รอดูกฎหมายเล่นงานภาษีจากช่อง ออนไลน์ ว่าจริงจังทำได้แค่ไหน

ประเด็นคือ Youtube มันควบคุมไม่ได้ครับ วันดีคืนดีปิดขึ้นมาแล้วช่องไป Invest กับ Youtube หมดนี่จะยุ่งเอา

ต้องไปพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเองครับไม่ใช่ Youtube

ช่องทางหลัก + ออนไลน์(ของตัวเอง) ควรทำควบคู่กัน
ส่วนช่องทาง Youtube เป็นตัวเสริม (เพราะเป็นบริษัทที่ควบคุมไม่ได้ มีโอกาสเปลี่ยนแปลงเสมอ)

- มีช่อง Official บน YouTube
- ฉาย Live บน YouTube พร้อมกัน
- บังคับทุกรายการที่ฉายในช่อง ต้องลงย้อนหลัง YouTube ของทางช่อง เท่านั้น ห้ามเอาไปลงแยกที่อื่น
- ลดจำนวนรายการลง รวมทั้ง เวลาที่ใช้ฉายละครควรลดลง จาก 2 ชม. เหลือ 1 ชม. น่าจะดี
- เน้น Rerun มากขึ้น หลังเที่ยงคืนไม่ควรเป็นรายการอื่น เอาของเดิมตอนกลางวันนี่แหล่ะ มา Rerun

ผมเชื่อว่า Content ของช่องเป็นสิ่งสำคัญ และตัว TV Digital เองยังคงเป็นช่องทางหลัก ในการให้คนรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นละคร รายการวาไรตี้ต่างๆ ส่วนการดู Online นั้นยังคงเป็นช่องทางเสริมเท่านั้น

หันไปจับธุรกิจอื่นที่เกี่ยวกับรายการในอินเตอร์เน็ตมากขึ้น

เพื่อหารายได้ที่ส่วนที่สูญเสียของการเข้ายุคโลกาภิวัฒน์

ไม่รอดครับ ยังไงก็ตาย ปลง

ต้องทำแบบสุทธิชัยบอกอ่ะ เอาสื่อในเนตเป็นตัวตั้ง ทีวีเป็นตัวตาม
ทำคอนเทนต์เพื่อลงยูปทูปเป็นหลัก ก็ทำตามนั้นแต่บวกด้วยรายการ
ที่มีเนื้อสาระที่หาในเน็ตได้ยาก แล้วทำคอนเทนต์ให้การติดตามเป็น
แบบช้าไม่ได้เพราะจะถูกสปอย แต่ในขณะเดียวกันถ้าถูกสปอยก็ยัง
ไม่เสียอรรถรสในการดู เช่น มาสตอร์เชฟ หน้ากากนักร้อง ไมค์ทองคำ
แล้วช่วยสร้างฐานแฟนคลับให้ผู้เข้าแข่งขันอีกแรง แต่คิดคอนเทนต์
ให้ต่างออกมาเช่น ตกแต่งภายใน แข่งถ่ายรูป/แต่งรูป ฯลฯ ใส่เนื้อ
หาที่ใช้ได้จริง คนดูซ้ำเยอะแน่นอน

ทำอะไรที่มันต้อง Live สุดๆอ่ะ แบบต้องดูเดี๋ยวนั้นเท่านั้น ไม่งั้นไม่ทันเพื่อน

ปัญหามันไม่ใช่แค่รายการในทีวีสู้ใน youtube ไม่ได้นะ แต่พฤติกรรมการดูมันเปลี่ยนไปแล้ว

ทำไมต้องมารอดูรายการที่ชอบตอนเที่ยงตรง ทำไมต้องรีบกลับบ้านไปดูละครตอน 2 ทุ่ม

ดูย้อนหลังเอาใน youtube ไม่ดีกว่าหรอ อยากดูตอนไหนก็ดูได้ ดูไปครึ่งเรื่องมีธุระก็พักไว้ก่อนแล้วกลับมาดูใหม่ก็ได้

ขนาดยังไม่นับเรื่องคุณภาพช่องใน youtube มันสนุกกว่า เข้าถึงมากกว่านะ แค่นี้ยังแก้ยากเลย

