อ้อครับผม ต้องขึ้นกับร้านด้วยครับ แต่ร้านกาแฟประจำผมแกไม่ทำำ แกบอกได้ไม่คุ้มเสีย 555

Grabไม่ได้ดีต่อทุกร้านอาหารเสมอไปครับ ร้านน้าผมเคยขายใน Grab
ขายดีขึ้นมากๆ เงินหมุนในร้านมากขึ้น เหนื่อยมากขึ้น แต่กำไรลดลง 555+

เพราะกำไรต่อจานอยู่ที่ 40-50% ถ้าลูกค้าทานน้ำในร้านด้วย แต่พอGrabมีแต่ซื้อกลับบ้านเจอค่าอุปกรณ์สิ้นเปลือง ถุงร้อน ถุงหิ้ว เครื่องปรุง สรุปทำงานหลังแอ่นเลี้ยงGrabครับ

ถ้าเพิ่มราคาอาหารลองคิดตามนะครับ
ปรกติหน้าร้านขาย 50 บาท กำไร 20 บาท
ขายGrabราคา 65 บาท แบ่งGrab 24บาท ทุน 30 บาท เหลือกำไร 11 บาท

ทำการค้าถ้าลงทุนเยอะขึ้น ใช้เวลาเยอะขึ้น ภาระเยอะขึ้น แต่กำไรน้อยมันเรียกว่าไม่คุ้มใช่ป่าวครับ

บางร้านราคาเท่าเดิมนะ แต่ปริมาณลดลง

กำไรลดลงแต่ได้ economic of scale นะ วัตถุดิบเหมาโหลราคาถูกลง ไม่ต้องจ้างเด็กมาล้างจานเพิ่มอีก โอเคว่าเสียค่าบรรจุภัณฑ์ แต่ผมว่าหักกับค่าน้ำแล้วก็ค่าแรงล้างจานมันก็พอๆ กันแหละ เรามีเวลามากขึ้นด้วย การจัดการต่างๆ ก็ง่ายขึ้น ไม่ต้องจ้างเด็กเสิร์ฟเพิ่ม ไม่ต้องจัดการกับคนด้วย

สรุปปรับตัวเถอะ ได้กำไรน้อยลงแต่ขายได้มากขึ้นสรุปเราก็กำไรเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น หรือจะอยากขายเท่าเดิมแต่ไปแบกภาระอย่างอื่นให้ปวดหัว

คิดแบบนี้แสดงว่าสินค้ามีปริมาณจำกัดต่อวันใช่มั้ยครับ

เพราะถ้าสินค้ามีมาก กำไร11บาทที่ว่า มันก็ยังเป็นกำไร

สมมุติปกติท่านขายหน้าร้านได้ 100ชิ้น/วัน กำไรท่านได้ 2,000 บาท/วัน

แต่ถ้าท่านเพิ่มทางเลือกขึ้น หน้าร้านก็ยัง 100ชิ้น/วันเหมือนเดิม

แต่จะได้กำไรเพิ่มจากทุกชิ้นที่ขายผ่านGrab อีก 11บาท/ชิ้น

ผมคิดแบบนี้ถูกมั้ยนิ

มัน 20% ของราคาขาย ไม่ใช่ 20% ของกำไร ต้นทุนเพิ่มขึ้นแน่นอน

การเข้าถึงของลูกค้าเยอะจริง คราวนี้ก็เตรียมตัวเปลี่ยนวิถีประเทศไทยแล้วครับ

เงินหายากเข้าไปอีก อยากจะขายลูกชิ้นปิ้งหาเงินง่ายๆ ก็จะทำได้ยากแล้ว

เพราะทำเล ไม่ใช่คำตอบแล้ว ร้านรถเข็นจะลดลงเยอะแน่ครับ

คนซื้อก็หาเงินยาก คนขายก็ขายยาก คราวนี้ตัวเลือกการบริโภคเราจะจำกัดแล้วครับ

จำกัดด้วยปริมาณและเวลาครับ หลายคนคิดแค่เพิ่มคนซิ เพิ่มของซิ
ความจริงคือการแบกภาระต้นทุนเพิ่มไม่ใช่เรื่องง่าย Grabจะขายดีตอนมีโปรโมชั่นเท่านั้น นึกภาพวันที่ไม่มีโปรโมชั่นซิ

