ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Mar 2015
ตอบ: 7326
ที่อยู่: Estadio Santiago Bernabéu
โพสเมื่อ: Mon Mar 25, 2019 21:46
ถูกแบนแล้ว
[Florentino Perez] ชายผู้ยอมรับและเรียนรู้
เรอัล มาดริด เป็นสโมสรฟุตบอล ที่มีระบบความเป็นประชาธิปไตยสูงมาก

ลองเปรียบเทียบกับสโมสรในพรีเมียร์ลีก จะเห็นได้ชัดเจน ที่อังกฤษ แฟนบอลก็ทำหน้าที่ได้เพียงเชียร์บอลเท่านั้น ส่วนเรื่องการบริหารทีมนั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าของสโมสร

แต่ละสโมสรในอังกฤษ จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นเจ้าของทีม โดยสิทธิในการครอบครองทีม สามารถเปลี่ยนมือกันได้ตลอด อย่างเชลซี เราก็เห็นโรมัน อบราโมวิช เข้ามาจ่ายเงินก้อนโต เพื่อซื้อ สโมสรจากเจ้าของเดิม เคน เบตส์ เอาไปทำทีมเอง

การซื้อขายทีมในอังกฤษ ไม่ได้กำหนดว่า เจ้าของใหม่ ต้องมีความผูกพันอะไรกับทีม ถ้ามีเงินถึงก็ซื้อได้หมด อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่มีเจ้าของเดิมคือมิลาน มันดาริช แต่เมื่อตระกูลศรีวัฒนประภา ซึ่งเป็นคนไทย อยากได้ทีม ก็สามารถซื้อมาครองได้เช่นกัน

แต่กับกรณีของเรอัล มาดริดนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

โครงสร้างของมาดริด จะถูกรันโดยกลุ่มสมาชิกที่ชื่อว่า โซซิโอ (Socio)

------------------------------------

สโมสรเรอัล มาดริด มีโซซิโอทั้งสิ้นราว 9 หมื่นคน แต่ละคน ต้องจ่ายเงินค่าสมาชิก 123 ยูโรต่อปี เพื่อสิทธิในการถือครองความเป็น โซซิโอ เอาไว้

โซซิโอ จะได้อะไรบ้าง?

ข้อแรกคือสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ก่อนแฟนขาจร

ข้อ 2 คือสิทธิเลือกตั้งประธานสโมสร

ข้อ 3 คือสิทธิในการร่วมวางนโยบายกับประธานสโมสร

การเป็นโซซิโอ ของเรอัล มาดริด นั้น คุณต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกทุกปีห้ามขาด ถ้าขาดปั๊บก็จะเสียคุณสมบัติของโซซิโอทันที

ขณะที่แฟนบอลคนใหม่ ที่อยากเข้าร่วมเป็นหนึ่งในโซซิโอ ก็ต้องได้รับคำรับรองพฤติกรรมจาก โซซิโอเดิมอย่างน้อย 2 คน ทางสโมสรถึงจะมีสิทธิพิจารณาคัดเลือกให้เป็นโซซิโอ คนใหม่ได้

จากโซซิโอ ราว 9 หมื่นคน จะมีการเลือกตั้งเพื่อหา สมาชิกจำนวน 2,000 คน เพื่อทำหน้าที่เป็น "ผู้แทน"

เพราะเวลาตัดสินใจอะไรสำคัญ การให้โซซิโอทั้ง 9 หมื่นคน มาร่วมกันโหวต ร่วมกันประชุม คนมันเยอะ ไม่คล่องตัว ดังนั้น จึงมีการโหวตย่อย ให้เหลือแค่ 2 พันคน เพื่อความคล่องตัวกว่า โดยกลุ่มผู้แทน จะทำงานวาระละ 4 ปี

หน้าที่สำคัญที่สุดของ กลุ่มผู้แทน คือการเลือกประธานสโมสร

ประธานสโมสร จะเป็นคนมีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาด และเป็นคนควบคุมการเงินทั้งหมดของทีม ถือเป็นหัวใจสำคัญของเรอัล มาดริด อย่างแท้จริง

การเลือกประธานสโมสร พอเลือกตั้งเสร็จแล้ว ประธานจะได้อยู่ในวาระละ 3 ปี

-----------------------------------

ในปี 1995 ฟลอเรนติโน่ เปเรซ วิศวกรวัย 48 ปี ชาวเมืองมาดริด มีไอเดียอยากจะลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นประธานสโมสร

