มาร์เซโล่ บิเอลซ่า คือโค้ชที่ค้นพบ กาเบรียล บาติสตูต้า และเขานี่แหละคือพ่อในโลกลูกหนังของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
.
เมื่อวานนี้ผู้จัดการทีมลีดส์ ยูไนเต็ด ตั้งโต๊ะแถลงข่าวด่วน ไม่ได้ลาออก แค่มาชี้แจงกรณีสายลับลูกหนังที่โดนจับได้ในสนามซ้อมดาร์บี้

"เอล โลโก้" (คนบ้า) รับว่าเป็นเรื่องจริง ที่จริงยิ่งกว่านั้น ทีมงานของเขาต้องดูดาร์บี้ซีเล่นฤดูกาลที่แล้วทั้ง 51 นัด หาข้อมูลมาวิเคราะห์ และที่ออกมาแถลงข่าว เพื่อตัดรำคาญ วันรุ่งขึ้น (วันนี้) จะได้พูดแค่เรื่องเกมนัดต่อไปกับสโต๊ค

ไม่ใช่เรื่องแปลกตอนไปสัมภาษณ์งานเมื่อปี 1997 บิเอลซ่า หอบ 51 ม้วนวิดีโอเทปไปเปิดให้ตัวแทนของ เบเลซ ซาร์สฟิลด์ ดูประกอบการอธิบายวิธีทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นจากเดิม

ความละเอียด ช่างวิเคราะห์เป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เด็ก

ที่บ้านปู่มีห้องสมุดส่วนตัว มีหนังสือให้อ่าน 30,000 เล่ม เขาสมัครสมาชิกนิตยสารกีฬาทั่วโลกถึง 40 ฉบับ สามารถอ่านได้ทั้งสแปนิชและอิงลิช แม่ให้ลงเรียนพิเศษภาษาอังกฤษถึง 15 ปี

เรื่องสอบสวนที่สนามซ้อมดาร์บี้ก็ว่ากันไป

บิเอลซ่า มีพื้นฐานมาจากครอบครัวนักกฎหมายและนักการเมือง เขาอ่านกฎหมายอย่างละเอียดยังไงก็ไม่ผิด

หากจะผิดมารยาท เพราะวัฒนธรรมลูกหนังต่างกันก็อีกเรื่องหนึ่ง หวังว่าคงไม่เลยเถิดไปถึงการตัดแต้ม
.
ฉายา "เอล โลโก้" ได้มาเพราะพฤติกรรมสุดขั้ว

บางครั้ง เป็นพี่ใหญ่อารมณ์ร้อน คุณครูเจ้าระเบียบ ศาสตราจารย์สติเฟื่อง (อย่างที่เห็นเมื่อวานนั่นแหละ)

บางเวลา สวมบทพ่อใหญ่ใจดี นักบุญผู้เสียสละ

ปีก่อน บิเอลซ่า บริจาคเงิน 4 ล้านยูโรให้ นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ สร้างโรงแรมฮอร์เก้ กริฟฟา (ตั้งชื่อตามอดีตนักเตะและโค้ชเยาวชนของสโมสร)

"ไม่ใช่การให้ของขวัญ เป็นผมเองที่ใช้หนี้คืนสโมสร"

นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ คือที่แรกของเขาทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช

โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในศูนย์ฝึกซ้อมสโมสร เปิดใช้เมื่อพ.ย.ปีก่อน มีสิ่งอำนวยความสะดวกเตรียมไว้ให้นักเตะครบครัน ทั้งห้องเล่นเกมและระเบียงสำหรับปิ้งบาร์บีคิวเนื้อ (อาร์เจนตินาสวรรค์ของคนชอบกินเนื้อ)
.
ความเป็นผู้ชายหลายอารมณ์ของ บิเอลซ่า เหมาะมากๆ กับงานคุมทีมยูงทอง เพราะว่าลีดส์เป็นเมืองที่มีหลายบุคลิก

ต้นยุค 1980 คือช่วงมืดมนของทั้งสโมสรและเมือง

ลีดส์ตกชั้นไปเล่นดิวิชั่น 2 ถึง 8 ฤดูกาล (1982/83 ถึง 1989/90) แต่อิทธิพลของทีมจากยุค ดอน เรวี่, บิลลี่ เบรมเมอร์ รวมทั้งคนทำหนังสือบอลนอกยุคบุกเบิกในบ้านเรา หลายคนเป็นแฟนลีดส์ ทำให้ได้อ่านเรื่องสโมสรแห่งนี้เป็นประจำ

เมืองลีดส์อยู่ในยอร์คเชียร์ ย่านสำคัญอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหิน พิพิธภัณฑ์เหมืองถ่านหินของอังกฤษตั้งอยู่ในยอร์คเชียร์ใต้

