หมายเหตุ: เอาบทความขนาดยาวมาให้อ่านตอนก่อนนอนอีกแล้ว ไม่เหมาะกับคนชอบอ่านแบบฉาบฉวย และไม่อ่านระหว่างบรรทัด
แล้ว โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และพวกพ้องก็หยุดปาฏิหาริย์ของตัวเองในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เอาไว้ที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ขณะที่ความหวังในการ
ติดท็อปโฟร์ก็ค่อนข้างเลือนลางและรีบหรี่ หากวัดจากฟอร์มการเล่นของตัวเอง และโปรแกรม 5 นัดสุดท้ายที่ฮาร์ดคอร์กว่าชาวบ้าน ว่าแล้วก็ต้องขอเรียนตามตรงครับว่าโอกาสหลุดท็อปโฟร์ของพลพรรคปีศาจแดงนั้นมีค่อนข้างสูง
สันนิษฐานเบื้องต้นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะจบฤดูกาลนี้ด้วยอันดับ 5 หรือ 6 ของตารางพรีเมียร์ลีก และอดไปเล่นในศึกใหญ่ระดับทวีปที่มีมูลค่ามหาศาล หากมองจากผลงานโดยรวม ถือเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่น่าผิดหวัง แถมมือเปล่า 2 ซีซั่นติดต่อกัน
เรื่องดีๆ (หรือเปล่า?) เพียงเรื่องเดียวคือการได้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามาแทนตำแหน่งของ โชเซ่ มูรินโญ่ แล้วช่วยปลุกวิญญาณของปีศาจแดงกลับมาได้บ้างพลางทำผลงานกระเตื้องขึ้นในช่วง 2 เดือนแรกที่อยู่ในสถานะกุนซือชั่วคราว
เข้าใจว่าฤดูกาลหน้าคงต้องมีการปฏิวัติเพื่อยกระดับตัวเองครั้งยิ่งใหญ่
เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องขุมกำลังที่ตัวผู้เล่นชุดปัจจุบันถูกประเมิณว่าคุณภาพบัดซบเกินกว่าที่จะประสบความสำเร็จระดับสูง
คือถ้าคุณต้องการจะพุ่งชนความสำเร็จด้วยความเร็วแรงทะลุนรกพลางทวงความยิ่งใหญ่กลับคืนมา มันได้รับการพิสูจน์อย่างคมชัดลึกแล้วว่าลำพังขุมกำลังชุดปัจจุบันมันไม่เพียงพอ
...ว่าแล้วลองเปรีนบเทียบง่ายๆ กับ 2 ทีมที่กำลังบดบี้แชมป์กันเมามันในฤดูกาลนี้อย่าง แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ดูก็ได้นะครับ
ถามว่าผู้เล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดปัจจุบันคนไหนที่มีความสามารถคับตูดเพียงพอที่จะเบียดเข้าไปเป็นตัวจริงของ "เรือใบสีฟ้า" และ "หงส์แดง" ได้บ้าง ???
