ผมเองก็ชอบบุรีรัมย์มากสุดในไทยลีกนะ

แต่เรื่องนี้ผมมองว่ามันดูเอาแต่ใจมากเกินไป

เหมือนฟุตบอลลีกเป็นของเล่น ที่แบบมาขอกันเอาง่ายๆงี้เลยหรอ

ดูอย่างแมนซิตี้ เค้าลงทุนไปไม่รู้เท่าไหร่ แต่เค้าก็ยังเคารพกฎ ชูถ้วยที่สนามไบรตันได้เลย

เรียน แฟนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกท่าน

ก่อนที่จะมีการขยายผลจนกลายเป็นความเข้าใจผิด และส่งผลเสียหายทั้งต่อสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้

ผมขอเรียนชี้แจงข่าวเรื่องสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะไม่รับถ้วยแชมป์ ที่เชียงใหม่ แต่จะมารับที่บุรีรัมย์ ดังนี้

1. สถานการณ์การแข่งขันในขณะนี้ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าทีมใดจะเป็นแชมป์ ระหว่าง เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ต้องเยือนสุพรรณบุรี เอฟซี กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ต้องเยือนเชียงใหม่ เอฟซี

2. ขณะนี้ ทั้ง 2 สโมสรฯ คือ เชียงราย ยูไนเต็ด และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีโอกาสจะเป็นแชมป์เท่ากัน ในขณะที่มีถ้วยรางวัล 1 ใบ มีผู้บริหารสมาคมฯ 1 คณะ ผู้บริหารไทยลีก 1 คณะ จะเตรียมการจัดพิธี และ เตรียมกาาเดินทางไปทำพิธีมอบถ้วยรางวัล อย่างไร ได้อย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรี ถ้วยรางวัลแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศไทย

3.การอำนวยความสะดวกแก่ผู้สนับสนุนการแข่งขัน จำนวนมาก ที่จะเข้าร่วมพิธีมอบถ้วยรางวัล ซึ่งจะมีข้อจำกัดด้านการเดินทางเข้าร่วมพิธีมอบถ้วยรางวัล หากต้องจัดเตรียมไว้ ทั้ง 2 สนาม คือ จังหวัดสุพรรณบุรี กับ จังหวัดเชียงใหม่ ในเวลาเดียวกัน

4. เป็นไปไม่ได้เลย ที่ถ้วยรางวัล ซึ่งมีอยู่ 1 ใบ จะไปรอเพื่อทำพิธีมอบรางวัลที่สนามทั้ง 2 สนาม ในเวลาเดียวกัน แม้จะเดินทาง จากสนามหนึ่งไปสนามหนึ่ง ด้วยเครื่องบิน ก็ต้องใช้เวลา ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งจะมีความยุ่งยาก และมีโอกาสที่พิธีมอบรางวัล จะล่าช้า ไม่ได้รับความสนใจจากแฟนฟุตบอลในสนามแข่งขัน และเมื่อพิจารณาถึงการเดินทางของผู้บริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และผู้สนับสนุนการแข่งขัน ที่ต้องเข้าร่วมพิธีมอบรางวัล ยิ่งมีความยุ่งยากมากขึ้น

5. กรณีเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว สมาคมฯ ต้องมีการจัดเตรียมพิธีมอบถ้วยรางวัล ทั้ง 2 สนาม ในเวลาเดียวกัน เมื่อปี 2557 ที่ จังหวัดชลบุรี และ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งผมทราบว่ามีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และ สร้างความลำบากให้กับผู้สนับสนุนที่เข้าร่วมพิธีมอบรางวัล มากพอสมควร

6. ในฐานะ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จึงได้แจ้งไปยังสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ว่า เพื่อไม่เป็นการสร้างความลำบากสำหรับฝ่ายจัดการแข่งขัน และ ผู้สนับสนุนการจัดการแข่งขัน ไม่ต้องจัดเตรียมพิธีมอบถ้วยรางวัล ที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้

7. กรณี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้เป็นแชมป์ไทยลีก สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมที่จะรับถ้วยรางวัลในวันอื่น และสโมสรฯยินดีที่จะจัดพิธี เอง ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยสโมสรฯ พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง

8. สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขอเรียนว่า สโมสรฯ ให้ความเคารพคู่แข่งขัน และเพื่อนสโมสรฯร่วมลีก ทุกสโมสร เมื่อการแข่งขันยังไม่เสร็จสิ้น จึงเห็นว่าไม่ควรมีการเตรียมการ ซึ่งจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และ ส่งผลกระทบต่อคนทำงาน และ ผู้ร่วมพิธี จำนวนมาก ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดกฎ ระเบียบของผู้จัดการแข่งขัน ด้วยการยื่นเงื่อนไข หรือ ต่อรองเพื่อประโยชน์ หรือ ความสะดวกสบายของสโมสรฯ แต่อย่างใด

9. การเสนอความเห็นของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เป็นไปด้วยเจตนาดี คำนึงถึงความเหมาะสม ความสะดวกในการเดินทางของถ้วยรางวัล และผู้ร่วมพิธี รวมถึงความเป็นไปได้จริงของการทำงาน แต่กลับถูกแปรเจตนาเป็นอื่น และมีการขยายผล ชี้นำด้วยเจตนาร้าย จนก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่างมาก

ดังนั้น หากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มีความพร้อมที่จะจัดพิธีมอบถ้วยรางวัล ที่สมเกียรติ และ สมศักดิ์ศรี โดยมีผู้บริหารสมาคมฯ และผู้สนับสนุนการจัดการแข่งขัน เข้าร่วมพิธี ได้ทั้ง 2 สนาม สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ขัดข้อง ที่จะปฏิบัติตามที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กำหนด ทุกประการ

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

เนวิน ชิดชอบ
ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

22 ตุลาคม 2562

cr.เพจ ลุงเนวิน

เอาตรงๆ ปัญญาอ่อนครับ เอาแต่ใจเกินไป

ถ้าได้แชมป์ล่วงหน้าแล้วขอรับในบ้านนั่นปกติ

แต่นี่ตัดสินแชมป์นัดสุดท้ายปกติก็ต้องมอบถ้วยที่สนามแข่งขัน แล้วคุณจะไปจัดงานฉลอง แห่ถ้วยกับแฟนบอล จะทำอะไรก็เรื่องของคุณ


ถ้าสมาคมบ้าจี้ไปทำตามที่เค้าขอมานี่เครดิตสมาคมแทบไม่เหลือเลยนะ

ผมงงกับแฟนบอลที่ด่า

คุณไม่อ่านที่ คุเนวินชี้แจ้งหรอครับ ผมสรุปให้สั้นๆนะ

ปีนี้ เชียงราย กับ บุรีรัมย์มีโอหาสเป็นแชมป์เท่ากันๆ ถ้วยมันจะไปวางรอที่สองสนามไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฉลองแชมป์ที่สนามอยู่แล้วครับ

นานๆมันจะมีปีที่ลุ้นแชมป์กันจนถึงนัดสุดท้าย มันก็แบบนี้ล่ะครับ

มันไม่มีเขียนในกฎน่ะครับว่าจะรับถ้วยต้องรับที่ไหน อย่างส่วนใหญ่ที่เขารับถ้วยกันในบ้านตัวเองนัดท้ายๆ นี่คือ "ขอ" กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะลีคไทยหรือลีคนอก

ดังนั้นมันไม่ผิดหรอก ผมว่าไม่น่าจะคิดอะไรเล็กน้อยนะ

ผมก็ว่าเยอะไป

แต่ขณะเดียวกัน ผมก็อยากให้เพิ่มกฏในไทยลีคไปนะ เช่นแบบทีมที่ได้อันดับ 1-5 ในฤดูกาลนี้ ฤดูกาลหน้าจะได้รับสิทธิ์ในการเล่นในบ้านนัดสุดท้ายอะไรแบบนี้ ถ้าโชคร้ายจับฉลากมาเจอกันเองก็ให้ทีมที่จบอันดับดีกว่าเป็นทีมเหย้าไป ผมว่ามันก็ถือเป็นการให้รางวัลที่อยู่ในระดับที่ไม่น่าเกลียดนะ แถมเพิ่มแนวโน้มในการทำให้การฉลองแชมป์ไม่กร่อยด้วย

เอาตรงๆ ปัญญาอ่อนครับ เอาแต่ใจเกินไป

ถ้าได้แชมป์ล่วงหน้าแล้วขอรับในบ้านนั่นปกติ

แต่นี่ตัดสินแชมป์นัดสุดท้ายปกติก็ต้องมอบถ้วยที่สนามแข่งขัน แล้วคุณจะไปจัดงานฉลอง แห่ถ้วยกับแฟนบอล จะทำอะไรก็เรื่องของคุณ


