[RE: ผิดมั้ยที่ไม่อยากได้บุญและไม่ชอบทำบุญ]
ใครไม่แชร์ เก้าอี้แชร์ พิมพ์ว่า:
เมื่อก่อนตอนเด็กๆชอบทำครับ แต่ไม่รู็ทำไมโตมายิ่งหัวกบฏก็ไม่รู้
คือผมชอบให้สัตว์โลกที่ลำบากเช่น หมา แมว หรือคนที่ลำบากจริงๆมากกว่า
พวกวัดอะไรพวกนี้ผมไม่ค่อยทำเลย ปีนึงน่าจะไม่เกิน 2 ครั้งมั้ง
คือพวกที่มีตู้หยอดๆทำบุญ เวลามาวางเรียงๆติดกันผมหยอดพวกช่วยคนตาบอด
อาหารสัตว์ แต่พวกเกี่ยวกับวัด ผมไม่หยอดเลย
เพื่อนผมบวชแค่ สองอาทิตย์ เงินได้เยอะกว่าเงินเดือนผมอีก
แล้วภาษีก็ไม่เสีย คิดดูว่าพวกมหาเอย เจ้าอาวาสเอย น่าจะเป็นมิลเลียนแนร์แล้วมั้ง
พอคิดถึงตรงนี้ทำไม่ลงจริงๆครับ
พอดีผมเห็นท่านตอบกระทู้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะกระทู้การเมือง ผมก็เข้าไปแผล่บบ้างตามโอกาสและความเห็นที่โดนใจ เลยนึกอยากมาตอบที่ท่านเม้นท์มาในกระทู้นี้ และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านและผู้ที่ผ่านเข้ามาอ่านนะคับ
ผมขออนุญาตวิเคราะห์จากที่ท่านพิมพ์มานะคับ พฤติกรรมการทำบุญที่เปลี่ยนแปลงของท่านนั้นน่าจะเกิดจากพฤติกรรมของพระโดยส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนไปในทางที่เสื่อมลงตามยุคสมัยและเทคโนโลยี ทำให้ท่านหมดความศรัทธาในศาสนาซึ่งคนส่วนใหญ่ก็คงเป็นเหมือนท่านนั่นแหละคับ เพียงแต่ว่าผมก็เสียดายโอกาสของเพื่อนสมาชิกหลายๆท่าน ไม่อยากให้เสียโอกาสในการทำบุญกับพุทธศาสนาในบางสถานที่ที่ดีจริงๆ เพียงเพราะเหตุผลที่ท่านกล่าวมาข้างต้น
ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอชี้แจงก่อนว่าทำไมจึงบอกว่าเสียดายโอกาส เพราะว่าถ้าเราย้อนมาดูจุดมุ่งหมายสูงสุดของพุทธศาสนาคือการปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลศภายในใจ เพื่อให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งมวล (โดยส่วนตัวผมว่าแท้จริงแล้วเรื่องนี้เป็นจุดหมายสูงสุดของทุกชีวิตที่ต้องการความสุขและพ้นจากทุกข์ เพียงแต่บางคนอาจจะยังไม่รู้วิธีหรือรู้แต่ยังไม่สามารถทำได้ถึงเป้าหมายสูงสุดแต่ก็อยู่ระหว่างทาง) ดังนั้นการทำบุญกับสิ่งที่เกี่ยวข้องหรือสนับสนุนในเป้าหมายนี้ย่อมเกิดบุญกุศลมากตามมา ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์จากการทำบุญก็ตาม ซึ่งจากที่ผมกล่าวมาก็เลยเป็นสาเหตุให้สังคมไทยในสมัยก่อนให้ความสำคัญกับพระมาก แม้กระทั่งกษัตริย์ยังต้องก้มลงกราบพระ
โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมก็แทบไม่ค่อยได้ใส่บาตรเลยเนื่องจากผมอยู่ใน กทม.ความรู้สึกคงจะคล้ายๆกับหลายๆท่าน แต่ผมมักจะเลือกให้ความสำคัญในการทำบุญกับการศึกษาไม่ว่าจะเป็นโยมหรือพระเพราะมองว่าการศึกษาทำให้คนมีความรู้ ความรู้ทำให้คนมีปัญญาเพื่อแก้ปัญหาชีวิตที่เข้ามา รวมทั้งเรื่องของสุขภาพโดยการบริจาคเลือดหรือช่วยค่ารักษาพยาบาล ช่วยเหลือสัตว์บ้างตามโอกาส เพียงแต่ใน กทม.เองก็มีหลายๆวัดที่มีกิจกรรมดีๆ เช่น สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น รวมทั้งเทศน์แสดงธรรม เช่น วัดสุทัศน์ วัดคุณแม่จันทร์ เป็นต้น ผมเลยไม่อยากให้เพื่อนสมาชิกตัดโอกาสในด้านนี้ซะทีเดียว เพียงแต่อาจจะต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในการค้นหาวัดที่เหมาะสม
สุดท้ายนี้ถ้าเพื่อนสมาชิกหลายๆท่านมีความรู้สึกเบื่อหน่ายกับพระที่ทุศีล หรือวัดที่เอาแต่เรี่ยไร ผมขอแนะนำสถานที่นึงซึ่งผมเคยแนะนำไปแล้วในหลายกระทู้คือ วัดป่าอัมพวัน อยู่เส้นถนนชลบุรี-บ้านบึง จ.ชลบุรี อยู่ติดอ่างเก็บน้ำช่องมะเฟือง วัดอยู่ในหุบเขา เดินทางจากมอเตอร์เวย์แค่ 1 ชม. เป็นวัดสายหลวงปู่ชา บรรยากาศเป็นป่าร่มรื่น ชาวบ่้านจะมารวมกันสวดมนต์/นั่งภาวนา/ถวายจังหัน (หมายถึงมื้ออาหารที่พระฉันมื้อเดียว) อาหารที่เหลือชาวบ้านที่มาทำบุญหรือที่ยากจนก็จะมาแบ่งกันไปทานเป็นโรงทาน น้ำท่วมอุบลที่ผ่านมาเจ้าอาวาสท่านก็เป็นเรี่ยวแรงในการชักจูงชาวบ้านให้ร่วมกันบริจาคสิ่งของหรือปัจจัยและท่านก็เดินทางไปแจกจ่ายด้วยตนเอง เป็นพระที่ทำประโยชน์เพื่อชุมชนและศาสนาอย่างแท้จริง ผมเลยอยากให้เพื่อนๆที่เบื่อหน่ายในพุทธศาสนาไปสัมผัสด้วยตนเอง อย่างน้อยก็คิดซะว่าไปพักผ่อนเที่ยวอ่างเก็บน้ำก็ได้คับผม