ไม่ใช่เงินสำรอง แต่คือเงินกู้ที่อนุมัติรอไว้แล้ว

บัตรเครดิต หากนำมากดเงินสด จะเสียค่าธรรมเนียมหน้าตู้ทันที 3% (ยังมี vat ของส่วนนี้อีก) และไม่มีระยะปลอดดอกเบี้ย 45 วันเช่นกัน คิดดอกตั้งแต่วันที่กด

บัตรกดเงินสด ไม่มีค่าธรรมเนียมหน้าตู้ 3% แต่ก็คิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันกดเหมือนกัน

ดังนั้น ไม่ควรนำบัตรเครดิตไปกดเงินสดเด็ดขาด

ฉุกเฉินที่มีรายรับเข้ามาแน่นอน และท่านมีวินัยเมื่อเวลาได้เงินมาแล้วเอาไปจ่าย ก็พอได้ครับ


ผมนี้จองตั๋วจองโรงแรม จองปุ้บ แค่พอผ่านบัตร เอาเงินสดเข้าปั้บเลย

ส่วนมากเอาไว้ผ่อนของ 0% เหมือนเก็บตังแล้วได้ของ

ถ้าคิดว่าเป็นเงินสำรองแบบไม่ต้องแบกหน้าไปยืมคนอื่นเวลาเราเดือดร้อน ก็ตอบว่าใช่ครับ แต่ก็แนะนำว่าให้ใช้เท่าที่จำเป็นและไม่ควรมีเกิน2ใบ คำนวนตอนจ่ายด้วยนะครับ คิดง่ายๆก็ประมานเดือนละ 10% ของยอดที่กดไป ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนครับ

บัตรเครดิตไม่ใช่เงินสำรองครับ เพราะถ้าคุณฉุกเฉินจนต้องเอาวงเงินเครดิตมาใช้ แสดงว่าคุณไม่มีเงินสแดในมือเลย แล้วจะเอาที่ไหนมาใช้หนี้
เผลอๆหนี้บัตรนี่ฉุกเฉินกว่าเรื่องอื่นอีกนะ

ถ้ากรณีฉุกเฉินจริงๆ ก็มองเป็นมุมนั้นได้ครับ แต่ถ้ากดมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยโดยที่ไม่มีเงินสดมารองรับ หรือจ่ายหนี้คืนทีหลัง ดอกเบี้ยก็มาจะตามาด้วยนะครับ

บัตรเครดิต กดปุ๊บโดนก่อน 3% แต่ไม่เสียดอก1รอบบิล
บัตรกดเงินสด กดปุ๊บเริ่มนับดอกทันที

ไว้ใช้ตอนฉุกเฉินจริงๆ ดบ.มันสูงมากนะครับ

บัตรเครดิต บัตรกดเงิน = เงินอนาคต(มีดอกเบี้ย)

เงินสำรอง = เงินเก็บ , เงินปัจจุบัน (ไม่มีดอกเบี้ย)


จากใจคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิต

มันคือเงินยืม มีไว้ก็ดีเดือดร้อนมาไม่ต้องไปยืมใคร