น้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายเร็ว 7 เท่า
น้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายเร็ว 7 เท่า วิกฤติ Climate Change ลางร้ายหายนะโลก
วิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ หรือ Climate Change กำลังเป็นหายนภัยใหญ่หลวงต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก ชนิดที่บรรดานักวิทยาศาสตร์และนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมเตือนดังขึ้นเรื่อยๆ ว่ากำลังทำให้โลกใกล้ถึงจุดที่ไม่อาจจะกลับไปเยียวยาได้แล้ว
ปี ค.ศ.2019 เป็นอีกปีที่ชาวโลกจำนวนไม่น้อย ได้ประสบหายนภัยธรรมชาติรุนแรง ตลอดจนรับฟังข่าว และได้เห็นภาพมหันตภัยทางธรรมชาติ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดถี่ขึ้นและทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างน่ากลัว ไม่ว่าจะเป็นพายุ-น้ำท่วม-อากาศหนาวเย็นมากขึ้น ร้อนแล้งขึ้น ไฟป่ารุนแรงขึ้น ธารน้ำแข็งขั้วโลก และบนยอดภูเขาสูงทั่วโลกกำลังละลายมากขึ้นอย่างน่าวิตก
ทว่าขณะที่ ‘คนหัวเก่า’ อย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้นำพาชาติมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก สวนทางกับความพยายามแก้ไขวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ในปี 2019 โลกก็ยังมีความหวังจากพลังของบรรดานักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลก รวมทั้ง เกรียตา ทุนแบร์ก สาวน้อยชาวสวีเดนวัย 16 ที่กลายเป็นพลังให้แก่เยาวชนคนหนุ่มสาวทั่วโลก ให้ลุกขึ้นมาช่วยกันรักษาโลกให้รอดพ้นจาก Climate Change
*ข้อมูลยืนยันจากนาซา โลกร้อนขึ้นอย่างน่ากลัว
ขณะที่ทรัมป์ ไม่เชื่อว่าสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและภาวะโลกร้อนจากฝีมือมนุษย์ และยังพาสหรัฐฯ ถอนตัวจาก ‘ความตกลงปารีส’ เพราะมีความเห็นว่าสร้างภาระทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรมให้กับชาวอเมริกันนั้น ทว่าจากรายงานขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) หน่วยงานสำคัญของสหรัฐฯ ที่ได้รับการยอมรับจากชาวโลก ได้รายงานการศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และภาวะโลกร้อนที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานของ NASA-NOAA
- ระดับความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในชั้นบรรยากาศโลกเมื่อ 16 ก.ย.2019 อยู่ที่ 412.14 ส่วนในล้านส่วน (ppm) สูงสุดในรอบ 650,000 ปี
- อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 1.9 องศาฟาเรนไฮต์ นับตั้งแต่ปี 1880
*น้ำแข็งกรีนแลนด์ ละลายเร็วกว่า 20 ปีที่แล้ว ถึง 7 เท่า
จากรายงานการศึกษาใหม่โดยนาซา และสำนักงานอวกาศยุโรป (ESA) โดยได้ข้อมูลจากดาวเทียมติดตามผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่กรีนแลนด์ เกาะใหญ่สุดในมหาสมุทรอาร์กติกและอยู่ทางเหนือสุดของโลกใกล้ขั้วโลกพบว่า แผ่นน้ำแข็งที่กรีนแลนด์กำลังละลายอย่างรวดเร็ว โดยได้สูญเสียน้ำแข็งไปแล้วถึง 3.8 ล้านล้านตัน ระหว่างปี 1992-2018
ที่น่าวิตกตามมาอย่างยิ่งก็คือ การละลายอย่างรวดเร็วของน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ กำลังส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น โดยคาดว่าในปี ค.ศ. 2100 ระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะสูงขึ้นประมาณ 70-130 เซนติเมตร ซึ่งเลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า จากภาวะโลกร้อน
โดยในช่วงทศวรรษ 1990 น้ำแข็งที่กรีนแลนด์ละลายเฉลี่ยแล้วประมาณ 25,000 ตันต่อปี ทว่าอัตราการละลายของน้ำแข็งในกรีนแลนด์ปัจจุบัน อยู่ที่ 234,000 ตันต่อปี ซึ่งหมายถึง แผ่นน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ ละลายเร็วขึ้นกว่า 26 ปีที่แล้ว ถึง 7 เท่า นับตั้งแต่เริ่มมีการศึกษากันมาเลยทีเดียว
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1723933?cx_testId=7&cx_testVariant=cx_1&cx_artPos=0#cxrecs_s
ออสเตรเลียอ่วม เตรียมเผชิญคลื่นความร้อน อากาศร้อนจัด ทะลุ 40 องศาฯ
(ภาพ: BUREAU OF METEOROLOGY)
อุตุฯออสเตรเลียแจ้งเตือนประชาชน เตรียมเผชิญคลื่นความร้อนจ่อแผ่ปกคลุมประเทศ เตือนอากาศจะร้อนจัด อุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
เมื่อ 14 ธ.ค.62 สำนักข่าว บีบีซี รายงาน สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย (BUREAU OF METEOROLOGY )ประกาศแจ้งเตือนประชาชนเตรียมเผชิญสภาพอากาศร้อนจัดในสัปดาห์หน้า จากอิทธิพลคลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมประเทศ โดยคาดว่าจะส่งผลให้อุณหภูมิในหลายพื้นที่ของรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย และเซาท์ออสเตรเลีย สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ขณะที่สถิติอากาศร้อนมากที่สุดในออสเตรเลีย อุณหภูมิสูงถึง 50.7 องศาเซลเซียส ในพื้นที่ชนบทของเมือง Oodnadatta (อุดนาดัตตา) ในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 2 ม.ค.1960
สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย ยังเตือนว่า คลื่นความร้อนที่จะแผ่ปกคลุมพื้นที่ของรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย และเซาท์ออสเตรเลียในสัปดาห์หน้านั้น จะทำให้อากาศร้อนจัด โดยคาดว่าที่เมืองเพิร์ท ในรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย อุณหภูมิจะสูงตั้งแต่วันพุธหน้า ไปตลอดสัปดาห์ และอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ในวันเสาร์ที่ 21 ธ.ค.และแตะระดับ 41 องศาเซลเซียสในวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค.
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1725900?cx_testId=7&cx_testVariant=cx_1&cx_artPos=1#cxrecs_s
ผมเห็นแม่น้ำโขงแห้งเพราะการสร้างเขื่อนจากจีนและลาว เลยลองค้นหาข่าวต้นกำเนิดแม่น้ำโขงดูปรากฏว่าธารน้ำแข็งที่เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำโขงก็วิกฤตเช่นกัน
มารอสังเกตุประเทศเราดูกันว่าหน้าร้อนใกล้ถึงจะร้อนนานร้อนทะลุกี่องศากัน