[บทความ]ดอร์ทมุนด์ขอหยุดการผูกขาดของเสือใต้!!
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยกระดับความจริงจังไปอีกขั้น ในการหยุดยั้งการผูกขาดแชมป์บุนเดสลีกาของ บาเยิร์น มิวนิค
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดอร์ทมุนด์ เสริมทัพด้วยนักเตะตัวท็อปของลีกทีเดียวถึง 3 คน
วันอังคาร กระชาก นิโค่ ชูลซ์ มาจากฮอฟเฟ่นไฮม์ ด้วยราคา 22.5 ล้านปอนด์
ก่อนที่วันพุธ จะทุ่มเงินอีก 45 ล้านปอนด์ รวบปีกชั้นยอดของบุนเดสลีกามาทีเดียว 2 ราย คือ ธอร์กาน อาซาร์ จาก โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค และ ยูเลี่ยน บรันด์ท แข้งเนื้อหอมจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
ที่น่าสนใจก็คือการเสริมทัพของ ดอร์ทมุนด์ ครั้งนี้ ใช้นโยบายเดียวกับที่ บาเยิร์น มิวนิค มักทำตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
นั่นคือการ "ดูด" นักเตะที่ดีที่สุดของคู่แข่งร่วมลีก เข้ามาเป็นสมบัติของตัวเอง
______________________________
นิโค่ ชูลซ์ คือนักเตะเพียงคนเดียวของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในฤดูกาลล่าสุด ที่มีชื่อติดทีมชาติเยอรมนีชุดปัจจุบัน
ณ ตอนนี้ ชูลซ์ คือตัวเลือกอันดับแรกๆ ในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งซ้ายของทีมอินทรีเหล็ก
ขณะที่ ธอร์กาน อาซาร์ ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของ เอแด็น อาซาร์ สตาร์อันดับหนึ่งเชลซี คือหนึ่งใน 2 ผู้เล่นที่ทั้งยิงทั้งจ่ายได้ถึงหลัก 10 ลูกในบุนเดสลีกาฤดูกาลล่าสุด ร่วมกับ จาดอน ซานโช่
ส่วน ยูเลี่ยน บรันด์ท ตกเป็นเป้าหมายสำคัญของหลายทีมดังทั่วยุโรป โดยซีซั่นที่ผ่านมา เจ้าตัวฝากผลงานสุดยอด ยิง 7 แอสซิสต์ 11 พาห้างขายยาเข้าป้ายอันดับ 4 คว้าตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ทั้ง 3 คนไม่มีใครอายุมากกว่า 26 ปี และต่างเป็นตัวหลักของทีมที่ลุ้นแย่งโควตาไปลุยฟุตบอลยุโรป
นี่จึงถือเป็นการยกระดับการเสริมทัพไปอีกขั้นของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เพราะช่วงที่ผ่านมา เสือเหลืองมักได้แต่แข้งส่วนเกินของทีมดัง หรือไม่ก็เป็นนักเตะจากทีมกลางๆ ตารางซะส่วนใหญ่
______________________________
ผลงานในบุนเดสลีกาฤดูกาล 2018-19 น่าจะทำให้นักเตะดีๆ หันมาพิจารณาการโยกไปค้าแข้งในถิ่นเวสต์ฟาเล่นมากยิ่งขึ้น
ดอร์ทมุนด์ คือทีมแรกในรอบ 7 ปี ที่จบฤดูกาลด้วยการตามหลัง บาเยิร์น มิวนิค ด้วยช่องว่างห่างแค่เลขตัวเดียว
และยิ่งไปกว่านั้น ฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาทำให้บุนเดสลีกาต้องมาตัดสินแชมป์ในเกมนัดสุดท้าย เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ทศวรรษ
จริงๆ ในช่วงเดือนธันวาคม ทีมเสือเหลืองเคยโกยแต้มทิ้งห่างแชมป์เก่ามากถึง 9 แต้ม แต่น่าเสียดายที่การอ่อนประสบการณ์ และมีขุมกำลังที่ยังทดแทนกันได้ไม่ดีพอ ทำให้พวกเขาค่อยๆ สะดุด จนโดน บาเยิร์น เบียดตกลงมาจนได้
มิชาเอล ซอร์ค ผู้อำนวยการกีฬาของดอร์ทมุนด์ เผยว่า
"ฤดูกาลนี้คือแรงกระตุ้นที่ยิ่งใหญ่สำหรับการประสบความสำเร็จในอนาคต และเมื่อเรามั่นใจในคุณภาพของนักเตะคนไหนแล้ว เมื่อนั้นเราก็พร้อมที่จะจ่ายเงินที่คู่ควร"
พวกเขารู้ดีว่าตัวเองขาดอะไรไป นั่นทำให้สโมสรรีบเสริมขุมกำลังอย่างรวดเร็ว ทั้งที่บุนเดสลีกาเพิ่งปิดฉากได้ไม่ถึงสัปดาห์
มีการวิเคราะห์กันว่า ถ้าหากได้เซนเตอร์ฮาล์ฟชั้นยอด และหัวหอกที่ไว้ใจได้เข้ามาเสริมอีกตำแหน่งละคน เสือเหลืองตัวนี้จะอยู่ในสภาพที่พร้อมทันที กับการลุ้นเขี่ยเสือใต้ตกบัลลังก์ในซีซั่นหน้า
______________________________
นอกจากการได้แข้งดีๆ เข้ามาเสริมแล้ว อีกจุดสำคัญที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พยายามจะทำให้ได้ในปีนี้ คือการรักษาสมบัติล้ำค่าเอาไว้อย่างจริงจัง
