อันนี้ในกรณีที่กินไม่สุกใช่ปะครับ

หรือว่าสุกแล้วก็มีเชื้อ Salmonella spp. อยู่ดี?

เชื้อพวกนี้เป็นแบคทีเรียไม่ทนความร้อนครับ
แค่สุกก็กำจัดได้หมดแล้วฮับบ

ออขอบคุณมากครับท่าน สำหรับความรู้

เพราะตอนนั้นผมกินไก่เป็นมื้อสุดท้ายก่อนที่จะท้องเสีย ไม่แน่อาจจะมาจากไก่หรือเปล่าไม่รู้ แต่ตอนกินมันก็สุกนี่หว่า

ในหมูมีเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส ทำให้เป็นไข้หูดับ

ไก่จะมีโอกาสเจอเชื้อซาลโมเนลล่า ทำให้ท้องเสียขั้นรุนแรง

ส่วนเนื้อมันก็มีเชื้อเหมือนกัน เช่นพวกแอนแทรกซ์ ซึ่งซักเกือบ 20 ปีที่แล้วก็มีข่าวดังอยู่

แต่ถ้าถามว่าทำไมจึงมีร้านอาหารนิยมทำเนื้อแบบดิบๆมาขาย

ก็ต้องบอกว่าเนื้อวัวเป็นเนื้อสัตว์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลกเยอะกว่าหมูหรือไก่เยอะ (มากๆ) โดนวางไว้เป็นสินค้าพรีเมี่ยมกว่า จึงมีการทำฟาร์มหรือเพาะเลี้ยงที่ถูกหลักอนามัยมากเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าถ้าเนื้อราคาโลละหลักพันนี้ เวลาเราซื้อเราสามารถสืบประวัติสายพันธุ์รวมถึงอาหารที่มันกินได้เลย

เพราะแบบนี้แหละ ทำให้เนื้อวัว(นิยม)กินดิบได้เพราะมันมีของระดับไฮเอนด์ปลอดเชื้อมาขาย

แต่หลายคนยังเข้าใจผิด คิดว่าล้มวัวควายตามทุ่งนามาลาบดิบกินได้เลย (ผมอยู่เชียงใหม่เจอพวกนี้เยอะมาก) พวกนี้แหละตัวสะสมเชื้อ พยาธิเอย แบคทีเรีย ไวรัส แค่ยังไม่เจอแจ็คพอตแค่นั้นเอง ยิ่งตอนนี้ยิ่งไม่กลัวเพราะสื่อประโคมข้อมูลแบบผิดๆว่าวัวกินดิบได้

ทั้งๆที่จริงๆแล้วต้องบอกว่า อาหารไม่ว่าจะเป็นพืชผักผลไม้เนื้อสัตว์ อะไรที่ปลอดเชื้อ กินดิบได้ อะไรที่ไม่ปลอดเชื้อ ห้ามกินดิบ ซึ่งไม่มีอะไรหรอกที่ไม่ปลอดเชื้อ ถ้าหากไม่ได้มีการควบคุมคุณภาพการผลิตที่ดี

เคยอ่านจากไหนไม่รู้ หา ref ไม่เจอแล้ว บอกเชื้อแบคทีเรียของเนื้อวัวจะอยู่บริเวณผิวเท่านั้น ดังนั้นถ้าทำบริเวณผิวให้สุก ก็สามารถกินได้แล้ว แต่เนื้อหมูจะมีแบคทีเรียกระจายอยู่ทั่ว จึงต้องทำให้สุกทั้งชิ้น

ดังนั้นเนื้อวัวบด จึงไม่สามารถทำแบบ medium rare ได้ เพราะมีการบดบริเวณผิวเข้ารวมกับเนื้อเรียบร้อย