อืมมมมมม...เราลองมาไล่ดูกันไปทีละตำแหน่งเลยดีกว่า
ผู้รักษาประตู: ดาบิด เด เคอา อยู่ระดับเดียวกันกับ อลิสซง เบ็คเกอร์ และ เอแดร์ซ่อน โดยทั้ง 3 มีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไปคนละอย่าง
แบ็คขวา: ทั้ง อันโตนิโอ วาเลนเซีย, แอชลี่ย์ ยัง และดิโอโก้ ดาโล่ต์ เบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงจาก ไคล์ วอล์คเกอร์ ของ แมนฯ ซิตี้ และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ของ ลิเวอร์พูล ไม่ได้เลย - ไม่ต้องคิดมาก
แบ็คซ้าย: ถ้าอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ลุค ชอว์ อาจได้ลงตัวจริง เพราะฝีเท้าไม่ได้เป็นรอง ฟาเบียง เดลฟ์ หรือ ดานิโล่ ขณะที่ แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ นั่งเบียดอาการบาดเจ็บเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าอยู่กับ ลิเวอร์พูล เขาไม่มีทางแย่งตำแหน่งตัวจริงจาก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้เลย
เซ็นเตอร์แบ็ค: ลิเวอร์พูล มี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ, โฌแอล มาติ๊ป และเดยัน ลอฟเรน ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ มี จอห์น สโตนส์, เอเมอริค ลาปอร์ก, นิโกลัส โอตาเมนดี้ และแว็งซองต์ กองปานี ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด มี คริส สมอลลิ่ง กับ ฟิล โจนส์ รวมถึง เอริก ไบยี่ และ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ซึ่งถ้าดูจากฟอร์มการเล่นโดยรวมในซีซั่นนี้คงมีเพียงปราการหลังทีมชาติสวีเดนเพียงคนเดียวนั่นแหละที่พอจะเบียดตัวจริงให้ 2 ทีมนั้นได้
มิดฟิลด์: คงมีเพียง ปอล ป็อกบา เพียงคนเดียวที่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในแดนกลางของทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ได้ ส่วนคนอื่นๆ อย่าง เนมานย่า มาติช, อันเดร์ เอร์เรร่า หรือเฟร็ด คงไม่มีทางแทรกลงตัวจริงให้ 2 ทีมนั้น ส่วนอนาคตใหม่อย่าง สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ หรือ อันเดรียส เปเรยร่า ยังยึดตำแหน่งตัวจริงอย่างถาวรในทีมตัวเองไม่ได้เลยคุณ
ตัวรุกริมเส้น: ฆวน มาต้า, เจสซี่ ลินการ์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และอเล็กซิส ซานเชซ - จริงๆ ทั้ง 4 คนนี้เป็นผู้เล่นที่มีชาติตระกูลนะครับ แต่คงไม่ดีพอที่จะไปแย่งตำแหน่งตัวจริงจาก ราฮีม สเตอร์ลิง, แบร์นาโด้ ซิลวา และลีรอย ซาเน่ ของ แมนฯ ซิตี้ และแน่นอนว่าคงถีบ โม ซาล่าห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ ของ ลิเวอร์พูล ให้หลุดจากตำแหน่งไม่ไหว
ศูนย์หน้า: แมนฯ ซิตี้ มี กุน อเกวโร่ ขณะที่ ลิเวอร์พูล มีทั้ง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, โม ซาล่าห์ และซาดิโอ มาเน่ ที่สวมบทบาทนี้ได้ทั้งหมด หาก โรเมลู ลูกากู กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นผู้เล่นของ แมนฯ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล ก็คงเป็นได้แค่ตัวสำรองเท่านั้น
จึงพอจะสรุปว่ามีเพียง ดาบิด เด เคอา กับ ปอล ป็อกบา แค่ 2 คนเท่านั้นที่อาจได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในทีมหงส์แดงและเรือใบสีฟ้า ขณะที่ ลุค ชอว์ กับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ คงเป็นได้แค่กำลังเสริมเท่านั้น
เทียบแบบนี้แล้วพอเห็นภาพเลยใช่ไหมครับว่าปีศาจแดงชุดนี้ยังไม่ดีเพียงพอที่จะประสบความสำเร็จแน่ๆ
ดังฉะนั้นจึงไม่ใช่แค่ 2-3 ตำแหน่งนะครับที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องซื้อใหม่ในฤดูกาลหน้า แต่ตำแหน่งที่พวกเขาต้องการมาเสริมคือ...
