อดีตกองหน้ามหาเทพของเชลซี

คนไม่ใช่ ตอนนี้พูดอะไรก็ผิด

และเป็นเหยื่อนักวิจารณ์เกาะกระแส

รับไม่ได้เว้ย 5555 จมไม่ลงของจริง

เริ่มเข้าตัวไปทีละวลี จนพวกเกรียนผีปากดีอย่าง 777er ผีซ่า Smirnoff เกรียนเทพ นี่แทบจะลาเว็บกันเลยมั้ง แต่เห็นบางคนไปโผล่บอร์ดอื่นอยู่นะ ก็เข้าใจนะ คงหมดปัญญาจะมาปากเก่งแบบเมื่อก่อนแล้วล่ะ

ใครๆเค้าก็รู้กัน ซัตตันเมิงไปอยู่ไหมาเพิ่งจะรู้หรอ เข้าใจคำว่าวัฏจักรมั้ย มีขึ้นมีลง ตอนนี้มันอยู่ในช่วงสลับสัับเปลี่ยนกัน รอวันกลับมาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่มีมครคาดเดาอะไรได้อยู่แล้ว
ใครจะไปคิดว่าเมือสิบปีก่อนที่ลิ้วมีรอยฮอดสันเป็นโค้ชวันนั้น เน่าขนาดไหน แต่วันนี้ลิ้งกลับมาได้อย่างยิ่งใหญ่
เช่นกันเมื่อก่อนเซอร์อยู่ผียิงใหญ่ขนาดไหน แต่วันนี้กลายเป็นทีมกลางตารางมีแต่ผู้เล่นกระโหลกกะลาแถมบอร์ดบริการก็เข้าขั้นเฮีย
มีอยู่สองอย่างหลักๆเลยคือผีต้องรอคอยบอร์ดที่ใช่และโค้ชที่ใช่
ถ้าบอร์ดยังเน่าต่อให้โค้ชเทพแค่ไหนก็มีปัญหา

อ่านความเห็นแฟนผีบางคนก็เหมือนโซลชาเลยคือเข้าใจว่าอยากรักษาภาพความเป็นทีมใหญ่ไว้ทั้งๆที่สภาพทีมตอนนี้อยากเก่งคือลุ้นพื้นที่ไปUCLเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่โอเล่ให้สัมภาษณ์มันดูห้าวเกินจริงไปอย่างที่ซัตตันว่านี่แหละ ลองสังเกตุแดงเดือดรอบนี้ก่อนเกมมีแต่ฝั่งนักเตะแมนฯยูออกมาพูดข่ม ฝั่งลิเวอร์พูลไม่มีเลยนะ

ฟอร์มแกดีสุดตอนเป็นคู่หูในแดนหน้า ของ อลัน เชียร์เรอร์ ที่ แบล็คเบิร์นครับ
สองคนนี้ช่วยให้ แบล็คเบิร์น ได้แชมป์ พรีเมียร์ ปี 94-95

ถูกต้องเลย คริส มวยคนละรุ่น 5555

55555

มหาเทพของแบล็คเบิร์นมากกว่านะครับ....ยุครุ่งเรื่อง เป็นคู่หูกับอลัน เชียร์เรอร์ ยิงกระจาย พาแบล็คเบิร์นคว้าแชมป์ปี 1994-95 สมัยแรกเลย หลังจากนั้นทีมผู้เล่นดีๆค่อยแตกกระจายหมด เชียร์เรอร์ ถึงไปอยู่นิว แทนที่จะไปแมนยู

แล้วเมื่อก่อนเนี่ย แกเป็นนักเตะจากนอริช ที่ย้ายมาแบล็คเบิร์นด้วยสถิติเกาะอังกฤษด้วยเลยนะครับ จากนอริชด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ เมื่อปี 1994-1995 สมัยนั้นโคตรแพง สมัยนี้ค่าตัวขี้ไก่เลยราคานี้

คริส ซัตตัน ชายคนแรกในเกาะอังกฤษที่ค่าตัวเกิน 5 ล้านปอนด์ อยู่แบล็คเบิร์นน่าจะพีคสุดในอาชีพแกแล้วหล่ะ






ย้ายมาก็เข้าขาเชียร์เรอร์มาก อย่างโหดคู่นี้ ยิงกระจาย น่าจะเป็น กองหน้าคู่สมัยนั้นที่โหดสุดและ แล้วก็มายุค คู่หูอย่าง แอนดี้โคล กับ ดไวท์ ยอค

อาการแบบนี้ เค้าเรียกว่าของย้อน

"เราคือแมนยู เราจะทำทุกอย่าง เราจะสู้เต็มที่เพื่อชัยชนะเท่านั้น"

อันนี้คือสิ่งที่ผมไม่ได้ต้องการให้นักเตะพูด แต่พิสูจน์มันบนสนามว่าเต็มที่หรือยัง

ไม่ใช่แค่นักเตะนะ หมายถึงผู้จัดการ สต๊าฟโค้ช บอร์ดบริหารหรือใครๆก็ตามที่เกี่ยวกับสโมสรนี่

ที่ผ่านมามันชัดๆเลยว่า มันไม่ได้ไปในแนวทางเดียวกันเลย

__________________________________________________________________

นักเตะ : ส่วนมากสู้เต็มที่เพื่อผลงาน บางคนเล่นสนุกในโซเชียล บางคนจ้องจะย้ายทุกโอกาส

ผู้จัดการ : สู้เต็มที่เหมือนกัน แต่อ่อนประสบการณ์ทั้งการวางแผนและการแก้เกมส์ แรงกดดันจากแฟนบอลและแนวทางบริหารทีมแปลกๆที่ไม่รู้ว่ามีใบสั่งมาจากใคร

ทีมสต๊าฟ : มือใหม่แทบทุกคน และมีส่วนน้อยที่มีประสบการณ์บริหารนักเตะในทีมระดับสูงจริงๆ

บอร์ดบริหาร : ปลิง เน้นขายเสื้อ หาสปอนเซอร์ ปั่นข่าวปั่นกระแส ไร้ประโยชน์

พูดให้ดูเว่อร์ เด็กหงส์ก็เตรียมเข้ามาซ้ำอยู่แล้ว

เค้าพูดจริงทุกข้อนะ

ก็โอเล่กับลูก โม้ก่อนเตะจริงๆนี่นา (หลังเกมก็โม้)

โดนสวนหน้าแหกมาก็ไม่แปลกครับ