ในอดีต เปเรซเคยเล่นการเมืองอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ล้มเหลว เขาจึงหันไปทำธุรกิจเต็มตัว โดยเปิดบริษัทก่อสร้างชื่อ ปาโดรส ซึ่งก็ถือว่า ประสบความสำเร็จพอสมควรทีเดียว

ตัวเปเรซนั้น เป็นโซซิโอ มาหลายสิบปี เขาคิดอยู่เสมอว่า เรอัล มาดริด สามารถพัฒนาได้ไกลกว่านี้ เพราะทีมมีศักยภาพพอ ที่จะเป็นสโมสรเบอร์หนึ่งของโลกได้ เพียงแต่ต้องมีฝีมือการบริหารจัดการที่ถูกต้อง

แต่ปัญหาของเปเรซคือ เรอัล มาดริด มีประธานสโมสรคนเดิมที่ชื่อ ราม่อน เมนโดซ่า ซึ่งทรงอำนาจมากๆ

เมนโดซ่า เป็นประธานมา 3 สมัยติดต่อกัน และในปี 1995 เขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 4

ผลงานของเมนโดซ่า คือพามาดริด คว้าแชมป์ลีก 5 สมัยติดต่อกัน เขาสร้างเครดิตไว้อย่างเหนียวแน่นมากๆ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ท้าชิง จะมาโค่นล้มบัลลังก์ ประธานสโมสร

เมนโดซ่า มีคู่หูคนสำคัญคือ โลเรนโซ่ ซานซ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสโมสร สองคนนี้ คือ 2 คีย์แมนที่กุมอำนาจเรอัล มาดริด

เมนโดซ่าหน้าฉาก ส่วนซานซ์คุมหลังฉาก พามาดริด ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม เปเรซ ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าของธุรกิจ เขามองว่าปัญหาของมาดริด ที่ไม่สามารถโตได้มากกว่านี้ คือ สโมสรไม่มีไอเดียทางธุรกิจ

เมนโดซ่า กับซานซ์ อาจมีแนวคิดที่ดีในการทำทีมฟุตบอล แต่เขาหาเงินไม่เป็น ในปี 1995 มาดริด ไปเที่ยวกู้เงินยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อเอามาบริหารสโมสร และซื้อนักเตะ จนมีหนี้สินรวมกันมากถึง 14,000 ล้านเปเซต้า (หรือ 84 ล้านยูโร ในปัจจุบัน)

ดังนั้น แคมเปญ ในการหาเสียงของเปเรซ คือชูนโยบายปลดหนี้ให้สโมสร ถ้าสโมสรยังติดตัวแดงแบบนี้ ก็อย่าหวังว่าจะเติบโตได้เลย มีเงินเท่าไหร่ ก็ต้องใช้หนี้ธนาคารหมด

เราจะเห็นได้ว่า เปเรซ มีความห่วงใยสโมสรจากใจจริง เขาเห็นปัญหาอย่างชัดเจน และรู้ว่าจะปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด

ขณะที่แคมเปญการหาเสียงของแชมป์เก่า เมนโดซ่า เขาไม่พูดเรื่องหนี้สินเลย แต่ชูนโยบาย พาเรอัล มาดริด เป็นแชมป์ยุโรปให้ได้ หลังจากรอคอยถ้วยใบนี้ตั้งแต่ปี 1966

นักเตะตัวดังๆ อย่างดาวอร์ ซูเคอร์ และ เปแดร็ก มิยาโตวิช จะถูกซื้อเข้ามา รวมถึงจะพยายามเจรจาคว้าฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือแชมป์ยุโรปของเอซี มิลาน มาเป็นกุนซือคนใหม่ด้วย

เพื่อเป้าหมายหนึ่งเดียวที่แฟนๆรอคอย คือการได้ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

เมนโดซ่า และ โลเรนโซ่ ซานซ์ ต้องการซื้อบิ๊กเนมเข้ามาสู่ทีม แต่ไม่ได้บอกว่าจะหาเงินมาจากจากไหน ฟังดูเหมือนเป็นนโยบายประชานิยมมาก

ผลสรุปการเลือกตั้งในปี 1995 ผู้ชนะคือ ประธานสโมสรคนเดิม เมนโดซ่า ชนะเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน

ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ที่ออกนโยบายปลดหนี้ แพ้กระจุย 699 คะแนน เรียกได้ว่าคนละชั้น สู้กันไม่ได้เลย

ทั้งๆที่นโยบายของเปเรซ ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง สโมสรไม่สามารถกู้หนี้ยืมสินไปเรื่อยๆได้ มันต้องมีการบริหารทางการเงินเพื่ออนาคตระยะยาว เขาเป็นเจ้าของบริษัท ดังนั้นจึงเข้าใจเรื่องนี้ดี

แต่ ปัญหาคือ แนวคิดของเปเรซมันไม่ดึงดูดกลุ่มผู้ลงคะแนนเสียง แฟนฟุตบอลมีไม่กี่คนหรอก ที่จะมองถึงระยะยาว พอเจอคำสัญญาว่าจะซื้อบิ๊กเนม เจอคำสัญญาว่าจะก้าวไปถึงแชมป์ยุโรป คะแนนเสียงเลยเทไปให้เมนโดซ่าแบบเต็มๆ

เปเรซ พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง แค่ความรักสโมสรอย่างเดียวมันไม่พอจริงๆ

------------------------------------

หลังได้รับการเลือกตั้ง ประมาณ 1 ปีเศษ เมนโดซ่า ประกาศอำลาสโมสรจากปัญหาส่วนตัว นั่นทำให้ลอเรนโซ่ ซานซ์ มือขวาของเขา ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานสโมสรแทน

ซานซ์ ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนๆ เมื่อดึงซูเคอร์ กับ มิยาโตวิชเข้ามาได้จริงๆ แม้สโมสรจะมีงบไม่พอในการซื้อผู้เล่น ติดหนี้ตัวแดงแค่ไหน แต่เขาก็ไปหาเงินมาซื้อจนได้ คือแม้วิธีการจะไม่ได้ทำตามขั้นตอน แต่เขาก็รักษาคำพูดจริงๆ

ในที่สุด เรอัล มาดริด ก็สามารถคว้าแชมป์ยุโรปที่รอคอยได้สำเร็จ ในปี 1998 ตามด้วยแชมป์อีกครั้งในปี 2000

โลเรนโซ่ ซานซ์ รักษาสัญญากับแฟนๆ นั่นทำให้การเลือกตั้ง หาประธานสโมสรในปี 2000 เขามั่นใจเต็มเปี่ยม ว่าตัวเองไม่พลาดแน่ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานอีกสมัยแน่นอน

------------------------------------

ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ที่ติดตามสถานการณ์ทางการเงินของทีมอยู่ตลอด รู้ดีว่า เรอัล มาดริด กำลังจะวิบัติแล้ว

จากเดิมติดหนี้ธนาคาร 84 ล้านยูโร ในปี 1995 อีก 5 ปีต่อมา หนี้ของเรอัล เพิ่มเป็น 218 ล้านยูโร

ถ้าปล่อยให้ซานซ์ เป็นประธานอีกสมัย สโมสรอาจล้มละลายได้เลย

การล้มละลายคือ สโมสรไม่เหลือเงินในมือ และไม่มีใครให้กู้เพิ่มเพื่อเอามาหมุน นั่นแปลว่าต้องขายนักเตะที่มีอยู่ เพื่อเอามาจ่ายหนี้

และถ้ามาดริดไม่เหลือสตาร์ แล้วต้องมาเจอกับบาร์เซโลน่า คิดหรอว่าจะรอด อาจโดนถล่มยับจนดูไม่จืดเลยก็ได้

ถ้ามีวันนั้นจริงๆ เปเรซในฐานะแฟนเรอัล มาดริด เขาเองก็คงทนไม่ได้

ดังนั้น เปเรซ วัย 53 ปี จึงกลับมาอีกครั้ง เพื่อลงสมัครเลือกตั้งเป็นประธานเรอัล มาดริด แข่งขันกับโลเรนโซ่ ซานซ์

ซานซ์นั้นอยู่ในสถานะลอยตัว เขามีผลงานที่จับต้องได้คือแชมป์ยุโรป ส่วนเปเรซนั้นไม่ใช่คู่แข่งอยู่แล้ว คราวที่แล้ว ที่แข่งกับเมนโดซ่า ก็แพ้ขาดตั้ง 699 คะแนน คือจะเอาอะไรมาสู้ล่ะ ไอเดียปลดหนี้ให้สโมสร มันซื้อใจโซซิโอไม่ได้หรอก

แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือคราวนี้ เปเรซ ทำการบ้านมาดีมาก

เขายังยืนหยัดกับแนวคิดปลดหนี้ให้ทีม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ นโยบายประชานิยม

ในการหาเสียงเปเรซประกาศชัดเจนว่า ถ้าหากเขาได้รับเลือก เขาจะซื้อหลุยส์ ฟิโก้ มาจากบาร์เซโลน่า หรือถ้าหากการซื้อไม่สำเร็จ เขาจะควักเงินส่วนตัว จ่ายเงินตั๋วปีให้โซซิโอทั้งสโมสร

นี่เป็นนโยบายที่คลั่งมากๆ ค่าเฉลี่ยตั๋วปีของเรอัล มาดริด อยู่ที่ราว 1,000 ยูโร มันแปลว่า เปเรซต้องจ่ายเงินถึง 90 ล้านยูโร เพื่อคำสัญญาของตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีประธานสโมสรคนไหน กล้าทำขนาดนี้

แต่ทุกคนเชื่อว่า เปเรซ ทำได้จริงแน่ เพราะเขาเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ เงิน 90 ล้านยูโร ไม่ได้เยอะเกินไป สำหรับเปเรซ

ส่วนอีกคำสัญญาหนึ่ง คือการซื้อหลุยส์ ฟิโก้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะเชื่อ

ฟิโก้ คือนักเตะเบอร์ 1 ของบาร์เซโลน่า ณ ขณะนั้น เขาอายุ 27 ปี อยู่ในช่วงพีกของอาชีพ แถมผลงานก็โดดเด่น ช่วยบาร์ซ่าได้แชมป์ลาลีกา มา 2 สมัยซ้อน

มันเป็นดีล ที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง นอกจากมาดริด จะได้เสริมตัวผู้เล่นชั้นดีแล้ว ยังเป็นการตบหน้าฉาดใหญ่ ใส่คู่อริตลอดกาล อย่างบาร์ซ่าด้วย คงไม่มีอะไรสะใจแฟนๆมาดริดได้ขนาดนี้

การทำการบ้านมาดี มีนโยบายที่โดนใจ และความจริงใจที่มอบให้สโมสร นั่นทำให้การเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม ปี 2000 คนที่ชนะ คือฟลอเรนติโน่ เปเรซ

หลังจากพ่ายแพ้เมื่อ 5 ปีก่อน เขาคัมแบ็กกลับมา หักปากกาเซียนของทุกคน แล้วขึ้นสู่บัลลังก์ ประธานสโมสรอย่างยิ่งใหญ่

และเมื่อเปเรซ ขึ้นเป็นประธานสโมสร เขารักษาสัญญาที่ให้ไว้ทุกอย่าง

เริ่มจากค่อยๆปลดหนี้ให้สโมสร เขาตัดสินใจขายสนามซ้อม ซิอูดัด ดิปอร์ติว่า ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ให้กับรัฐบาลสเปน ทำเงินได้ 353 ล้านยูโร เอาไปชำระหนี้สินคั่งค้าง

โดยส่วนต่าง เอาไปสร้างสนามซ้อมที่อยู่ชานเมืองออกไปเล็กน้อย นอกจากนั้นยังเหลือเงินก้อนเอามาซื้อนักเตะอีกด้วย

ขณะที่สัญญาประชาคม ที่เขาจะซื้อหลุยส์ ฟิโก้ เขาก็ทำได้จริงๆ ฟิโก้ฉีกสัญญาบาร์ซ่า ซบมาดริด ด้วยค่าตัว 62 ล้านยูโร เป็นสถิติโลก

เปเรซ ได้รับบทเรียนจากการเลือกตั้งในปี 1995 ว่า แม้จะมีเจตนาดีแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดแล้ว นโยบายประชานิยม มันก็ยังคงสำคัญอยู่

สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แน่นอนคงมีจำนวนไม่น้อย ที่เลือกเพราะผู้สมัครเพราะเจตนารมณ์อันแข็งแกร่ง แต่ก็คงมีอีกส่วนหนึ่ง ที่เลือกเพราะ "เขาจะได้อะไร" จากผู้สมัครคนนี้