1. แบ็คขวา
2. เซ็นเตอร์แบ็ค
3. มิดฟิลด์ตัวรับ
4. ผู้เล่นหมายเลข 10
5. ตัวรุกริมเส้น
5.5. และบางทีอาจรวมถึงหัวหอกตัวเป้าอีกสักคน
ย้ำว่าต้องซื้อผู้เล่นใหม่อีก 5.5 คนเป็นอย่างต่ำ แถมควรจัดอยู่ในประเภท "ดาวดัง" ที่ซื้อมาแล้วใช้ได้เลยด้วย ไม่ใช่ซื้อมาแล้วยังต้องมาลุ้นต่ออีกขยักว่าจะเล่นได้หรือเปล่า
การซื้อตัวผู้เล่นใหม่ในฤดูกาลหน้าจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะอันดับแรกต้องมองให้ขาดแล้วกล้าๆ จ่าย มึงจะซื้อผู้เล่นประเภท "ใครวะ?" อย่าง เอริก ไบยี่, เฟร็ด หรือ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ มาแล้วค่อยลุ้นว่ามันจะระเบิดฟอร์มเปล่งปลั่งออกมาหรือเปล่าไม่ได้แล้วนะโว้ยยยย !!!
น่าเสียดายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่มีตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาที่มีความรอบรู้เรื่องเกมลูกหนังคอยประสานงานกับผู้จัดการทีมแล้วทำงานให้สอดคล้องกันอย่างกลมกลืน
ตำแหน่งนี้สำคัญมากในยุคปัจจุบันนะครับ เพราะผู้จัดการทีมไม่ได้รับสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจซื้อตัวผู้เล่นเหมือนในอดีตแล้ว หากสโมสรคุณมีผู้อำนวยการลูกหนังที่เก่งๆ เขาจะพิจารณานักเตะที่คิดว่าเหมาะกับทีมมาให้ผู้เป็นกุนซือเอง
ส่วนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ผู้ทำหน้าที่นี้ยังคงเป็น ฯพณฯ เอ็ด วู๊ดเวิร์ด
"ลอร์ดเอ็ด" ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหารที่เก่งนะครับ ผลงานก็ค่อนข้างชัดเจน คือพี่แกสามารถเสกรายได้มหาศาลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด จนเป็นทีมที่มั่งคั่งติดอันดับโลก แถมมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ในขณะเดียวกันคุณพี่เขาก็ต้องทำตามนโยบายจากเบื้องบนด้วย
หน้าที่หลักของเขาคือหากำไรมาบำเรอเจ้าของทีมให้ได้มากที่สุด
การเอาเงินสโมสรมาถลุง เพื่อซื้อตัวผู้เล่นใหม่จึงต้องระมัดระวังอย่างจงหนักพอๆ กับกระมิดกระเมี้ยน โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อตัวผู้เล่นแบบหน้ามืดหรือบ้าคลั่งเหมือน แมนฯ ซิตี้ หรือ เชลซี ที่เจ้าของทีมเอาเงินจากธุรกิจอื่นของตัวเองหรือสมบัติตัวเองมาให้ใช้แบบไม่อั้น
พูดง่ายๆ ว่ามึงรับใช้นายทุนมากเกินไปนั่นแหละ
ปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับ คือเมื่อต้องลงทุน สโมสรลูกหนังและธุรกิจอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของเจ้าของทีมที่เข้ามากอบโกยเป็นสำคัญ เพราะพวกเขาไม่ได้มีเจ้าของทีมเป็นท่านชีคระดับโอรสเจ้าอาหรับหรือเสี่ยหมีโคตรมิลเลี่ยนแนร์ที่มาเพื่อให้โดยเฉพาะ จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องของค่าตัวกับค่าจ้าง หากวอดวายในจุดนี้มากเกินไป กำไรที่ได้จากสปอนเซอร์, ลิขสิทธิ์ หรือขายเสื้อ มันก็น้อยลงไป
แบบนี้เจ้าของทีมคงไม่ปลื้ม
ถ้าให้พูดหยาบๆ คือแดกไม่อิ่มนั่นแหละ
ว่าแล้วขอให้ดูตัวอย่างจาก แมนฯ ซิตี้ นะครับ
ฤดูกาลแรกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาวางตูดทับตำแหน่งกุนซือ ผลปรากฏว่า แมนฯ ซิตี้ พุ่งชนความล้มเหลวด้วยเกมรับที่หละหลวม และเสียประตูง่าย
ฤดูกาลต่อมา "เป๊ป" จึงแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วด้วยซื้อตัวผู้เล่นใหม่แบบยกแผง
ผู้รักษาประตููใหม่อย่าง เคลาดิโอ บราโว่ เล่นไม่ได้ เพราะใช้ตีนเก่งอย่างเดียวใช่ไหม?
