ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงกรณีที่พรรคการเมืองหลายพรรคออกนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และพรรคเพื่อไทยชูนโยบายตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหมร้อยละ 10 เพื่อตั้งกองทุนสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ ว่า หน้าที่ปกป้องประเทศเป็นหน้าที่ของทุกคน และการเกณฑ์ทหารเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของชายไทยทุกคน เพื่อเป็นการเตรียมการรับมือกับภัยสงคราม ซึ่งปัจจุบันอัตราการเกณฑ์ทหารจะเกณฑ์เท่าความจำเป็นของกำลังพลเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีการเตรียมการไว้ต่อต้านทางการเมือง เพราะกระทรวงกลาโหมก็ต้องปฏิบัติตามรัฐบาลอยู่แล้ว

ส่วนที่หลายพรรคการเมืองเสนอนโยบายลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรีระบุว่า ต้องไปดูกระทรวงอื่นประกอบด้วย เพราะเรื่องงบประมาณก็ถูกพิจารณาผ่านคณะกรรมการ การจะหาเสียงหากจะเอาแค่สนุกปากไม่นึกถึงประเทศชาติจะต้องรับผิดชอบในวันข้างหน้า หากเกิดอะไรขึ้น

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า สิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ได้ทำมาตลอด 5 ปีได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ เพียงแต่ติดตรงที่ที่มาของตนว่าหากมาจากเลือกตั้งได้จะดีกว่านี้ ดังนั้นหากมีคนสนับสนุนให้ตนได้ทำต่อก็ต้องขอบคุณ อะไรที่สามารถทำเพื่อประเทศได้ก็ยินดีที่จะทำขึ้นอยู่กับว่าประชาชนจะเลือกหรือไม่ แต่วันนี้ยังไม่ใกล้เลือกตั้งก็มีการหาเสียงถล่มด่ารัฐบาลกันทุกพรรคการเมือง ทั้งที่ส่วนตัวอยากให้ประเทศสงบสุขเพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เพราะถ้าไม่สามารถทำวันนี้ให้สงบได้วันหน้าก็ต้องเกิดขึ้นอีก เหมือนกับที่คนบางคนที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศเป็นอย่างมากแต่ทุกวันนี้ประชาชนก็ยังฟังเขาอยู่ คนเราต้องรู้จักเรียนรู้ทุกอย่างอยู่ที่มือของประชาชน

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ ยังปฏิเสธการตอบคำถามถึงเพลงกระแสดังในโลกโซเชียล โดยระบุว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ ยังไม่ฟัง โดยก่อนที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าว นายกรัฐมนตรีได้มีการตรวจดูคำถามของสื่อมวลชน พร้อมเปรยออกมาว่าช่วงนี้คำถามดุเดือดทุกวัน

ส่วนประเด็นการใช้สารเคมีพาราควอต นายกรัฐมนตรีบอกว่า รัฐบาลมุ่งหวังให้มีการยกเลิกในอนาคต แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการวัตถุอันตรายเป็นผู้กำหนด แต่ได้กำชับว่าจะต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ อีกทั้งรัฐบาลต้องเดินหน้าตามแผน เพื่อนำไปสู่การลดละเลิกการใช้สารเคมีอันตราย ให้เร็วที่สุด

สำหรับร่างพระราชบัญญัติข้าว เป็นกฎหมายที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอเข้ามา ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลเสนอ แต่ได้ร่วมพิจารณาเนื่องจากเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งรัฐบาลได้พิจารณาและส่งกลับโดยให้ปรับแก้ประเด็นที่มีปัญหาทั้งหมด ขอยืนยันในเจตนารมณ์ ของกฎหมายว่าต้องการดูแลเกษตรกรเพื่อไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ และไม่มีผลกระทบกับเกษตรกร.

https://www.instagram.com/p/BuBD64TAbeu/?utm_source=ig_embed&utm_campaign=embed_video_watch_again

Cr. https://www.one31.net/news/detail/8435

ก็ได้รับการยอมรับมากจริงไหม ก็จริงนะ

สังเกตุจากตอนแรก ที่สำนักข่าวอเมริกัน ไม่ใช้คำว่า Prime Minister ด้วยซ้ำ
ใช้คำว่า ผบ.ทหารบก ผู้ปฏิวัติ

แต่ต่อมาก็เสียงอ่อนลง ล่าสุดก็มาเป็น PM (นายก)

รวมทั้งเชิญไปร่วมประชุมระดับโลกต่างๆ

อันนี้ลองมองจากไทม์ไลน์แรกตั้งแต่แกเข้ามาเลยนะ ตอนแรกนี่แอนตี้หนักมาก

พอเริ่มอยู่ไป ก็เออเข้าที่ ต่างประเทศก็ยอมรับมากขึ้น

อันนี้ไม่ได้ชมว่าฝีมือแกนะ แต่มองว่าเป็นธรรมดาที่มีรัฐบาลจากการปฏิวัติแล้วต่างชาติต้องมองเรื่องความนิ่งเป็นปกติ เพราะรัฐบาลที่ปฏิวัติมามันจะไม่ค่อยมีเสถียรภาพ

