มาวิเคราะห์บอลคู่ เหงียน-หลีเหนือ กันดีกว่า
ส่วนตัวผมมองว่าเวียดนามเป็นบอลยุคโพสต์โมเดริน
เอาจริงๆนะถึงตัวผมจะบอกว่าโบราณก็เถอะแต่ถ้าพิจารณาดีๆก็ไม่เชิง
คือถ้าจะให้เทียบว่า 4-4-2, 3-5-2 ไดเรค ดวลเดี่ยวกันตำแหน่งชนตำแหน่งเป็นบอลยุคคลาสสิค การเข้ามาของ 4-4-1-1 ฝรั่งเศส หน้าต่ำที่ถอยลงมายืนต่ำหน่อยก็อาจจะเป็นการเริ่มต้นของยุคโมเดริน แต่ก็ยังคงความคลาสสิคอยู่
จนกระทั่งพ้นยุคมิลานคาเตนัคโช่ที่ครองยุโรป จากนั้นมันก็เริ่มเป็นการเปิดศักราชของบอล 2 สไตล์ที่เน้นการเพรสซิ่ง คือบอลสองเน้นรับแน่นสวนกลับไว มีกองกลางที่ยืนตำแหน่งรัดกุม และบอลที่เน้นการครองบอลเล่นในที่แคบได้ดี เน้นการถ่ายบอลที่ไม่ให้คู่แข่งเล่นเกมของตัวเองได้
ทั้งสองสไตล์เป็นบอลที่ใช้พละกำลังเพิ่มขึ้นจากในอดีตมาก ไม่มีใครกางมุ้ง ไม่มีใครประจำตำแหน่งตัวเองแบบถาวร ทุกคนได้รับหน้าที่ 2-3 role ในแต่ละเกม ผลัดเปลี่ยนกันแบบไดนามิค ชั้นเชิงพัฒนาจากการดวลตำแหน่งต่อตำแหน่งเป็นการชิงพื้นที่ ชิงจังหวะพลาดในแดนกลาง ต้องอาศัยการอ่านเกมและการตอบสนองของร่างกายที่สูงถ้าต้องการประสบความสำเร็จ
เอาแค่นี้ก่อเด๋วมันจะกลายเป็นกระทู้ประวัติศาสตร์ฟุตบอล
ซึ่งผมไม่ได้มีความรู้ลึกขนาดย้อนไปยุค 60-70 มันจะดูกลวงไป
วกมาที่เวียดนาม ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าบอลของปาร์ค ฮัง ซอกับเกาหลีเหนือ(หรือกระทั่งเกาหลีใต้) สไตล์ค่อนข้างใกล้เคียงกันในแนวรับ
- เพรสต่ำหน้ากรอบ ใช้การป้องกันสองชั้นจากแดนกลางและแผงแบ๊ค
- คุมพื้นที่ระหว่างแผงกองกลางกับกองหลัง กลายเป็น box
- มี CM ที่เปลี่ยนจากแผงเกมรับเป็นแผงเกมรุกเรียกว่า box2box(จริงๆมันคือพื้นที่ในกรอบเขตโทษที่บรรดามิดฟิลด์ไดนาโมจะวิ่งขึ้นวิ่งลงสองฝั่งตลอด มีมาตั้งแต่ยุค 60 แต่การเพรสแบบฟุตบอลสมัยใหม่ผมว่าตำแหน่งนี้มีความสำคัญตั้งแต่ก่อนเข้าเขตโทษแล้ว เหมือนหัวหอมที่มีเปลือกแต่ละชั้น role ของ box2box ในเกมรับอาจเป็นได้ทั้งชั้นแรกคือ DMC และชั้นที่สองคือ CB frontman ขณะที่เกมบุกก็สามารถสอดแทรกขึ้นไปยิงประตูได้เช่นกัน)
- จังหวะดวลที่เห็นชัดของเวียดนามและหลีเหนือคือ zone ระหว่างแผงกลางกับแผงหลัง ถือเป็นพื้นที่รัดกุมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการที่คู่แข่งจ่ายบอลเข้าไป หรือโยนเข้าแล้วกองหลังสกัดออกจากเขตโทษ จะต้องเก็บบอลให้ได้
