มากมาย พิมพ์ว่า:
ให้ คีน ไปพูดในห้องแต่งตัว?
ถ้าจริงก็ ไม่ไหวละนะ โอเล่
เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่มุมมองของคน
บางทีมุมมองจากคนคนเดียว มันไม่สามารถสื่อให้คน100คนเข้าใจ
ตามที่เราต้องการจะให้เค้าเข้าใจแบบนั้นได้ทั้งหมด
ผมสมมุติว่า ถ้าโอเล่ไม่ยอมให้ใครมาช่วยปรับทัศนคติลูกทีมเลย
เพราะคิดว่าตัวเองทำได้สบายๆ ผมว่าคนแบบนี้คือพวกน้ำเต็มแก้ว
ไม่รับอะไรเพิ่ม ทั้งๆที่มุมมองคนอท่นอาจจะมีประโยชน์ต่อตัวเองด้วยซ้ำ
บางที ให้คนเก่งสองคน อธิบายเรื่องเดียวกัน ให้เด็กหนึ่งคนฟัง
เด็กคนนั้น อาจจะเข้าใจเป็นคนละเรื่องเลย รับรู้ถึงข้อมูลที่ผู้พูด
ต้องการสื่อสารชัดเจน แต่เรื่องของอีกคน เข้าใจคนละเรื่อง
ทั้งๆที่ให้อธิบายเรื่องเดียวกัน โดยไม่ได้กำหนดวิธีอธิบาย
มันเป็นเรื่องของการสื่อสาร ที่มันคลิกกัน ทัศนคติคล้ายกัน
บางเรื่องไม่จำเป็นต้องคุยก็เข้าใจ บางเรื่องก็จะรู้เองว่า
จะอธิบายเรื่องนี้ ให้คนแบบนี้ฟัง มันต้องคุยกันเยอะมาก
ต้องให้คนนี้ช่วยคุย มันจะเข้าใจกันได้ง่าย เราเอาเวลาไปทำเรื่องอื่น
ทัศนคติโอเล่ ผมว่าค่อนข้างดีครับ ดูจากหลายๆเรื่อง
แต่ฝีมือนั้น อีกเรื่องหนึ่ง
อีกเรื่องที่เคยตอบในมุมมองเรื่องจิตวิญญาณนักเตะยุคนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว
Spoil
เดือนที่แล้ว แมนยูเสมอเชฟฟิว 3-3 โดนตีเสมอนาทีสุดท้าย
แกรี่ออกมาพูดให้สามแนวรุกมันรู้สึกตัวบ้าง ว่า
"การขาดการเคลื่อนที่ของมาร์ซิยาล,แรชฟอร์ดและเจมส์คือเรื่องตลก"เนวิลล์กล่าว
"มันเป็นเรื่องตลกอย่างแท้จริง พวกเขาไม่มีอะไรเลยทั้งเกม"
"มิดฟิลด์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็แย่แต่คุณคาดหวังว่าแนวรุก 3 คนจะทำได้ดีกว่านี้"
"หากคุณไปถามคริส วิลเดอร์ว่าจะแลกตัวแม็คโกลริคและมุสเซ็ตกับมาร์กซิยาลและแรชฟอร์ดไหม เขาคงตอบว่าไม่"
ที่เฮียออกมาด่าแนวรุกก็ถูกแล้ว เปรียบเทียบนักเตะปัจจุบันให้มันรู้ตัว ว่าสมัยเฮียความสามารถและสภาพจิตใจของนักเตะในทีมมันเป็นยังไง ให้มันรู้ตัวกันซะบ้าง ปรับทัศนคติตัวเองหน่อย ว่าเมิงมันแค่นักเตะดาดๆ ยังจะมีหน้าออกมาภูมิใจว่าดาวรุ่งที่สามารถขึ้นมาจากอคาเดมี่สโมสรชั้นนำยุโรป
มึแค่ 0.12% อะไรของเมิง หน้าไม่อาย คิดว่าตัวเองเจ๋ง ภูมิใจว่าได้เป็นตัวจริงยูในเต็ด เหมือนที่ตำนานในทีมเค้าปลูกฝัง เมิงก็ท่องจำเค้ามา ทั้งที่ยังไม่สามารถคว้ารางวัล หรือผลงานอะไรในระดับที่เฮียๆเค้าเคยทำมาแล้ว