ถ้าสมาคมบ้าจี้ไปทำตามที่เค้าขอมานี่เครดิตสมาคมแทบไม่เหลือเลยนะ

อันนั้นคือเค้าได้แชมป์ล่วงหน้าครับ นี่ตัดสินกันนัดสุดท้าย จะต้องจัดงานมอบถ้วยตามไปถึงบ้านอีกหรอ

ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเชียงรายรับเอง

ไม่ได้เชียร์บุรีรัมย์
ไม่ได้เกลียดบุรีรัมย์
แต่นัดสุดท้ายขอให้บุรีรัมย์แพ้
ปัญหาแบบนี้จะได้จบๆไป
จริงๆไปรับถ้วยตามเค้ากำหนด
แล้วกลับไปจัดที่บุรีรัมย์
ก็ไม่ได้ใครเค้าว่า
บ้าเกิ๊นประกาศแบบนี้

เรียน แฟนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกท่าน

ก่อนที่จะมีการขยายผลจนกลายเป็นความเข้าใจผิด และส่งผลเสียหายทั้งต่อสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้

ผมขอเรียนชี้แจงข่าวเรื่องสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะไม่รับถ้วยแชมป์ ที่เชียงใหม่ แต่จะมารับที่บุรีรัมย์ ดังนี้

1. สถานการณ์การแข่งขันในขณะนี้ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าทีมใดจะเป็นแชมป์ ระหว่าง เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ต้องเยือนสุพรรณบุรี เอฟซี กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ต้องเยือนเชียงใหม่ เอฟซี

2. ขณะนี้ ทั้ง 2 สโมสรฯ คือ เชียงราย ยูไนเต็ด และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีโอกาสจะเป็นแชมป์เท่ากัน ในขณะที่มีถ้วยรางวัล 1 ใบ มีผู้บริหารสมาคมฯ 1 คณะ ผู้บริหารไทยลีก 1 คณะ จะเตรียมการจัดพิธี และ เตรียมกาาเดินทางไปทำพิธีมอบถ้วยรางวัล อย่างไร ได้อย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรี ถ้วยรางวัลแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศไทย

3.การอำนวยความสะดวกแก่ผู้สนับสนุนการแข่งขัน จำนวนมาก ที่จะเข้าร่วมพิธีมอบถ้วยรางวัล ซึ่งจะมีข้อจำกัดด้านการเดินทางเข้าร่วมพิธีมอบถ้วยรางวัล หากต้องจัดเตรียมไว้ ทั้ง 2 สนาม คือ จังหวัดสุพรรณบุรี กับ จังหวัดเชียงใหม่ ในเวลาเดียวกัน

4. เป็นไปไม่ได้เลย ที่ถ้วยรางวัล ซึ่งมีอยู่ 1 ใบ จะไปรอเพื่อทำพิธีมอบรางวัลที่สนามทั้ง 2 สนาม ในเวลาเดียวกัน แม้จะเดินทาง จากสนามหนึ่งไปสนามหนึ่ง ด้วยเครื่องบิน ก็ต้องใช้เวลา ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งจะมีความยุ่งยาก และมีโอกาสที่พิธีมอบรางวัล จะล่าช้า ไม่ได้รับความสนใจจากแฟนฟุตบอลในสนามแข่งขัน และเมื่อพิจารณาถึงการเดินทางของผู้บริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และผู้สนับสนุนการแข่งขัน ที่ต้องเข้าร่วมพิธีมอบรางวัล ยิ่งมีความยุ่งยากมากขึ้น

5. กรณีเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว สมาคมฯ ต้องมีการจัดเตรียมพิธีมอบถ้วยรางวัล ทั้ง 2 สนาม ในเวลาเดียวกัน เมื่อปี 2557 ที่ จังหวัดชลบุรี และ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งผมทราบว่ามีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และ สร้างความลำบากให้กับผู้สนับสนุนที่เข้าร่วมพิธีมอบรางวัล มากพอสมควร

6. ในฐานะ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จึงได้แจ้งไปยังสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ว่า เพื่อไม่เป็นการสร้างความลำบากสำหรับฝ่ายจัดการแข่งขัน และ ผู้สนับสนุนการจัดการแข่งขัน ไม่ต้องจัดเตรียมพิธีมอบถ้วยรางวัล ที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้

7. กรณี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้เป็นแชมป์ไทยลีก สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมที่จะรับถ้วยรางวัลในวันอื่น และสโมสรฯยินดีที่จะจัดพิธี เอง ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยสโมสรฯ พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง

8. สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขอเรียนว่า สโมสรฯ ให้ความเคารพคู่แข่งขัน และเพื่อนสโมสรฯร่วมลีก ทุกสโมสร เมื่อการแข่งขันยังไม่เสร็จสิ้น จึงเห็นว่าไม่ควรมีการเตรียมการ ซึ่งจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และ ส่งผลกระทบต่อคนทำงาน และ ผู้ร่วมพิธี จำนวนมาก ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดกฎ ระเบียบของผู้จัดการแข่งขัน ด้วยการยื่นเงื่อนไข หรือ ต่อรองเพื่อประโยชน์ หรือ ความสะดวกสบายของสโมสรฯ แต่อย่างใด

9. การเสนอความเห็นของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เป็นไปด้วยเจตนาดี คำนึงถึงความเหมาะสม ความสะดวกในการเดินทางของถ้วยรางวัล และผู้ร่วมพิธี รวมถึงความเป็นไปได้จริงของการทำงาน แต่กลับถูกแปรเจตนาเป็นอื่น และมีการขยายผล ชี้นำด้วยเจตนาร้าย จนก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่างมาก

ดังนั้น หากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มีความพร้อมที่จะจัดพิธีมอบถ้วยรางวัล ที่สมเกียรติ และ สมศักดิ์ศรี โดยมีผู้บริหารสมาคมฯ และผู้สนับสนุนการจัดการแข่งขัน เข้าร่วมพิธี ได้ทั้ง 2 สนาม สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ขัดข้อง ที่จะปฏิบัติตามที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กำหนด ทุกประการ

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

เนวิน ชิดชอบ
ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

22 ตุลาคม 2562

cr.เพจ ลุงเนวิน

เนวินสไตล์ ผมสงสัยมานานแล้วว่าเนวินแกเป็นสต้าฟโค้ชด้วยหรอ ถึงอยู่ข้างสนามได้

ไม่อยากรับที่เชียงใหม่ไม่เป็นไรครับ​ ​เดี๋ยวเชียงใหม่จัดให้
ไม่ได้เชียร์ในบ้านตัวเองหลายนัดเเล้ว เก็บกดว๊อยยย

ถ้ามาเตะเชียงใหม่ เกรงว่าแฟนบอลเชียงใหม่เสื้อส้มเต็มสนามนะครับ ถ้ายังเตะสนามเชียงรายอยู่ ก็ไม่รู้ว่าจะมีแฟนบอลเสื้อน้ำเงินบน stand รึเปล่า

ไม่เคยได้ยินวลี "เฮดของเฮดโค้ช" หรอครับ


"บิ๊กเน" เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดใจหลังเดินทางถึงประเทศไทย

"ผมยอมรับว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ผมเป็นคนสั่งเปลี่ยนตัวผู้เล่น และไม่เคยปฏิเสธว่าผมเป็นเฮดของเฮดโคช ผมกำหนดตัวผู้เล่นเองและโค้ชเป็นเพียงผู้ช่วยผม แต่ทั้งนี้ไม่ใช่การแทรกแซง เพราะผลงานที่ออกมาทั้งหมดเป็นเพราะองค์ประกอบหลักของบุรีรัมย์ ไม่ใช่แค่โค้ชแต๊กเพียงคนเดียว ส่วน สก๊อตต์ คูเปอร์ ที่ตั้งเป็นกุนซือแทนนั้น ตอนแรกต้องการให้เป็นผอ.อะคาเดมีทีม ซึ่งตอนนี้ขาดโค้ชจึงให้รักษาการไปก่อน แต่ถ้าไม่ผ่านโปรที่วางไว้ก็ต้องกลับไปตำแหน่งเดิม ส่วนโค้ชใหม่ก็ต้องรอลุ้นอีกที"

นายใหญ่เซราะกราวเปิดใจ

ขอบคุณครับ ผมแค่สงสัยว่าปกติประธานสโมสรเค้าสามารถมายืนสั่งการข้างสนามได้ด้วยหรอ

ผมเคยซูมดูป้ายห้อยคอแกเวลาทีมแข่ง เขียนว่า "Team Official" เข้าใจว่าคงส่งตัวเองเป็นหนึ่งในทีมงานสโมสรนี่แหละ

เยอะและเอาแต่ใจไปหน่อย ถ้าไม่รับในสนามมันก็จะดีใจไม่สุด อารมณ์มันค้างๆไงไม่รู้