่สุดๆ เหมาะกับอากาศร้อนๆหน่อย เช่นใส่ออกแดด ไปเที่ยวทะเล งานเอ้าดอร์ ตัวนี้ติดทนแบบน่าเหลือเชื่อ 8-9 ชม สบายๆเลยครับ
คะเเนนความชอบส่วนตัว 9/10
ราคาประมาณ 4,400 (75ml.)
5. Dior Sauvage (EDT)
อีกหนึ่งตัวที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ คนใช้เยอะมากๆ เป็นตัวยอดนิยมของชาว SS ติดทนนานหอม เซ็กซี่ สะอาด สาวชมเยอะ แต่! แต่! แต่มันไม่เกิดขึ้นกับผมจริงๆ ใช้เเล้วโดนทักกลิ่นเเขกอินเดีย เพื่อนบ่นว่าเวียนหัว สงสัยเคมีไม่เข้ากับผิวผม ฉีดใส่กระดาษกลิ่นโคตรหอม เเต่พอฉีดผิวออกมาเป็นคนละกลิ่นกันซะงั้น ที่สำคัญคือซื้อขวด 200 มล เเทบร้อง !!
คะเเนนความชอบส่วนตัว 6/10
ราคาประมาณ 5,000 (200ml.)
6. Versace Pour Homme (EDT)
ตัวนี้ผมเปรียบเหมือนข้าวกะเพราะไข่ดาวอ่ะ คิดไรไม่ออกฉีดตัวนี้แหละง่ายดี คือมันเหมือนสิ้นคิด แต่มันเวิร์คด้วยไง หอม สะอาด ใช้งานยง่าย ใส่ทำงานได้ ไปยิม ไปเดินห้าง ไปเที่ยวต่างจังหวัด ใส่ได้หมด ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือมันไม่ทนเท่าไร อยู่ที่ประมาณ 5 ชม. ที่สำคัญราคาไม่เเพง ควรมีไว้เป็นอย่างยิ่ง อ้อลืมบอก กลิ่นตัวนี้เหมือน Chanel Allure Homme Sport เลยครัยบ เพียงเเต่ไม่มีกลิ่นวานิลลา แต่กลิ่นคล้ายกันจริงๆ
คะเเนนความชอบส่วนตัว 7/10
ราคาประมาณ 4,500 (200ml.)
7. John Varvatos Acqua Artisan
กลิ่นออกเเนวเขียวๆ ขมๆ ส้มโอ เซ็กซี่พอตัว เเต่เคยโดนคนทักว่าเหม็นเขียวเหมือนกันตัวนี้ เเต่คนชมก็เยอะ ถัวๆกันไป เหมาะกับงานเหงื่อๆเท่านั้น เช่นไปยิม เตะบอล ไปเที่ยวทะเล หรืองานเอ้าดอร์ ส่วนตัวผมเองไม่ค่อยปลื้มตัวนี้เท่าไร เป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวที่ตอนลองที่เค้าเตอร์แล้วชอบ พอซื้อมาแล้วดันไม่ชอบซะงั้น ทนระดับปานกลาง 5-6 ชม. หมดขวดนี้จะไปซื้อ Artisan Pure เล็งไว้แล้ว ฮ่าๆๆ
คะเเนนความชอบส่วนตัว 7/10
ราคาประมาณ 3,200 (125ml.)
8. Bvlgari Aqua Pour Homme
กลิ่นแปลก แต่ดันชอบเฉย กลิ่นสาหร่าย คาวๆ เค็มๆ หน่อย กลิ่นเหมือนอยู่ริมทะเลเลยตัวนี้ เป็นกลิ่นที่ผมใช้สำหรับไปออกกำลังกาย เเละเเต่งตัวบ้านๆ เช่นเสื้อยืด เกงขาสั้น หอม ราคาไม่เเพง แต่ไม่ค่อยทนเท่าไร 5-6 ชม.
คะเเนนความชอบส่วนตัว 7/10
ราคาประมาณ 3,000 (100ml.)
9. Polo Blue Ralph Lauren
กลิ่นหอม เย็นๆ เขียวๆหน่อย เพราะโน๊ตหลักเป็นเเตงกวาเเละเมล่อน ใส่ทำงานได้เหมาะกับอากาศไม่เย็น เอ้าดอร์ได้ เเต่กลิ่นจะออกเเนวโบราณไปนิดสำหรับผม เป็นเพราะตัวนี้ออกมานานแล้วด้วย แต่ก็ไม่เเย่จนเกินไป ความทนอยู่ที่ประมาณ 5 ชม.
คะเเนนความชอบส่วนตัว 5.5/10
ราคาประมาณ 3,800 (125ml.)