เอาไว้เมิงสร้างหน้าประวัติศาสตร์ก่อนค่อยมาโม้เหอะ มันถึงจะดูไม่แว๊นแบบนี้วะ
เค้าก้มหน้าก้มตาเล่นฟุตบอลเว้ย รูปแบบการเล่นของทีมสมัยเฮีย มันก็มาจากความสนุกในการเล่นร่วมกันกับเพื่อนร่วมทีม มีแผนการเล่นร่วมกัน ดูได้จากใครเล่นไม่ดีในสนาม มันด่ากันเองได้เลยในสนาม เผลอๆปรับกันเองได้เลยปรึกษากันกับทีมงานโค้ชได้ อยากเล่นแบบนู้นแบบนี้กุว่ามันเจ๋ง เมิงส่งมางี้ดิ วิ่งทางนู้นทางนี้ มันถึงเรียกว่า"ทีม"อย่างแท้จริง (แต่นั่นมันอาจจะเป็นแนวทางบอลสมัยก่อน ไม่ได้บอกว่าต้องทำตาม)
การซื้อตัวก็แค่เสริมผลัดใบ แผนและรูปแบบการเล่น
มันเป็นDNAของทีมทีมนี้ นักเตะสามารถเเข้ามาจอยน์ และพัฒนาตัวเอง
โดยที่ความสามารถเฉพาะทาง จะถูกดึงออกมาในการเล่นตามแบบแผนนั้นๆ
แต่สมัยนี้ต้องให้โค้ชกำหนดให้หมด แล้วก็โยนให้โค้ช
ต้องให้โค้ชพาเล่น เพราะการเล่นเป็นทีมของพวกเมิงมันไม่มีระดับ
ไม่ต่างจากทีมกรากๆทั่วไป แค่ผยองว่ากุวิ่งเร็ว เลี้ยงได้ แต่ความเป็นทีมห่วยแตกสิ้นดีดูเอาเองละกันว่าทีมยุคก่อนมันเล่นในสนามแล้วมันดูนักเตะ
มันสนุกและ"มีความสุข"ในการได้เล่น สมัยนี้มันดูสนุกกันแค่ตอนยิงได้
คนเดียวในสนามที่ผมสัมผัสได้ว่ามันเล่นสนุก คือเจมส์ น้องใหม่ ไอ้นี่แหละถ้าให้มันมีอิทธิพลในทีมมากกว่านี้ มันจะสร้างบรรยากาศยูในเต็ดกลับมา การเล่นการวิ่งของมัน ผมไม่เคยเห็นนักเตะในทีมเล่นแบบนี้เลย ตั้งแต่ป๋าวางจอย โอเล่มาถูกทางในแนวทางการทำทีม ดูจากการซื้อตัวใหม่แต่ละตัว แต่นักเตะเก่าๆในทีมเรียกว่าไร้ทิศทาง ถ้ายังใช้พวกลิงกราก,แรชฟอร์ดให้เป็นพี่เบิ้ม ก็เล่นได้แค่ในยูโรป้านี่แหละ ยังไงก็ไม่พัฒนา เพราะทัศนคติมันไม่ได้ ถึงจะเก่ง แต่ความเป็นทีม มันตัน เอาใครมาคุมแต่ไม่ปรับนักเตะ มันก็ต้องโดนไล่อยู่ดี
ผมว่ามูก็ปรับเรื่องนี้นะ ช่วงZlatanมานี่เห็นได้ชัดว่ากลมเกลียวกันมาก แต่หลังจากนั้นดูนักเตะในทีมละกันแบ่งก๊กกันทันที ป็อกบาที่มีอิทธิพลในทีมก็ไม่เอาแนวทางมู มันเลยเละ ดูทัศนคติ การสื่อสารกับลูกทีม
มันมองกันคนละมุมแล้ว ต่อให้พูดลพเอียดอธิบายดีแค่ไหน เค้าก็ไม่เปิดรับ
นอกจาก จะมีเหตุการณ์อะไรให้กระแทก หรือสะเทือนใจ เค้าก็จะเข้าใจ
เรื่องทั้งหมดได้เอง โดยไม่ต้องอธิบายอะไรต่อ