เพราะนับตั้งแต่นัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2013 ไม่มีปีไหนอีกเลยที่เสือเหลืองไม่เสียกำลังสำคัญออกไป
ปี 2013 มาริโอ เกิทเซ่ หักหลังแฟนบอลด้วยการโยกไปอยู่กับเสือใต้ด้วยค่าฉีกสัญญา มูลค่า 37 ล้านยูโร
ปี 2014 แฟนเสือเหลืองยิ่งชอกช้ำเข้าไปใหญ่ เมื่อดาวถล่มประตูอันดับหนึ่งอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ไม่เพียงแต่ไม่ยอมต่อสัญญา แต่ดันย้ายไปซบอก บาเยิร์น แบบฟรีๆ อีกต่างหาก
ปี 2015 แม้นักเตะระดับซูเปอร์สตาร์จะยังอยู่กันครบ แต่ยอดโค้ชอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจลาออก ก่อนข้ามแดนไปคุม ลิเวอร์พูล แทน
ปี 2016 นักเตะเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมบุนเดสลีกาอย่าง เฮนริค มคิทาร์ยาน โดน โชเซ่ มูรินโญ่ ดูดไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อิลคาย กุนโดกัน ก็ไปอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ แถมปราการหลังกัปตันทีมอย่าง มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ก็ชิ่งไป บาเยิร์น อีกราย
ปี 2017 ดาวรุ่งพุ่งแรงที่ทีมเพิ่งปั้นขึ้นมือมาหมาดๆ อย่าง อุสมาน เดมเบเล่ โดน บาร์เซโลน่า ดูดไปด้วยค่าตัวมหาศาล เพื่อเป็นตัวแทนของ เนย์มาร์ ที่กลายเป็นแข้งแพงสุดในโลก
ปี 2018 เปิดฉากมาไม่ทันไร สมบัติล้ำค่าอย่าง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ก็เลือกย้ายไปเล่นในอังกฤษกับ อาร์เซน่อล
จนกระทั่งปี 2019 นี่แหละ ที่ดูเหมือนว่า ฮันส์-โยอัคคิม วัตซ์เค่อ ซีอีโอของสโมสร จะไม่มีทางยอมให้อะไรเป็นแบบเดิมอีก
______________________________
แม้ว่า คริสเตียน พูลิซิช วันเดอร์คิดทีมชาติสหรัฐอเมริกา จะโดน เชลซี กระชากไปด้วยค่าตัวสูงถึง 58 ล้านปอนด์ แต่แข้งวัย 20 ปีรายนี้ ไม่ใช่ตัวหลักของกุนซือ ลูเซียง ฟาฟร์
พูลิซิช ได้ลงสนามเป็นตัวจริงเพียง 9 นัดเท่านั้น ในบุนเดสลีกาฤดูกาลที่ผ่านมา และด้วยค่าตัวระดับนั้น แลกกับการได้ ยูเลี่ยน บรันด์ท กับ ธอร์กาน อาซาร์ มาทดแทน ถือว่ามีแต่คุ้มกับคุ้ม
จาดอน ซานโช่ ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฝันหวานว่าจะใช้เงินมหาศาลกระชากไปร่วมทีมได้ ก็ทำท่าว่าจะไม่ได้ย้ายไปไหน และทำให้ผีแดงต้องหันไปกระชากปีกจากแชมเปี้ยนชิพอย่าง แดเนียล เจมส์ แทน
ปาโก้ อัลกาเซร์ ดาวซัลโวประจำทีมจากฤดูกาลล่าสุด ก็ถูกซื้อเข้ามาร่วมทีมด้วยสัญญาถาวรเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะกลับสเปนหรือไม่
ขณะที่กัปตันทีมอย่าง มาร์โค รอยส์ ยังคงเต็มไปด้วย Passion ในการคว้าแชมป์บุนเดสลีกาให้ได้สักครั้งในชีวิต เพราะตอนปี 2012 ที่สโมสรได้แชมป์ลีกครั้งสุดท้าย เจ้าตัวยังไม่ได้ย้ายมาร่วมทีม
______________________________
บาเยิร์น มิวนิค กวาดแชมป์บุนเดสลีกาไปแล้วถึง 29 สมัย ซึ่งนอกจากทีมเสือใต้แล้ว ก็ไม่มีทีมใดอีก ที่ได้แชมป์ลีกสูงสุดเยอรมันเกิน 10 ครั้ง
เนิร์นแบร์ก คือเจ้าของสถิติคว้าแชมป์บุนเดสมากเป็นอันดับ 2 โดยทำได้ 9 สมัย แต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้แชมป์ ต้องย้อนไปไกลถึงปี 1968
ขนาดเสือใต้ชุดที่ว่ากันว่าเป็น "ขาลง" แถมคุมโดยโค้ชบารมีน้อยอย่าง นิโก้ โควัช ยังอุตส่าห์ป้องกันถาดแชมป์ได้เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน
จึงไม่แปลกอะไร ถ้าใครหลายคนยังติดกับวาทกรรมที่ว่า บุนเดสลีกาคือ "ลีกผูกขาด"
เพราะเหตุนี้ การที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พยายามจะหยุดยั้งเรื่องนั้นให้ได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามมากๆ
Credit : Balltoro.com
https://www.facebook.com/balltoro/photos/a.537418566326557/2107402749328123/?type=3&theater