พออยู่ไปนานๆ เออ.. คนบ้านเราก็เงียบๆ ไม่หือไม่อือ (เออ..สิวะ)

ต่างชาติก็ยอมรับมากขึ้น ไม่ได้ยอมรับเรื่องนายกนะ แต่ยอมรับว่าประเทศเราไม่ได้ล่มสลาย หรือดิ่งลงเหวหลังปฏิวัติ

อย่างล่าสุดเรื่อง ฮาคีม ก็เห็นละว่าทั้งทูต และระดับสูงของต่างประเทศเชื่อฝีมือ และไว้ใจในภาครัฐของเรา

สรุปก็คือ มันเป็นเรื่องปกติอะนะ ลุงจะเคลมว่าผลงานลุงก็ได้
หรือจะมองว่ามันเป็นเรื่องทั่วๆไป ของประเทศที่เข้าที่เข้าทางก็ได้

แต่ยังไงค่ายฝั่งเสรีนิยมมากๆเช่น US , EU ก็ไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติอะไรแบบนี้อยู่แล้วหละ เพียงแต่ช่วงนี้ทางนั้นก็อ่อนแอลง (เรื่องสินค้านำเข้า ส่งออก) อะไรอลุ่มอล่วยได้ก็เอา

ครับ

ยิ่งพูดมากเท่าไร ยิ่งตัดสินใจง่ายมากขึ้นเท่านั้น

ประเทศไหน?
จีนมหามิตร?
อเมริกา เพื่อนรัก?

โหหหหหหหหหหห ไม่รู้เลยนะเนี่ยลุง

ึึุคนในประเทศยอมรับไหมละเฮ้ย

ก็ได้รับการยอมรับมากจริงไหม ก็จริงนะ

สังเกตุจากตอนแรก ที่สำนักข่าวอเมริกัน ไม่ใช้คำว่า Prime Minister ด้วยซ้ำ
ใช้คำว่า ผบ.ทหารบก ผู้ปฏิวัติ

แต่ต่อมาก็เสียงอ่อนลง ล่าสุดก็มาเป็น PM (นายก)

รวมทั้งเชิญไปร่วมประชุมระดับโลกต่างๆ

อันนี้ลองมองจากไทม์ไลน์แรกตั้งแต่แกเข้ามาเลยนะ ตอนแรกนี่แอนตี้หนักมาก

พอเริ่มอยู่ไป ก็เออเข้าที่ ต่างประเทศก็ยอมรับมากขึ้น

อันนี้ไม่ได้ชมว่าฝีมือแกนะ แต่มองว่าเป็นธรรมดาที่มีรัฐบาลจากการปฏิวัติแล้วต่างชาติต้องมองเรื่องความนิ่งเป็นปกติ เพราะรัฐบาลที่ปฏิวัติมามันจะไม่ค่อยมีเสถียรภาพ

พออยู่ไปนานๆ เออ.. คนบ้านเราก็เงียบๆ ไม่หือไม่อือ (เออ..สิวะ)

ต่างชาติก็ยอมรับมากขึ้น ไม่ได้ยอมรับเรื่องนายกนะ แต่ยอมรับว่าประเทศเราไม่ได้ล่มสลาย หรือดิ่งลงเหวหลังปฏิวัติ

อย่างล่าสุดเรื่อง ฮาคีม ก็เห็นละว่าทั้งทูต และระดับสูงของต่างประเทศเชื่อฝีมือ และไว้ใจในภาครัฐของเรา

สรุปก็คือ มันเป็นเรื่องปกติอะนะ ลุงจะเคลมว่าผลงานลุงก็ได้
หรือจะมองว่ามันเป็นเรื่องทั่วๆไป ของประเทศที่เข้าที่เข้าทางก็ได้

แต่ยังไงค่ายฝั่งเสรีนิยมมากๆเช่น US , EU ก็ไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติอะไรแบบนี้อยู่แล้วหละ เพียงแต่ช่วงนี้ทางนั้นก็อ่อนแอลง (เรื่องสินค้านำเข้า ส่งออก) อะไรอลุ่มอล่วยได้ก็เอา

ช่วงนี้ลูกอ้อนมารัวๆ

อือหือๆ อือๆ เยสๆ

เค้ายอมรับ

หรือลุงฟังเค้าไม่รู้เรื่อง

คนในประเทศ บางส่วนยังไม่ยอมรับลุงเลย

ถ้ายังมีสีต่างๆ ไม่ว่าใครขึ้นมา สีตรงข้ามก็ไม่เอาอยู่ดี

เพ้อเจ้อ

5555555555555

ลงหนังสือtime
เขาก็ตราหน้าว่าเป็นdictatorไม่ใช่หรือ