[RE: ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์แพรวา9ศพ]
อันนี้ ผมขออธิบายเเบบนี้เเล้วกัน คดีในส่วนอาญาได้สิ้นสุดไปเเล้ว ซึ่งเราๆก็ทราบกันดีว่า ศาลให้รอรอลงอาญา
ที่นี้ เรามาดูในส่วนเเพ่ง ที่ยังเป็นปัญหาที่อยู่ในรายการของคุณจอมขวัญ ปัจจุบัน สู้กันถึงชั้นฎีกา ทำให้กินเวลาค่อนข้างนาน เเต่ผมเห้นหลายคนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่ โดยขออธิบายเเบบนี้
ต้องเริ่มอย่างนี้ก่อน คดีนี้ฝั่งผู้เสียหายหลายคน (ประมาน 30คน) ฟ้องเรียกค่าเสียหาย จากฝั่งเเพรวา ประมาน 100 ล้าน ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาใน
คดีเเพ่ง ไปเเล้วปี2558 เห็นว่า น.ส.แพรวา กระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมถึงทรัพย์สินเสียหาย และได้พิพากษาให้ น.ส.แพรวา และบิดามารดา ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับโจทก์ร่วม ซึ่งเป็นครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวม 28 คน รวมเป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี (เเบบคร่าวๆ)
ที่นี้ประเด็นมันคือ ฝั่งคุณเเพรวา อุทธรณ์ขึ้นมา ซึ่งเป้นสิทธิของเขา เเล้ว ปกติถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นมันก็จะไม่มีปัญหาอะไร คดีจะจบเร็วกว่านี้ เเต่ศาลอุทธรณ์ท่านมองว่า
พฤติการณ์กระทำละเมิดแล้วเห็นว่า เหตุดังกล่าวไม่ได้เกิดจาก จำเลยที่ 1 คือเเพรวาฝ่ายเดียว แต่พฤติการณ์การขับรถของ นางนฤมล ปิตาทานัง คนขับรถตู้ที่ขับด้วยความเร็วสูง ก็เป็นการประมาทเช่นเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงเป็นดังนี้ การเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นจำนวนเงินที่สูงเกินควร จึงพิจารณาลดหย่อนตามพฤติการณ์ จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน แก่โจทก์ รวมเป็นเงินประมาน 19 ล้าน จาก 30 ล้าน (เเบบคร่าวๆ
ที่นี้ทางฝั่งโจทก์ ก็ไม่ยอม ก็ต้องฎีกา (เป้นผมก็ไม่ยอม) ทำให้ท้ายที่สุดก็ต้องรอศาลฎีกาตัดสิน ซึ่งศาลฎีกาตัดสิน ค่อนข้างเหมือนศาลชั้นต้น
Spoil
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คดีระหว่างโจทก์ที่ 6 กับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ฉบับลงวันที่ 20 เมษายน 2561 และให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 1,000,000 บาท โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 1,500,000 บาท โจทก์ที่ 3 เป็นเงิน 1,000,000 บาท โจทก์ที่ 4 เป็นเงิน 1,500,000 บาท โจทก์ที่ 5 เป็นเงิน 1,800,000 บาท โจทก์ที่ 9 เป็นเงิน 1,000,000 บาท โจทก์ที่ 10 เป็นเงิน 1,500,000 บาท โจทก์ที่ 11 เป็นเงิน 1,000,000 บาท โจทก์ที่ 12 เป็นเงิน 1,500,000 บาท โจทก์ที่ 13 เป็นเงิน 1,800,000 บาท โจทก์ที่ 14 เป็นเงิน 1,500,000 บาท โจทก์ที่ 15 เป็นเงิน 1,000,000 บาท โจทก์ที่ 16 เป็นเงิน 1,500,000 บาท โจทก์ที่ 17 เป็นเงิน 1,000,000 บาท โจทก์ที่ 18 เป็นเงิน 1,500,000 บาท โจทก์ที่ 19 เป็นเงิน 1,000,000 บาท โจทก์ที่ 21 เป็นเงิน 1,500,000 บาท โจทก์ที่ 22 