ตามนี้เลยครับ ผมเปิดร้านชา กาแฟใช้ของคุณภาพดีกำไรต่อหน่วย30-40% เจอแพนด้า กับแกรบเข้าไป 35% นี้เหนื่อยเลยครับกำไรแทบไม่มี ถ้ารวมฟิกคอสนี่อาจขาดทุนได้เลย แถมลูกค้าที่สั่งก็เป็นกลุ่มเดียวกับที่มากินที่ร้านอีก

ตอนนี้กำลังคิดเลยครับว่าจะหาทางแก้ยังไงดี 1.ลดต้นทุนใช้ของไม่ดี = รสชาติดรอปลง
2.เพิ่มราคา = ลูกค้าหาย

ผมเข้าใจนะว่าตลาดแนวนี้กำลังมา แต่กลัวว่ายิ่งพ่อค้าเน้นการแย่งลูกค้าผ่านแอพ โดยหวังเพียงแค่จะแข่งกันดึงลูกค้าให้มากินที่ร้านในอนาคต โดยลืมว่าปัจจุบันลูกค้าแทบไม่ออกจากบ้านกันแล้ว กลัวว่ายิ่งทำแบบนี้ต่อไปจะเป็นเหมือนการแข่กันวิ่งลงเหว คนหัวเราะมีแค่เจ้าของแอพกับคนขับรถ

อย่างร้านกาแฟประจำผม รายได้เสริมคือ แกมีทำเค้กขายด้วย แซนวิชด้วย เค้กจากรายได้เสริมจนจะมาเป็นหลักละครับ เค้ก ขนม จะดึงดูดลูกค้าผญมากขึ้น เคยมีลคแย่งที่นั่งจนทะเลาะกันก็มีครับ ขายดีขนาดนี้ไม่ต้องพึ่งพา grab get เลย

ร้านเฮียที่ท่านว่านี่ เป็นคนประเภทโทษเศรษฐกิจไม่ดีไว้ก่อนแต่ไม่คิดจะพัฒนาหรือปรับตัวแน่ๆ

ยุคสมัยนี้ เทคโนโลยี อำนวยความสะดวกมีบทบาทมากขึ้นในชีวิต

การที่ความขี้เกียจของคนก็ไม่มีที่สิ้นสุด กดโทสับสั่งข้าว

ถ้าร้านเฮียไม่มีคนก็ไม่กิน

อันนี้ก็กำไร แต่ใจร้อนอยากได้ไว เห็นโดนหักค่าร่วมธุรกิจก็รับไม่ได้
ทั้งๆที่มันคือระบบ "LOGISTIC" หรือเรียกว่า DELIVERY นั่นแหล่ะ

ซึ่ง20%ก็สมเหตุสมผล ไม่ได้ไปแย่งลูกค้าเก่าแถมขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่
เพิ่มรายได้ให้ตัวเอง แต่กลับมองว่าอยากให้ "PRODUCT" ตัวเองกำไรเข้าตัวเอง100%

งก "ไม่เจริญ" แบบคนจีนไม่มีกิ๋น

สมัยนี้นะการหารายได้ขายของเนี่ยอย่าง ไอโฟน
คิดหรอว่าจะเอากำไรตรงนี้มาเป็นหลัก
คำตอบหรือ ขาย "บริการหลังการขาย" "อะไหล่เพิ่มเติม" "ขายSOFTWARE"

นอกเรื่องบางร้านระยะทาง 4-5 โล ค่าส่งเกือบร้อยเค้าบวกค่าอะไรหรอ (grab food)

ร้านไหนราคาสูงหน่อย แกรบจะเอา 30% นะครับ
เรียกว่าเรียกราคาเท่า embassy paragon เลย

ร้านผมก็ไม่เข้าเหมือนกัน หักเยอะเกิน อย่างที่หลายๆ คนบอกไป มันแล้วแต่อาหารด้วย
อย่างอาหารที่ made order to order งี้มันไม่ค่อยคุ้ม

ถ้าเป็นชานมไข่มุกงี้ ชงไว้เยอะๆ ถึงเวลากดเอาๆ ตักไข่มุกใส่
อยากหักก็หักไปเลย ใครไม่เข้าก็เสียลูกค้าไปเอง เพราะยอดพวกนี้ดึงจากร้านพวกนี้ไปหมด

โหดมาก

หักเปอร์เซ็นต์​ 20-30% จริงครับ แต่ร้านพี่ชายผมหลังจากรับ grab, get จากที่ขายได้วันประมาณ 7,000 เพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 15,000-18,000 และเพิ่มเป็นวันละ 30,000+ ในช่วงที่มีโปร 1 แถม 1 ครับ ถึงจะโดนหักไปบ้าง แต่แลกด้วยฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้นมากครับ