จะเห็นได้ว่าตำแหน่งผู้เล่นที่มีความสำคัญที่สุดของทั้งสองทีมคือมิดฟิลด์ตัวกลางทั้งสองหรือสามคน ที่ต้องเล่นทั้งรับและรุกได้ และยังต้องคอยสังเกตตำแหน่งของเพื่อนในทีมในตลอดว่าใครจะหลุดใครจะซ้อน
ขณะที่เกมรุกของทั้งสองทีมผมมองว่าตรงนี้แหละที่ทำให้เวียดนามเป็นโพสต์โมเดริน คือมีการต่อบอลที่ใช้พื้นที่ทีมีประสิทธิภาพมากกว่า
- ใช้พื้นที่มุมกรอบเขตโทษทั้งสองฝั่ง อาศัยผู้เล่นที่มีความเร็วและการต่อบอล ใช้ WF โฉบเข้าไปหาจังหวะยิงหรือส่ง หรือลากไปที่สุดเส้นหลัง
- กองหน้าตัวกลางไม่ถึงกับว่าเล่น false9 แต่สามารถพักบอลได้ในระดับหนึ่ง สร้างสรรค์โอกาสได้
คือถ้าเล่น 4-4-2 โบราณ มาเจอแผนนี้ การป้องกันจะมา overload ที่แบ๊คทั้งสองข้างกับกลางรับที่ต้องเข้ามาช่วย ขณะที CB ยืนคุมกองหน้าตัวกลางในกรอบเขตโทษ ถ้า SB โดนเล่นงานไปสักพักจนบอลสามารถทะลุมาบริเวณกรอบเขตโทษและหาจังหวะยิงได้ CB ก็ต้องออกมาป้องกันและจะหลุดตำแหน่งจากกองหน้าตัวกลาง เพราะฉะนั้นกองหน้าตัวกลางก็มีอีก role คือคอยวิ่งป่วนไปมา รับบอลถ่ายบอล เพื่อให้ CB งงตำแหน่ง และหลุดจนแนวรุกสามารถฉวยโอกาสยิงประตูได้
แผนเหงียนก็มีประมาณนี้ และก็เห็นเล่นมาหลายนัดแล้วด้วย
ขณะที่หลีเหนือ เกมรุกออกจะไดเรคกว่า คือกองหน้าจะยืนเพื่อคอยค้ำกองหลังและปีกสองข้างอาศัยจังหวะใช้ความสามารถเฉพาะตัว หรือหาจังหวะโยนเข้าในพื้นที่อันตราย ถ้าเล้นสไตล์นี้กับบอลยุโรปผมว่าอาจจะโดนแก้ทางโดยบอลบล๊อคเต็มแผงที่บรรดากองหลังยุโรปถนัด หรืออาจจะไม่ได้ส่งบอลไปถึงกองหน้าเลยก็ได้ แต่กับทีมในระดับเอเชียก็ต้องยอมรับว่าแผนนี้ยังคงใช้ได้ดี
ดูไปดูมาก็คล้ายทีมอาหรับแต่ขานั้นผมว่าความสามารถเฉพาะตัวพี่แก บางทีมโหดจริงจัง ถาเทียบมาตารฐานเอเชียนะ
เมื่อวานพอเห็นเกมรับเวียดนามเป็นชั้นขนาดนั้น ผมก็แอบเห็นหลีเหนือเล่นบอลกับพื้นในบางจังหวะ(แต่ก็เล่นเพื่อหามุมเปิดบอลนั่นแหละ) แต่ก็นะดูเหมือนจะไม่ได้ฝึกเข้มกันมาแบบนั้น
เลยแทบจะกลายเป็นบอล อบต เลย จ่ายใกล้ๆยังเสีย
สุดท้ายผมมองว่าหลีเหนือเมื่อวานชนะเพราะความผิดพลาดของผู้รักษาประตูด้วยลูกหนึ่ง อีกลูกคือการ"ดวล"ที่จะว่าเวียดนามดวงไม่ดีก็ได้ แต่ถ้านับสไตล์บอลแบบบที่ผมว่ามาก็ถือว่าพลาดเองที่ปล่อยใหเข้าลำเลียงบอลเข้ามา ปล่อยให้เปิดให้ยิง ทั้งที่ตัวเองเล่นเกมรับแน่นเพื่อสวิตช์บอลเร็ว