ช่วงที่ฮูลิแกนครองเมือง ปฎิเสธไม่ได้ผลกระทบหลักมาจากเหมืองถ่านหินเกือบทั้งหมดถูกปิด

เหมืองใหญ่สุดท้ายในเมืองลีดส์ปิดตัวลงเมื่อปี 1986 ตอนนั้นทั้งประเทศอังกฤษมีคนตกงานเกือบ 3 ล้านคน

พอมีปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคมตามมา อันธพาลลูกหนังระบาดในยุค 1980 เยอะมาก

แฟนลีดส์มีชื่อเสียเรื่องความรุนแรงและการเหยียดผิว เมืองนี้คืออีกหนึ่งฐานที่มั่นสำคัญของ National Front พรรคการเมืองขวาตกขอบ คลั่งฟาสซิสต์ เกลียดคนต่างชาติที่เข้ามาแย่งงานคนอังกฤษ (โทษไปเรื่อย ความจริงงานหลายอาชีพคนอังกฤษไม่ยอมทำเอง) บางกลุ่มเลยเถิดไปถึงขั้นบูชาลัทธินีโอนาซี

แฟนยูงทองรุ่นเยาว์ในวันนั้น ปัจจุบันเป็นผู้ใหญ่เข้าหลักสี่กันหมดแล้ว แต่ความเกลียดชังในอดีตถูกส่งจากรุ่นสู่รุ่น

ไม่ชอบชาวต่างชาติ ทำร้ายวัยรุ่นเอเชีย พ่นสเปย์กราฟฟิตี้ไล่คนต่างศาสนากลับบ้าน

อีกด้านหนึ่งลีดส์เป็นเมืองที่มีนักศึกษาต่างชาติไปเรียนกันเยอะ นอกจากชื่อเสียงของสถาบันการศึกษา เทียบกับมาตรฐานเมืองอื่นของอังกฤษ ที่นี่ฝนตกไม่มาก

ปัจจุบันของลีดส์ แทบไม่เหลือความเป็นเมืองเหมืองเก่า ตอนนี้มีสำนักงานกฎหมายตั้งมากที่สุดนอกลอนดอน สถาบันการเงินหลายสิบบริษัทมาเปิดทำการที่นี่

ความไม่ลงรอยของคนเมืองลีดส์วัดได้จากตอน Brexit

มี 3 เมืองที่เฉือนกันแค่ปลายจมูก แพ้-ชนะเท่ากันที่ 0.3% แต่จำนวนผู้ใช้สิทธิ์เมืองลีดส์สูงกว่าวัตฟอร์ดและเชอร์เวลล์

ประชากรในลีดส์เสียงแตกแบ่งเมืองออกเป็นสองข้าง ผลโหวตออกมาสูสีที่สุดในสหราชอาณาจักร

Leave 49.7% (192,474 โหวต) Remain 50.3% (194,863 โหวต)

เสียงจากคนเหมืองเก่าที่เจ็บแค้นยังคงอยู่ จำมาจากในหนัง The Full Monty (1997) เล่าเรื่องได้เห็นภาพผลกระทบของโลกาภิวัตน์ ผู้ชายตกงานในยอร์คเชียร์ ไม่มีทักษะประกอบอาชีพอื่น หาทางรอดต้องมาทำงานเต้นระบำเปลื้องผ้า พวกประชดสังคมหนีไปเป็นฮูลิแกน

ปะทะกับเสียงคนรุ่นใหม่ที่ได้ประโยชน์จากปฎิรูปเศรษฐกิจจากยุค 1980

คงเป็นเพราะลีดส์กำพร้าอริลูกหนังทั้งในเมืองและแคว้นยอร์คเชียร์ ไม่มีตัวแทนสโมสรของคนรวย v คนจน หรือสโมสรที่มีพื้นฐานความเชื่อศาสนาต่างกัน

ท้ายสุดคนทุกกลุ่มในเมืองต้องใช้สโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด บำบัดเหมือนกัน

ผลงานมีลุ้นเลื่อนชั้นของลีดส์ฤดูกาลนี้ เกิดจากความสุดขั้วของ บิเอลซ่า

หลังจาก Brexit (เละเทะ) ในเมืองลีดส์ตอนนี้ ฟุตบอลทำหน้าที่กาวใจให้คนในเมืองหันมาสบตากัน เชื่อเหมือนกัน และมีความหวังในเรื่องเดียวกันได้
.
เป็นเรื่องของอนาคต มาร์เซโล่ บิเอลซ่า จะถูกแฟนลีดส์จดจำแบบไหน

ดอน เรวี่

ไบรอัน คลัฟ

หรือแบบของใครของมัน

ผู้จัดการทีมอย่าง มาร์เซโล่ บิเอลซ่า อย่าว่าแต่ลอกเลียน แค่ใกล้เคียงยังหาคนเหมือนแกลำบาก



