ใช่ครับ คนส่วนใหญ่ไม่มีใครมองว่า ทะเลาะวิวาท มันดูเท่ห์ ดูเก่งอะไรหรอก

ส่วนใหญ่ไม่มีใครชอบเรื่องเจ็บตัวกันหรอก แต่เรื่องการทะเลาะวิวาท

มันเกิดได้ทุกวัยนั้นแหละครับ เพียงแต่เราจะเอาตัวไปอยู่ในจุดเสี่ยง

ตรงนั้นหรือเปล่า ส่วนท่านที่ไม่เคยมีการทะเลาะวิวาท ก็ถือว่าดีแล้ว

เป็นไปได้ ไม่มีใครอยากทะเลาะวิวาทกันหรอก ในกรณีคนทั่วๆไปนะ

จริงๆอย่าว่าแต่คนอื่นเลยผมเองก็มองว่าการทะเลาะวิวาทมันโคตรไร้สาระ


แต่สำหรับมุมมองของเด็ก นร.ช่าง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่ได้เรียนสายอาชีพ

ที่ว่า ทำไมเด็กช่างส่วนหนึ่ง ต้องไปตีกับสถาบันอื่น ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน

คงประมาณว่า เด็กช่างที่ชอบยกพวกตีกันบ่อยๆ เหมือนถูกปลูกฝังมาจากรุ่นก่อนๆ

ให้มองอีกสถาบันเป็นศัตรู ก็เลยเลือกตีไม่เลือกหน้า เน้นสถาบัน ไม่ใช่ตัวบุคคล

มีญาติเรียนเทคนิค เห็นชอบพูดให้ฟัง โรงเรียนลูกผู้ชาย ของคู่กันกับกาทะเลาะวิวาท


ส่วนมีใครมองว่าเท่ห์หรือเปล่า ในเด็กกลุ่มนี้ มีอยู่แล้ว ก็เลยพยามอยากให้รุ่นพี่ เพื่อน รุ่นน้อง

ยอมรับ โดยการทะเลาะวิวาท มือเปล่าไม่เท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่ชอบใช้อาวุธกัน เช่น มีด หรือ ปืน

คือพวกเด็กช่างมันชอบอุปโลกว่า การที่ตัวเองไปช่วยเพื่อนทะเลาะวิวาท คือการรักพวกพ้องน้องพี่

ก็คงประมาณนี้แหละ ที่พอจะอธิบายมุมมองของพวกเด็กช่างที่ชอบทะเลาะวิวาท แล้วคิดว่าเท่ห์ คิดว่าเก่ง

จริงๆไม่จำเป็นว่าเป็นเด็กช่างแล้วต้องไปตีราฟันแทงกันทุกคนหรอก เด็กช่างดีๆมุ่งแต่เรียนก็มีเยอะแยะ


#สรุป ที่ร่ายยาวไม่ใช่ไร ในเมื่อท่านอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย ที่ที่ควรจะอยู่แล้ว

#คงไม่เคยเห็นมุมมองของพวกที่เคยมีการทะเลาะวิวาท กันแบบเป็นหมู่คณธ

#ส่วนตัวเคยอยู่ไม่กี่ครั้ง อย่างที่เล่าไป แต่ก็เป็นตัวบุคคล แค่ในพื้นที่ รร. เท่านั้น

#เคสของผม ถามว่าทำไปเพราะรักเพื่อนอย่างงั้นหรอ ก็ไม่ มีแต่ความโกรธล้วนๆ

# และไม่เคยคิดว่า มันเป็นเรื่องที่เท่ห์ ทั้งในสายตาเพื่อน หรือ สายตาคนรอบข้างด้วย

ปล. ดีแล้วสำหรับใครที่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาท คงไม่มีไอบ้าที่ไหนชอบเรื่องเจ็บตัว ยกเว้นนักมวยล่ะนะ

อยู่ประเทศสารขัณฑ์ จะโดนประชาชนร้องเรียน ว่าทำเกินกว่าเหตุ ครับ

เอาจริง สมัยผมเรียนมัธยม ผมก็เรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียงระดับนึงในด้านการตีกัน อาจจะไม่เท่ากับพวกช่างกล แต่ก็เรียกได้ว่ามีปิดหน้าโรงเรียนรอต่อยกัน

อย่างที่ผมบอกว่าค่านิยมไม่เหมือนกันก็เพราะว่าผมเห็นเพื่อนผมในห้องเองนี่แหละ พยายามสร้างค่านิยมผิดๆในเรื่องการชกต่อยกัน บ้างก็อ้างว่าลบหลู่สถาบัน บ้างก็บอกว่ารักเพื่อน เลยต้องยกพวกไปล้างแค้น ยิ่งเฉพาะเวลาคุยกันเองในกลุ่มก็จะยิ่งคึกคะนอง

อย่างคนในกลุ่มผมเล่นบาสกันเสร็จไปเข้าห้องน้ำจะกลับบ้าน มีรุ่นน้องมองหน้ามันก็เข้าไปต่อยแล้วอ่ะ สุดท้ายเด็กพวกนั้นเป็นเด็กมัสยิดแถวโรงเรียน วันต่อมาตอนเย็นพวกนั้นก็เอาพวกมาปิดหน้าโรงเรียน เป็นเรื่องเป็นราวลำบากคนอื่นเค้าไปหมด

ผมอยู่โรงเรียนนั้นมา 6 ปี เคยโดนหาเรื่องก็มี บางทีเราไปทำให้พวกแก๊งใหญ่ๆในโรงเรียนไม่พอใจ โดนรุมต่อยก็เคย (ดันไปคุยกับผู้หญิงของแก๊งอันธพาล) แต่ก็ยังไม่เห็นความสำคัญของการเอาคืนด้วยความรุนแรง เพราะโรงเรียน หรือ มหาลัยมันคือสถานศึกษา น่าจะโฟกัสเรื่องเรียนหนังสือมากกว่า

ผมถึงได้บอกว่า ค่านิยมคงต่างกัน

ความเห็นส่วนตัวนะ