อืมมมม...ไม่เป็นไร กูซื้อใหม่ทันที เพราะท่านเจ้าของทีมพร้อมอนุมัติอยู่แล้ว
แผงหลังห่วยแตก กูก็ซื้อใหม่หมดทั้ง ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, เอเมอริค ลาปอร์ก, ดานิโล่, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ เพียงเพราะต้องการให้เกมรับมีความเหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เกมรุกมีความดุดันอยู่แล้้ว
ทางด้านของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ใช้วิธีสร้างตัวจากคลีนิค คือค่อยๆ ซื้อผู้เล่นที่ตัวเองต้องการมาทีละตัว 2 ตัว
พี่แกได้นักเตะตีนพระกาฬที่สามารช่วยให้ทีมเอาชนะคู่แข่งอย่าง ซาดิโอ มาเน่ กับ โม ซาล่าห์ จนเกมรุกอุดมด้วยความกะซวกไส้ดีนักแล แต่เมื่อเกมรับยังห่วยแตกก็ยอมวอดวายด้วยผู้รักษาประตูและเซ็นเตอร์แบ็คราคาแพงแบบเป็นสถิติโลก
ความไฉไลเป็นบ้าของพลพรรคหงส์แดงและฤดูกาลนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วนะครับว่าแล้ว มิสเตอร์เจเคแกมองขาดขนาดไหน แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับไม่ยอมต่อยอด ทั้งที่ฤดูกาลก่อนตัวเองได้อันดับ 2 ของตารางแท้ๆ
เหตุเพราะผู้บริหารทีมมองแต่ผลประโยชน์ของพวก "เกลเซอร์ส แฟมิลี่" เป็นสำคัญ ดาวเตะใหม่ที่ โชเซ่ มูรินโญ่ อยากได้มาต่อยอดจึงมีแค่ดาวเตะสายพันธุ์แซมบ้าของปลอมที่ค่าตัวรุนแรงถึง 55 ล้านปอนด์ กับฟูลแบ็คดาวรุ่งที่ต้องรอการบ่มอย่าง ดิโอโก้ ดาโล่ต์ และผู้รักษาประตูมือ 3 อย่าง ลี แกรนท์ ในวงเล็บว่า (พ่อมึงตาย)
...
...
...
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เพิ่งเข้ามารับความกดดันต่อจาก "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมานี้เองนะครับ แล้วก็ใช้ขุมกำลังชุดเดิมที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ทิ้งเอาไว้ให้ โดยยังไม่ได้ซื้อผู้เล่นใหม่ที่ตัวเองหมายตาเอาไว้สักคน
ฉะนั้น & ฉะนี้
กรุณา อย่าเพิ่งด่วนประเมินคุณค่าหรือตัดสินความสามารถของคุณน้าลูกอมเพียงเพราะผลงานช่วงหลังๆ มันดันแพ้มากกว่าชนะแบบนี้เลยนะครับ
จำได้หรือเปล่าว่าตอน 'มูมู่' ยังคุมทีมอยู่ ปีศาจแดงเด๊ดห่าไปตั้งแต่เดือนธันวาแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด คงไม่มีทางผ่านเข้ามาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ชปล. ไม่มีค่ำคืนนั้นที่กรุงปารีส เช่นเดียวกับอยู่อันดับ 6 ถาวรแบบไม่มีลุ้นอะไรด้วยรูปแบบการเล่นที่น่าเบื่อ
การปฏิวัติขั้นแรกแค่เสกให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาเล่นแบบมีชีวิตชีวาอีกครั้งจนได้ลุ้นท็อปโฟร์ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
.
.
.
Credit เพจ บอ.บู๋
https://www.facebook.com/borbou23/posts/1045253462529615?__tn__=K-R