โรงแรมฮอร์เก้ กริฟฟา สร้างจากเงินบริจาคของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า



โฮเวิร์ด วิลกินสัน นำลีดส์คว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 ฤดูกาล 1989/90 ฤดูกาลนั้น กอร์ดอน สตรัคคั่น เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีม ทำไป 18 ประตู

Credit : เพจ 1986 ของ (พี่หนุ่ม ธี อุทิศ คอลัมนิสต์สตาร์ ซ็อคเกอร์)

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2064934770261678&id=1460680384020456&__tn__=K-R

ใช่ที่เคยคุมบิลเบาไหม

มันคือการ สเก๊าทีม ปะครับ เหมือนใน Fm ที่เราส่งไปดูทีมคู่ต่อสู้นัดต่อไป ผม งง

ส่วนใหญ่เค้าจะส่งไปดูพวกเกมอุ่นเครื่องหรือนัดแข่งปกติมากกว่านะ

แต่นี่ บิเอลซ่า ส่งไปแอบดูตอนซ้อมเลย ซึ่งไม่ผิดกฏ

แต่อาจจะเสียมารยาท ที่สำคัญสายลับโดนจับได้อีกต่างหาก

http://www.soccersuck.com/boards/topic/1722693

ใช่ครับ

ประเด็นมันอาจจะไม่รุนแรงนะ ถ้าแบบยอมรับความจริงแค่นั้นพออ่ะ

แต่นี่มันอหังการเกินไป มีการเอามาโชว์ให้ดูเฉยเลย ทำเพื่ออะไรก็ไม่รู้

เค้าภูมิใจในข้อมูลที่เก็บมาได้ครับ

คือบิเอลซ่ามองว่ามันอาจจะล่อแหลมเรื่องความเหมาะสม เพราะไม่งั้นก็เปิดเผยตัวไม่ต้องแอบดู
แต่เขามองว่าจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องปกติ(ของเขา) และบางคน บางทีมก็ทำ แต่ไม่โดนจับได้ ไม่เป็นข่าว

และเขาก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำอีก

เขาไม่ได้เอาข้อมูลที่ไปสอดแนมมาโชว์นะครับ เข้ามจว่าจะเขาไปยืนยันนักเตะตัวจริงมากกว่า(ซึ่งได้เปรียบเยอะพอควรเลย ถาสามารถรู้ได้ก่อนแข่ง)
เขาเอาข้อมูลของลีดส์ และ ทีมเล็กที่จะแข็งนัดถัดไปมาโชว์ ว่าเขาเอาการเล่นของลีดส์ 50นัด เอามาวิเคราะห์เป็นทีม เป็นรายบุคคล การแก้เกม จุดอ่อนจุดแข็งนิสัยของนักเตะแบบละเอียดหยิบมาให้ดู ทำแบบนี้กับทุกทีมที่แข่งด้วย
เหมิอนจะบอกว่าไปสปายเนี่ยจิ๊บๆ ไม่ได้เป็นงานหลักของสตาฟเขาเฉยๆมั้ง

เจ้าตัวพูดนะว่าเขารู้ว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็รู้ว่าไม่ผิดกฏหมายไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องถูก

น่าจะเป็นกลยุทธ์เล่นกับสื่อนะ ผมว่า แสบไม่เบา

ได้ข่าวว่าเปิดสัมมนาวิชาการไปหลายชั่วโมงเลย

กะว่า นักข่าวมาครั้งเดียวจบ ไม่ต้องถาม พูดถึงละนะ

บิเอลซ่าเป็นระดับปรมาจารย์แล้ว จริงๆแกดังมานานแล้ว ตอนคุมบิลเบาทำทีมเล่นสนุกมาก นัดเจอบาร์ซ่าต้องบอกว่าเป็นการปะทะกันในด้านแทคติคเพรสซิ่งที่ดีที่สุดที่เคยดูมาเลย จบเกมชาบี้ถึงกับบอกว่านี่คือนัดที่แกะเพรสยากที่สุดในชีวิต

แกได้ชื่อว่ายอดโค้ชดวงกุดเพราะฝีมือดีแต่ดวงไม่ดีตาม ชอบไปแพ้จุดโทษประจำ แถมหลังๆนี่ที่ทีมใหญ่ๆไม่เรียกใช้บริการแกก็เพราะความบ้าๆบอๆนี่แหละ ตอนคุมบิลเบาก็เคยไปมีเรื่องชกต่อยกับใครสักคนแถวๆนั้นด้วย เรียกว่าถ้าคิดจะให้แกคุมทีมก็ต้องคิดให้ดีๆว่ารับความบ้าของแกได้เปล่า