สุดยอดทั้งคู่ ชื่นชอบทั้งคู่

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เมสอยู่เหนือใคร เพราะเมสขี้โม้พูดมากเหมือนบางคนแถวนี้

คือมันก็น่าหมั่นไส้แหละ แต่มีแต่นักเตะทัศนคติประมาณนี้แหละที่จะเก่งระดับโลก คือต้องเชื่อก่อนว่าตัวเองสุด

คนนึง = พรสวรรค์ของพระเจ้า
คนนึง = พรสวรรค์ของมนุษย์+พรแสวง เพื่อไปยืนเคียงข้างพระเจ้า

คือถ้าบอกว่า โด้ ไม่มีพรสวรรค์เลยมันคงไม่ใช่
เขาก็มีพรสวรรค์เก่งระดับเหนือกว่านักเตะทั่วๆไปแทบทุกยุคสมัยคนนึงเลย
เพียงแต่แค่พรสวรรค์ทั่วๆไปมันคงไม่พอที่จะไปเทียบเคียงเมสซี่

ยิ่งถ้าใครเคยดูโด้ตอนอยู่สปอร์ตติ้งลิบบอล แล้วหลอกแมนยูเป็นลิงทั้งทีม
จะรู้เลยว่าสารพัดทริคสารพัดเทคนิคสารพัดสกิล

ตอนหลังเปลี่ยนสไตล์ลดความหวือหวา เน้นความเด็ดขาด เฉียบคม ไม่ใช้จังหวะพร่ำเพรื่อก็เลยโดนมองว่าไม่เก่งเรื่องทักษะสกิล
ดูไม่มีพรสวรรค์เหนือมนุษย์

แต่อย่างว่าพอมาเจอเมสซี่ ต่อให้เก่งแค่ไหนมีพรสวรรค์แค่ไหนก็ถูกมองเป็นแค่คนธรรมดา
แต่ถ้าไม่มีเมสซี่สักคน โด้ก็คงถูกมองว่าเป็นสุดยอดแข้งพรสวรรค์ที่สุดแห่งยุคเช่นกันเมื่อเทียบกับนักเตะคนอื่นๆที่รองลงมาจากเขา

เรื่องความโม้ ถ้าคนอื่นเป็นผู้ฟังก็คงคิดว่าขี้โม้
แต่ในฐานะของเจ้าตัวเขาก็ต้องเชื่อว่าตัวเองเก่งที่สุด
ถ้าแม้แต่ตัวเองยังไม่เชื่อตัวเองเขาคงพาตัวเองมาไม่ถึงจุดนี้

เพียงแต่ว่าบางครั้งก็ไม่ต้องพูดออกอากาศแบบนี้ก็ได้
ฟังดูเป็นเส้นบางๆระหว่างความอวดดี หรือ ความเชื่อมั่นในตัวเอง

ที่ตอบนี่ไม่ใช่จะอวยโด้ เพราะส่วนตัวก็มองว่าเมสซี่คือที่สุดของที่สุด
แต่เข้าใจตัวตนของโด้ ใครสักคนที่พาตัวเองมายืนข้างเมสซี่ได้
มันต้องเป็นคนที่มีแรงบัลดาลใจหรือแรงกระตุ้นหรือความเชื่อมั่นที่สูงมากๆ

ถ้าบอก โด้พรสวรรค์ เมสซี่พรแสวง มันดูเหมือนดูถูกทั้งคู่เลยอะครับ
เหมือนบอกว่าโด้ไม่มีพรสวรรค์ และเมสซี่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย ฟังดูไม่ดีเลย
ทั้งๆที่ตอนหนุ่มๆ โด้นี่โคตรพรสวรรค์ เลี้ยงกระชากฉีกหลังแมนยูกระจุยตั้งแต่ตอนอยู่ลิสบอน อายุแค่ 17
ส่วนเมสซี่นี่ยิ่งแล้วใหญ่ มีอาการป่วยเรื่องขาดฮอโมนตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่ใช่บาซ่าก็ไม่มีทางมีเงินพอรักษาได้ เรียกว่าเมสซี่นี่เหมือนเล่นบอลบนแผ่นน้ำแข็งบางๆตั้งแต่อายุ 12 เลย ถ้าฟอร์มตก ไม่พัฒนา บาซ่าไม่ต่อสัญญาปุ๊บคือ อาชีพนักฟุตบอลต้องจบลงทันที
ถ้าใครจำได้ ตอนเมสซี่ขึ้นมาชุดใหญ่ใหม่ๆ มีนัด UCL ที่บาซ่าเจอเชลซี เตะที่แสตมฟอร์ดบริดจ์ เมสซี่ทำอะไรไม่ได้เลย โดนเปลี่ยนตัวออกทั้งน้ำตาในครึ่งหลัง จบแมตช์หนังสือพิมพ์ก็ลงทำนองว่า วันเดอร์คิดของปลอม