การนำเอานโยบายที่หวือหวา มาผสมผสานกับความจริงใจในการกอบกู้สโมสร นั่นคือคีย์สำคัญที่ทำให้ เปเรซ ชนะการเลือกตั้งในที่สุด

และ อาณาจักรความยิ่งใหญ่ของราชันชุดขาวก็เริ่มต้นขึ้นจากวันนั้นเอง

------------------------------------

เราจะเห็นได้ว่า แม้แต่ประธานสโมสรผู้ทรงอำนาจอย่างฟลอเรนติโน่ เปเรซ ครั้งหนึ่งก็เคยพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 5 ปี เขาได้เรียนรู้ ว่าตัวเองพลาดตรงไหน และต้องทำอย่างไร ถึงจะสามารถเป็นผู้ชนะได้

ในทุกๆการเลือกตั้ง แน่นอน มันต้องมีคนแพ้คนชนะ โดยคนที่พ่ายแพ้ ก็ต้องไปทำการบ้านหนักขึ้น เพื่อตอบคำถามให้ได้ว่า ไปพลาดที่ตรงไหน ทำไมผู้มีสิทธิถึงเลือกอีกฝ่ายมากกว่า

ส่วนฝ่ายที่ชนะ ก็ต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเองเช่นกัน เพราะทันทีที่หยุดนิ่ง และเปิดจุดอ่อนเมื่อไหร่ให้คู่ต่อสู้โจมตี ความนิยมจะลดลงอย่างรวดเร็ว จากผู้ชนะก็สามารถพลิกเป็นแพ้ได้เช่นกัน

ดังนั้น การเลือกตั้งทุกครั้งไม่เคยเป็นจุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่

ยอมรับ เรียนรู้ และ ทำความเข้าใจ

สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ โลกนี้ไม่มีใครแพ้ หรือชนะไปได้ตลอดกาล

#FlorentinoPEREZ

CR เพจวิเคราะห์บอลจริงจัง


อยากให้ถึงซัมเมอร์เร็วๆละ อยากดูว่าแกจะกดอัลติขนาดไหน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 59130
ที่อยู่: แร่รอน...ไปทั่ว...ไม่มีที่อยู่
โพสเมื่อ: Mon Mar 25, 2019 21:48
ถูกแบนแล้ว
[RE: [Florentino Perez] ชายผู้ยอมรับและเรียนรู้]
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 634
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 25, 2019 22:10
[RE: [Florentino Perez] ชายผู้ยอมรับและเรียนรู้]
Perez = Good

Perez+Zidane = Very good!!

Hala Madrid~
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Sep 2017
ตอบ: 2976
ที่อยู่: ประเทศไทย
โพสเมื่อ: Mon Mar 25, 2019 22:53
[RE: [Florentino Perez] ชายผู้ยอมรับและเรียนรู้]
เมนโดซ่า เป็นประธานที่ดีมากๆคนหนึ่งเลย ทำมาดริดยุคไร้เงินไร้สตาร์ข่มบาร์ซ่ายุคเจ้าบุญทุ่มได้แบบเรียบวุธ รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฟุตบอลทั้งเรื่องนักเตะหรือโค้ชที่เหมาะสมกับทีม แต่ข้อเสียคือแทบไม่รู้เรื่องธุรกิจเลย มาดริดใกล้ล้มละลายมากๆช่วงนั้น ถ้าปี1998 ไม่ได้แชมป์ยุโรปคงต้องขายสตาร์ในทีมแน่ๆ

อ่านบทความแล้วทำให้นึกถึงนัดชิงกับยูเว่เลยปีนั้นเลย เป็นรองยูเว่ทุกอย่าง สู้ด้วยใจล้วนๆ นัดนั้นทำให้ได้มาดริดดิสต้าอย่างน้อยเพิ่มไปอีกหนึ่งคน (แก่จังว่ะ )
5
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status: Inside of Estadio Santiago Bernabeu (Lateral Esto)
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Aug 2010
ตอบ: 9416
ที่อยู่: With Yukino
โพสเมื่อ: Tue Mar 26, 2019 05:24
[RE: [Florentino Perez] ชายผู้ยอมรับและเรียนรู้]
ไม่มีอะไรสะใจเท่าได้ฟิโก้มาแล้วหละ 55555
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel