ผมว่าถ้า life style ไม่ใช่ก็ควรยุติความสัมพันธ์นะ

แต่..ผมว่าท่านเลือกคนนี้เป็นแฟน ท่านต้องยอมรับว่าเขาสวย เขาก็ต้องใช้เงินเก่งเป็นธรรมดา คราวนี้อนาคตท่านจะมั่นใจหรือยอมรับได้ไหมล่ะว่า จะหาแฟนทำมาหากิน แต่ไม่สวย?

ท่านต้องเลือกน่ะ

น่ากลัวนะครับแบบนี้ ขนาดช่วงบินยังจ่ายขั้นต่ำ งี้ถ้าป่วยขึ้นมาจะเอาจากไหนจ่าย

เงินเดือนลูกเรือไม่รวมค่าบินไม่น่าจะถึง 2 หมื่นด้วยซ้ำ

อีกอย่างอาชีพนี้หากินหลักๆคงได้แค่ 40 กว่าๆเอง แถมมี ปสก ที่ต้องยืมเงินที่บ้านมาแล้ว กลับยังใช้ชีวิตแบบเดิมอีก

ท่านต้องลองพิจารณาดูครับ คนที่คู่กันต้องรับข้อเสียของอีกฝ่ายได้ ถ้าเรื่องนี้ท่านคิดว่าเปย์ไหวหรือรับได้ก็คบต่อได้ครับ

แฟนผมก็เป็นนะ ต้องมีซื้อของออนไลน์ เสื้อผ้า กระเป๋า ชอบดูเพจเที่ยว แล้วก็ยากไป ชอบดูเพจรีวิวกิน ดูเสร็จก็อยากไป แต่ดีที่แฟนผมเค้ามีลิมิตนะ เค้าใช้เงินเค้าเอง แต่เงินเก็บก็ไม่ได้มีมากอะไร

อย่างที่หลายคนตอบไปนะครับ ว่ามันยากครับในการปรับเปลี่ยน เพราะว่ามันเป็นนิสัยและทัศนคติที่โดนหล่อหลอมมาจนโต ทำให้ไม่ค่อยรู้จักคุณค่าของเงิน อาจจะเป็นเพราะเกิดมาไม่เคยลำบากและมีคนคอย support (รวมทั้งตัวคุณเองด้วยที่คอย suppoert) ตลอดเวลาเงินไม่ขาดมือทำให้คิดว่า เงินทองหาไม่ยาก เดี๋ยวมันก็มี ใช้ๆไปเหอะ ไม่เป็นไร

ถ้าจะแนะนำให้เลิก มันก็คงจะหักกันเกินไป ผมอยากจะแนะนำให้คุยกันโดยคุยกันถึงอนาคต และหาโครงการร่วมกันในอนาคต เพื่อชักชวนให้เก็บเงินออมรายเดือนร่วมกันอย่างมีวินัย ย้ำว่าต้องมีวินัยนะครับ เก็บทุกเดือน ทั้งคุณทั้งเขา น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในอนาคต และอย่างน้อยก็มีเงินจำนวนหนึ่งต่อเดือนที่ไม่ได้โดนเขาถลุงไปจนหมด

* เอาจริงๆ ผมสงสัยนะ ทำไมคนเรามันชอบใช้เงิน


แม่งมีใครเป็นแบบผมบ้างไหม แบบไม่ค่อยชอบใช้ ชอบเก็บ


คือคนชอบใช้แม่งก็ใช้ๆๆๆ จนไม่รู้หน้ารู้หลัง ต่อให้เงินเยอะก็ตามนะ แบบอาจไม่กระทบไรเค้าหรอก ผมอาจเสือกไปเอง


แต่ผมนั่นแหละแค่งงๆ อย่างผมก็ซื้อได้นะ บางอย่าง แต่แบบก็ไม่รู้ซื้อทำไม ชีวิตมันพอด้วยแหละมั้ง

แปลกนะเพื่อนผมทำ สจ๊วด สายการบินนึง เงินเดือนมันก็เยอะ ยังมายืมเงินผมเลย ผมว่าพวกสังคมของเขา ค่อนข้างใช้้เงินเยอะอยู่นะ

หาใหม่ครับ เน้นพอดูได้สบายตา แต่มีความเป็นผู้ใหญ่ รู้จักผิดชอบชั่วดี ตั้งใจทำมาหากิน เก็บเงินเก่งๆ รับรองสบายใจกว่าหลายเท่า

ต้องรอให้เค้ามีชีวิตแบบนี้ของเค้าไปจนเบื่อแหละแก้ยาก

ถ้าไม่กระทบกับเงินในกระเป๋าเรามากนัก ก็ปล่อยไปก่อน

อย่าเพิ่งคิดเรื่งแต่งงานหรือมีครอบครัวเด็ดขาด

หรือไม่ก็หาแฟนใหม่วิธะีนี้ไม่แนะนำ.

แฟนผม

ชอบชอปปิ้ง ออนไลน์ ออฟไลน์

ชอบกินของดี สั่งทีเยอะๆ สุดท้ายไม่หมด

ชอบเที่ยว ถ่ายรูปลง ig

ที่พูดมา
กินเที่ยว ผมออก 100%
ชอปปิ้ง ถ้าเมื่อก่อน ผมออก90%
แต่หลังๆ ผมเลี่ยงๆ ถ้าเธอชอปออนไลน์มา ชอบมาบอกผม ว่าราคาเท่านี้นะ ผมก็เฉยๆ
ถ้าเมื่อก่อน ผมโอนให้เลยนะ

ส่วนถ้าไปเดินด้วยกัน ชอปปิ้ง ผมเลี่ยงไม่ได้ ออกให้เหมือนเดิม

หลังๆมีแบบ จะซื้อของฝากให้เพื่อน ให้ผมไปซื้อให้ ซึ่งก็ผมออกนั่นแหละ

ปล. แฟนผมอยู่ ตปท.

ที่เล่ามา จะบอกว่า มีคนอึดอัดเหมือนท่าน

ผมอึดอัดมากๆ คิดว่าคงไปไม่รอด

เพราะผมก็ไม่กล้าบอก สอนเธอเรื่องเงิน

ผมไม่มีคอมเม้นท์กับเรื่องของท่านนะ เพราะแต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกัน

เวลาผมไปปรึกษาเพื่อน เพื่อนบอกผมว่า

เงินเขาเอง มึงไปเสือ...ก ทำไม

ผมก็เงียบ แต่ในใจคิดว่า

ถ้ากูไม่หวังจะมีอนาคต หวังแต่งงาน คงไม่คิดไรหรอก แค่นอนกันไป หาความสุขชั่วคราว

แต่ผมคบ แล้วคิดถึงอนาคต เลยต้องคิดหนัก

ที่ท่านพูดมา ถูกเลย

อนาคตแต่งงานกันไปแล้ว ภาระมันอยู่ที่ผู้ชาย ไม่ทำงานไม่เปนไร แต่ถ้าหลังบ้านยังไม่ช่วยวางแผนใช้จ่าย อย่าว่าแต่รวยเลย เงินกินก็จะไม่มี

ทำงานอยู่บ้าน เงินเดือน 4-5 หมื่น ไม่มีภาระ นี่ยังเรียกว่าไม่สบายอีกเหรอครับ

มันจะมีคำว่า social cost ครับ คือค่าใช้จ่ายทางสังคมที่ลูกเจ้าของธุรกิจจะต้องมี ในหลักการว่าคนอายุใกล้30 ช่วงรับไม้ต่อ การสัมนาหรือเรียนต่อแต่ละครั้งเราจะเจอกลุ่มคนที่จะต่อยอดธุรกิจ คุยเรื่องธุรกิจ หรือ dinner talk กันแต่ละครั้งที่ไม่ใช่ราคาเบียร์ลีโอ แต่อาจจะเป็นการเปิดไวน์ แทนไรงี้อะครับ ผมเลยมองว่า social cost มักจะแพงกว่าภาระบางภาระ (ผมย้ำว่าบางภาระนะครับ)

แล้วหาทางออกได้มั้ยครับ หรือว่าตอนนี้ยังอึดอัดใจเรื่องนี้อยู่

ต้องดูคครัวเค้าด้วยรึป่าวครับ ถามแม่เค้าเป็นแม่บ้าน ก็อาจจะโดนสอนมาแบบนี้รึป่าว

อย่างแม่ผม ก็ไม่เคยทำงานเลยหลังแต่งงานพ่อเลี้ยงหมด เป็นแม่บ้านอย่างเดียว

แฟนท่านคงคิดว่าตอนทำงานก็หาเองก็ใช้เอง พ่อแม่เค้าคงไม่เดือนร้อนมั้งเลยไม่ต้องเก็บเงิน

ผมไม่กล้าพูดกับเธอเรื่องแบบนี้ครับ

ิคิดว่า ถ้าพูดไป คงไม่เชื่อ แถมจะทะเลาะกันอีก

ทุกวันนี้ คือรอจุดเปลี่ยนอย่างเดียวครับ

ซึ่งถ้ามีก็ดี ผมยังรอได้

แต่ถ้าเธอจ้องจะหลอกแ.. ก ก็คงไม่มีวันนั้น และสุดท้าย ก็ต้องแยกย้ายครับ