ทั้งคู่ผ่านอะไรมาเยอะเกินกว่าคำว่า พรสวรรค์กับพรแสวงแล้วน่ะครับ

ชอบทัศนคติของCR7 ฉิบหาย
ถ้ามองสกิลหรือพรสวรรค์ของฟุตบอลตั้งแต่เด็กผมมองว่าทั่วไปน่ะ​ อาจจะโดดเด่นในเกมรุกของโลก​ ณ​เวลาหนึ่งแต่ไม่ได้ยืนเต้ยโดดเด่นขนาดนี้

วินัยทั้งนอกและในสนามรวมถึงสัญชาติญานหน้าปากประตูของเขาต่างหากที่พาCR7 มายืนในตำแหน่งปัจจุบันนี้

ใครจะมองว่าเขาเห็นแก่ตัว​ ไม่เล่นเป็นทีม​บลาๆ​ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความทเยอทะยาน​ และแรงผลักดันของเขาที่มีต่อฟุตบอลมันทำให้เขาถูกจารึกในหน้าประวัติศาตร์ของโลกลูกหนังตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา..

แต่เมสซี่คือ​ อันนี้คือพรสวรรค์ของนักฟุตบอลที่ดีที่สุดเท่าที่เห็นในคนหนึ่งคนตลอดที่ผมดูฟุตบอลมา20กว่าปี
พรสวรรค์ของเมสซี่มีขนาดที่ว่า​ เขาสามารถทำให้ในสถานการณ์ในสนามช้าได้ในความคิดของเขาเองและตัวเองยังเร็วและแม่นยำอยู่..
ซึ่งยังไม่เห็นคนที่ทำได้ขนาดนี้​

เพราะฉะนั้นผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ในโลกน่าจะเห็นว่าเมสซี่คือborn to be มากกว่าแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า​CR7 คือคนที่ยืนตำแหน่งเดียวกันกับเมสซี่เพราะมุมมองส่วนตัวของCR7 เองครับ

สำหรับมาดริด โด้คือคนสำคัญ แต่สำหรับบาซ่าเมสซี่เป็นเทพเจ้า
และอีกครั้งครับ เมสซี่ยิ่งใหญ่ โดยไม่ต้องพยายามทำตัวให้ยิ่งใหญ่
ปล.ผมแฟนแมนยูนะครับ แต่ชื่นชอบเมสซี่พอๆกับสโคลซี่เลย

ความเป็นมืออาชีพและแพสชั่น แน่นอนว่าโด้ดูมีมากกว่าและน่าจะเป็นที่สุด แต่ใครบอกว่ามีสกิลหรือความเก่งกาจพอๆกัน ผมงง เราคงไม่ได้ดูนักเตะคนเดียวกันมั้ง ขนาดลูกชายโด้เองยังเลือกเมสก่อนโด้เลย ต่อให้เอาโด้ตอนพีคที่สุดมีประสิทธิภาพที่สุดมาเทียบ ก็ยังไม่ได้อยู่ดี มันเหมือนเอา Pretending มาเปรียบกับ Natural เหมือนเอาคนเรียนร้องเพลงมาอย่างหนัก มาเทียบกับนักร้องพรสวรรค์ ความเป็นธรรมชาติต่างกันลิบลับ ท่าเลี้ยงสับขาเร็วๆ หรือท่าเร็วๆท่าอื่นมันเหมือนเครื่องจักร