เป็นเงิน 1,500,000 บาท โจทก์ที่ 25 เป็นเงิน 150,000 บาท โจทก์ที่ 26 เป็นเงิน 256,925 บาท โจทก์ที่ 27 เป็นเงิน 100,000 บาท และโจทก์ที่ 28 เป็นเงิน 150,000 บาท โดยให้จำเลยที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 รับผิดต่อโจทก์ที่ 5 และที่ 11 ในจำนวนเงินข้างต้น ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาแทนโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 ที่ 9 ถึงที่ 19 ที่ 21 ที่ 22 และที่ 25 ถึงที่ 28 โดยกำหนดค่าทนายความสำนวนละ 5,000 บาท สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาที่โจทก์ที่ 17 ได้รรับยกเว้น ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 นำมาชำระต่อศาลในนามของโจทก์ที่ 17 เท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ที่ 17 ชนะคดีชั้นฎีกา ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์ที่ 5 และที่ 11 กับจำเลยที่ 4 ชั้นฎีกาให้เป็นพับ ให้ยกฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในส่วนของโจทก์ที่ 23 คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาในส่วนของโจทก์ที่ 7 ที่ 8 ที่ 20 และที่ 23 ถึงที่ 28 กับค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาในสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ 3624/2556 และสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ 570/2557 ของศาลชั้นต้นและค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาในส่วนของโจทก์ที่ 6 เป็นเงิน 6,000 บาท แก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.
จนมีข่าวกลับมาอีกครั้งเมื่อออกรายการคุณจอมขวัญ ซึ่งเมื่อศาลฎีกาตัดสิน ก้ใช่ว่าจะได้เงินง่ายๆนะครับอย่างที่ผู้ออกรายการบอก เพราะถ้าโชคร้ายฝั่งจำเลยบิดพริ้วไม่ยอมจ่ายก็จะต้องดำเนินการบังคับคดี ซึ่งกินเวลาเข้าไปอีก เเต่ถ้าโชคดีหน่อยฝั่งจำเลยก็ดำเนินการชำระค่าเสียหายให้ทันที
ผมขอเเสดงความคิดเห็นเเบบนี้เเล้วกัน ทางฝั่งคุณเเพรวาผมไม่อยากพูดเยอะ ก็อย่างที่รู้กันตามที่ฝั่งผู้เสียหายสัมภาษณ์ ที่ไม่เคยมาเหลียวเเลอะไรทำนองนั้น ผมก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ในเเง่ความเป็นเพื่อนมนุษย์
เเละผมก็ไม่เห้นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ที่มองเช่นนั้น ด้วยความเคารพเพราะท่านมองเเคบเกินไป จริงอยู่คนขับรถตู้มีส่วนประมาท เเต่ทางปฎิบัติคนนั่งรถตู้ หรือใช้บริการสาธารณะ จะถือว่ารู้เห้นเป้นใจเหรอครับที่คนขับรถตู้จะขับรถเร็ว หรือการกระทำที่รถตู้ขับประมาท จะไปสั่งรถตู้ได้เหรอครับพี่อย่าขับเร็วเลย พี่ขับช้าๆหน่อย ในความเป็นจริงเราใช้บริการเราเลือกไม่ได้ เเต่การที่ศาลอุทธรณ์มองว่าเมื่อคนขับมีส่วนประมาทอยู่บ้าง ย่อมถือว่าคนในรถมีส่วนทำผิดด้วย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายด้วยเเม้ไม่ได้เป็นผลโดยตรง ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง)
(ที่จริงผมไม่เห้นด้วยกับคำพิพากษาในส่วนอาญาเช่นกัน เเต่ไม่อยากพูดเเล้วเพราะพูดไปเยอะเเล้ว)