อยากรู้เหมือนกันว่าอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ที่ว่าดังๆ เรื่องพวกซีรีย์กับรายการต่างๆ เข้าแก้ปัญหานี้กันยังไง

ผมจะดูแพลตฟอร์มครับ ว่าตอนนี้แพลตฟอร์มไหนที่คนใช้งานมาก

สำรวจตลาด. เข้าหากลุ่มลูกค้าก่อนว่าจะตีตลาดกลุ่มลูกค้ากลุ่มไหน

อย่างตอนนี้. คนในเมืองส่วนใหญ่ดูทางอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่. ผมก็จะเอาคอนเทนต์ของตัวเองมาทำลงออนไลน์. และทำแอพลิเคชั่นและเว็บไซต์ให้เข้าถึงง่ายและสะดวกกว่าที่มีตอนนี้

ซึ่งของช่อง3ทั้งแอพ เมลโล่ และเว็บไซท์ ผมรู้สึกว่าใช้งานยากและรองรับคนได้น้อย. ดูอย่างตอน ละคร บุพเพสันนิวาสตอนจบ. แฟนผมลองเข้าไปดูทั้งเมลโล่และเว็บของช่อง. สรุปคือดูไม่ได้. หมุนติ้วๆๆๆ. จนต้องไปดูเว็บที่สตรีมเถื่อนถึงดูได้. ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าทางช่อง3เค้าจะเห็นปัญหาแบบนี้ไม๊. แต่การเอาพนักงานออก ส่วนตัวผมมองว่ามันเป็นการแก้ปัญหาในทางที่2หรือ3.

อย่างนึงสำหรับผมเลยคือดูออนไลน์สามารถกดFWได้ ฉากไหนไม่อยากดูหรือเบื่อๆ ข้ามโลด

โฆษณาก็ไม่มีผู้จัดtie inเอาเองละกัน

ถ้าผมเป็นผู้บริหาร ผมจะไม่ซื้อช่องพวกนี้ตั้งแต่แรกแน่ๆ

ส่วนถ้าพลาดซื้อมาแล้วจริงๆ ผมก็คงทำแบบช่อง 3 นั้นล่ะ

แล้วค่าโฆษนาส่วนใหญ่ รายได้ส่วนใหญ่ก็ไปอยู่กับยูทูปอยู่ดี

แถมมีช่องทางเลี่ยงภาษีด้วย เช่นเนียนค่าลิขสิทธิ์เป็นต้นทุนแพงๆจ่ายให้ตปท.ก็พอหนีได้แล้ว

ผมว่า internet มันเข้ามา disrupt เลยนะ มันแก้ยังไงก็ไม่มีทางดีขึ้น ยิ่งแนวโน้มเวลาผ่านไป
มันยิ่งตายครับ คนรุ่นใหม่มากขึ้น คนรุ่นเก่าน้อยลง

การปรับมันไม่ใช่การดันทุรังมาทำบนแพลตฟอร์มเดิม แต่มันต้องไปทำบนแพลตฟอร์มใหม่เลยแหละ
เดียวนี้คนมีทีวีก็เอามาดู netflix หรือใช้ฟีเจอร์สมาร์ทกันแทบหมด กับอีกพวกคือเอามาเล่นเกม

สิ่งที่ได้เปรียบของช่องทีวีคือมีคอนเน็คชั่น มีทรัพยากร มีสายป่านที่ยาว
แต่ถ้าไปดันทุรังจะดึงคนเข้าแพลตฟอร์มที่ถูก disrupt ไปแล้ว หรือเรียกว่ากำลังจะตาย ยังไงก็ไม่รอด

คนก็ยังดูนะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะมาดูย้อนหลังใน youtube ถ้ารายการนั้นไม่โหดจริงๆ

จริงๆไม่ต้องคิดมาก เดินตามฝรั่งเค้าเลย HBO,Goal,amazon

เพื่มช่องทาง รายการหรือละครเรื่องไหนที่ยอดนิยม ก็จับ live ลงยูทูปให้หมด
ที่สำคัญต้องมีเทปย้อนหลังพวกข่าวหรือละครลงยูทูปให้ไว

เหมือนช่อง อัมริน หลังๆผมก็ดูข่าวผ่านยูทูปตลอด