10. CK One Gold
ในลิสต์ทั้งหมดนี้ ตัวนี้ผิดหวังที่สุด ขวดสวย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเวิร์ค ถามว่าหอมไหม ก็ไม่ได้เเย่ แต่ก็ไม่ได้ว้าว แต่ถามว่าทนไหม บอกเลย 1-2 ชม กลิ่นหาย แบบว่าเห้ย ทำไมเมิงกากยังงี้ แต่ดีที่ เมิงก็ถูกไง ฮ่าๆๆ พอทีกับแบรนด์นี้
คะเเนนความชอบส่วนตัว 3/10
ราคาประมาณ 1000 นิดๆมั้งครับ ไม่อยากจำ ฮ่าๆๆ
11. Armani Code Profumo (EDP)
เป็นตัวที่พัฒนามาจาก Code ตัวเเรกที่ประสบความสำเร็จมากๆ แต่ตัวนี้มีดีที่กลิ่นเเน่นกว่า กลิ่นติดทนกว่า แต่การใช้งานไม่ได้ง่ายเหมือนตัว EDT ไม่เหมะกับใช้ในชีวิตประจำวันเท่าไร อาจจะเหมาะกับใส่ไปผับที่คนเยอะๆแออัด ใส่ไปดินเนอร์กับแฟนตามโรงเเรม เพราะกลิ่นหอมเซ็กซี่มากๆ ไม่เหมาะกับอากาศร้อนอย่างยิ่ง ที่สำคัญอย่าฉีดเยอะเด็ดขาด 2-3 สเปรย์เหลือเฟือสำหรับกลื่นติดทนทั้งคืนยันเช้า 10 ชม สบายๆ ส่วนตัวผมชอบตัว Original EDT มากกว่า
คะเเนนความชอบส่วนตัว 7.5/10
ราคาประมาณ 4,300 (60ml.)
12. Valentino Uomo
ขวดสวย กลิ่นหอม ติดทน เซ็กซี่ ใช้ง่าย หนึ่งในอีกตัวโปรดของผมเลย หอมเซ็กซี่จริงๆ ได้รับคำชมเยอะมากๆ ใส่ไปทำงาน ฉีดแค่ 3 สเปรย์ หอมเย้ายวนทั้งวัน กลิ่นหลักได้แก่ เฮเซลนัท ช๊อกโกเเลต กาแฟ หอมอุ่นๆ กรุ่นๆ น่าหลงใหล ตัวนี้ผมเเนะนำเพื่อนๆให้ลองได้เลยครับ เป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างอยู่นอกสายตาในวงการน้ำหอม underrate จริงๆตัวนี้ ระดับความทน 8-9 ชม.
คะเเนนความชอบส่วนตัว 9/10
ราคาประมาณ 4,200 (100ml.)
หลังจากนี้เป็นประเภท Niche น่ะครับ
13. Office for Men Fragrance One
ช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ ผมได้ติดตามชาเนลน้ำหอมช่องนึงทางยูทูป ชื่อว่า Jeremy Fragrance เป็นการรีวิวน้ำหอมทั่วๆไปนี่เเหละครับ ทีนี้ด้วยความที่เขาหลงไหลมาก เลยคิดผลิตเเบนด์ตัวเองขึ้นมาเลย ด้วยความที่ติดตามอยู่เเล้ว แล้วก็มีการให้เราดูวิธีการทำ พาไปชมโรงงาน สัมภาษณ์นักปรุงน้ำหอมชื่องดัง ผมก็เลยตกเป็นเหยื่อการตลาดของ jeremy ไปในทีนที ซึ่งกว่าจะได้มาก็เหงื่อตกอยู่เพราะต้องจ่ายตังก่อน แล้วรอของอีกสามเดือน ของมาถึงไทยโดนกักที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกสองอาทิตย์ กว่าจำทำเรื่องจบ กว่าจะได้ของ เป็นเวลาสี่เดือน โดนค่าน้ำหอมไป 160 ยูโร คาดหวังไว้ว่าต้องว้าว แต่พอได้ของกลับค่อนข้างผิดหวังกับเงินที่เสียไปกับเวลาที่ต้องรอ ไม่รู้ว่าโดนหลอกรึป่าว แต่คงเข็ดกับการซื้อของโดยที่ไม่ได้ของก่อนเเน่ๆ ถ่มว่ามันหอมไหม มันก็หอมนะ กลิ่นเหมือนเอา Bleu chanel กับ Dior Sauvage กับ Creed Avuntus มาผสมกัน แต่ผมกับไม่ชอบซะงั้น แต่สิ่งนึงที่ยอมรับได้เลยคือกลิ่นติดทนระดับเทพจริงๆ ทนระดับ 12 ชม.อัพ กลิ่นออกเเนวซีตรัสผสมกลิ่นไม้อ่อนเเละแอมบรอกซอนแบบ Dior Sauvage ทุกวันนี่ใช้ฉีดเกงยีนส์ก่อนใช้งาน ฮ่าๆๆ
คะเเนนความชอบส่วนตัว 6.5/10
ราคาประมาณ 160 euro (100ml.)
14. Tinhare Le Couvent
ตัวนี้ได้เป็นของฝากจากพี่ที่เขาไปเที่ยวฝรั่งเศสมา เพราะเเกรู้ว่าเราชอบสะสมน้ำหอม เเกเลยซื้อฝาก ถ้าใครรู้จัก Baccarat Rouge 540 จาก MFC ตัวเทพในตำนานซึ่งราคาโหดมาก น้ำหอมตัวนี้คล้ายสุดๆ คือหอมหวานๆ คล้ายยางไม้ และวานิลลา ให้ความเซ็กซี่ น่าค้นหา น่ากอด เหมาะสำหรับในโอกาสพิเศษ หรือไปดินเนอร์ พาสาวขึ้นห้อง ฮ่าๆๆ ที่สำคัญกลิ่นทนสุดๆ ตามฉบับน้ำหอมนิช 7-8 ชม. สบายๆ
คะเเนนความชอบส่วนตัว 8.5/10
ราคาประมาณ อันนี้ไม่ทราบจริงๆ พี่ซื้อมาฝาก
15. Amouage Reflection Man
อีกหนึ่งลูกรัก ที่ไปเสาะหามาใช้จนได้ ตัวนี้ให้คาเเรกเตอร์แบบ Christian Grey จากหนังเรื่อง 50 shades of grey เลยครับ เพราะมันหอมเซ็กซี่ เนี๊ยบ หรู ดูกลิ่นดูเเพงสุดๆ แต่ซ่อนด้วยความบ้ากาม โดดเด่นด้วยกลิ่นมะลิ ดอกส้ม และไม้จันท์หอม อธิบายไม่ถูกจริงๆ ตัวนี้ผมใช้ประหยัดมาก ไม่อยากให้หมดจริงๆ เพราะขวดนี้คือ Original formulation จุดสังเกตของเเบรนด์นี้คือ ถ้าฝาเป็นแม่เหล็กนั่นรุ่นใหม่ทั้งหมด นั่นจะหอมสู้ตัวเก่าไม่ได้ ถ้าเพื่อนๆจะไปซื้อน้ำหอมเเบรนด์นี้ ให้หาฝาขวดที่ไม่ใช่แม่เหล็กนั้นคือสูตรปรุงดั้งเดิม จะได้น้ำหอมที่หอม และติดทนนานมากๆ ระดับความทนตัวนี้อยู่ที่ 10 ชม. ล่าสุดแฟนทำโลโก้ตรงกลางขวดหาย น้ำตาแทบร่วง ฮือๆๆ
คะเเนนความชอบส่วนตัว 9.5/10
ราคาประมาณ 8,900 (100ml.)
16. Creed Aventus (The King)
เดอะคิง รักที่สุด หอมที่สุด เซ็กซี่ที่สุด เเพงที่สุด ไม่รู้จะอธิบายยังไง ในวงการน้ำหอม เขาตั้งฉายาให้ว่าเดอะคิง ก็คงดีที่สุดในทุกๆส่วน ขวดนี้โชคดีที่เเฟนซื้อให้เมื่อวันเกิดสามปีที่เเล้ว นั่นยังมีขวดขนาด 120 มล.ผลิตอยู่ ซึ่งตอนนี้ไม่มีเเล้ว ใหญ่สุดคือ 100 มล. ใช้อย่างประหยัดที่สุด ใช้ครั้งละ 2 สเปรย์ ก็พอ ฮ่าๆๆๆ กลิ่นเด่นที่สัปปะรดรมควัน แอปเปิ้ล มัสก์ แบลลคเคอแรนท์ ถ้ามีโอกาสซื้อผมเเนะนำว่าก็ควรไว้ครอบครองครับผม กลิ่นทนอยู่ที่ 8-10 ชม.
คะเเนนความชอบส่วนตัว 10/10
ราคาประมาณ 12,500 (120ml.)
พอแล้วครับ ตาลาย ฮ่าๆๆๆ จริงๆมีอีกหลายๆๆกลิ่น แต่เป็น decant เล็กๆอีกเป็นสิบกลิ่น เอาไว้ซื้อเป็นขวดใหญ่ จะกลับมารีวิวให้ฟังครับ
ปล. วงการนี้ผลาญเงินเก่งจริงๆ โดนชมเข้าหน่อย ซื้อใหญ่เลย ฮ่าๆๆ