เนื้อหาข่าวไม่เห็นจะมีอะไรแต่ก็ยังจะแขวะกันได้อีกน๊อ

ต่างเหตุผลกันนะผมว่าไมมีใครถูกผิด ทำอาชีพตัวเองแล้วมีความสุขกับตัวเองก็ทำไปเถอะ แต่ถ้าโด้สัมภาษณ์ก่อนแบบนัั้นจริงๆ มันเหมือนไปก้าวก่ายการตัดสินใจของเมสซี่ไงก็ไม่รู้

โด้เองก็คงไม่อยากย้ายมาดริดเองก็ยอดทีม แต่ถ้าโด้ไม่ย้ายน่าจะจบไม่สวยเหมือนตำนานคนอื่นๆ เลือกที่จะไปน่าจะไปทางออกที่ดีที่สุด สวนเรื่องท้าทายแล้วแต่คนเลย ความท้าทายคนเราไม่เหมือนกัน ฝีเท้า ผลงานมันบอกทุกอย่างอยู่แล้ว

ผมว่าอารมณ์เหมือนเพื่อนชวนกินข้าวมากกว่า

ประมาณว่ามีร้านเด็ดที่กินกันประจำอยู่ร้านนึง แล้วบังเอิญโด้นึกอยากลองไปกินร้านอื่นบ้าง แล้วมันดันอร่อยไม่แพ้กัน เลยอยากให้เมสซี่ไปชิมเผื่อจะชอบกับรสชาติใหม่ๆ

แล้วเมสซี่ก็ตอบว่า "ไม่ล่ะ ฉันกินร้านนี้ก็อร่อยมากสำหรับฉันอยู่แล้ว นายไปกินเถอะ"

คิดแบบเพื่อนชวนเพื่อน ไม่น่าจะก้าวก่าย หรือผมก็อาจจะคิดตื้นไป

เห็นความต่างของการปฏิบัติของสโมสรกับสองคนนี้ม้้ยละครับ คนนึงต่อสัญญาใหม่สโมสรแทบจะประเคนให้ทันที อีกคนต่อสัญญาใหม่สโมสรอิดออดต่อรองจนทนไม่ไหวต้องขอย้าย มันอยู่ที่ความ loyalty ถึงพิสูจน์ว่าสโมสรจะปฏิบัติยังไงกับคุณ ดังนั้นก็อยู่ที่แต่ละคนจะเลือกว่าจะเป็นนักเตะแบบไหน

ไม่มีไรหรอก โด้ จะชวน เมส มาเล่นด้วยกัน ที่ ยูเว่ เท่านั้นแหละ อ่จจะเป็นแผน ของท่านประธาน ใช้โด้ เป็นสื่อถามทาง

ตอนนี้ ยูเว่ เปลี่ยน นโยบาย ทำการตลาดเน้น ซุปตาร์ มากขึ้น ซึ่ง จะส่งผลดี ต่อทั้งลีคกัลโช่

เงิบเรย อิอิ

ลองเข้าไปอ่านสัมภาษณ์เต็มแล้วครับ มันก้ำกึ่งนิดๆนะกับประโยคนี้ "I'd like it if he came to Italy one day. He should do like me and accept the challenge". ติดตรงคำว่า Challenge นี่แหละ แต่ก็ลูบหลังว่า But if he's happy there then I respect that: he's a fantastic footballer, a great lad แต่ถ้าไม่มาก็ไม่เป็นไรนะ ผมเคารพการตัดสินใจของเมสซี่ ไงเค้าเป็นนักเตะมหัศจรรย์อยู่แล้วล่ะ

ไม่มีคิดตื้นคิดลึกนะ ผมว่าแลกทัศนคติกันน่ะดีแล้วครับ อย่าไปเอาวลี มองลึก หรือวลีทิ่มแทงใจฝั่งตรงข้าม เหมือนกับว่าตัวเองคิดถูก ใครมาเถียงกลับต้องยกตนข่ม ผมไม่เห็นประโยชน์กับสิ่งเหล่านั้นเลย

โด้เอ้ย ทำมาเป็นปากดี อยากท้าทาย ที่เอ็งย้ายออกเพราะโดนเปเรสเบี้ยวเรื่องค่าแรง

ไม่ขึ้นให้ตามที่ขอ ตอนนั้นค่าแรงเมสเยอะสุด รองมาเป็นเนย์ ที่สามก็โด้

แต่โด้มันอีโก้ เปเรสมันก็ไม่ง้อ อย่าทำเป็นมาหาความท้าทายกับเทพเจ้าเมสซี่เลย

ไอ้มนุษย์โด้ อยู่ส่วนมนุษย์ไป เทพเค้าก็อยู่ส่วนเทพ

ทำงานอยู่บ้าน อยู่กับลูกกับเมีย

องค์กรที่ทำอยู่ใหญ่ระดับโลก ไม่ 1 ก็ 2

รายได้สูงมาก

เพื่อนร่วมงานดี มีความสามารถ

มีแต่คนเคารพ ยกย่อง บางทีเจ้านายยังแอบเกรงใจ(ฮา) มีเส้นทางในอนาคตต่อไปยันเกษียณ

ลองถามตัวเองดูว่าอยากเปลี่ยนแปลงมั้ยล่ะ

ผมว่าคนสไตล์นี้เยอะ แต่คนสไตล์โรนัลโดก็เยอะมากเหมือนกัน แล้วแต่คนชอบ

มุมมองของทั้งสองคนไม่ผิดเลย แค่ต่างมุมมอง

เมซซี่ก็ได้ชื่อว่าอยู่กับองค์กรที่ดีที่สุดในโลกแล้วก็ได้อยู่ในฐานะผู้นำองค์กรแห่งนี้ด้วย เป้าหมายของเมซซี่ก็คือ พัฒนาองค์กรนี้ยิ่งๆขึ้นไปด้วยความสามารถของเขาไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะทำไม่ไหว


ส่วนโด้ ก็พัฒนาทั้งองค์กรทั้งตัวเอง เมื่อถึงจุดที่เจ้าตัวเห็นว่าทุกๆอย่างมันเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรให้เขาต้องทำอีก หรือไม่ก็หมดความท้าทาย โดนแทงข้างหลังอะไรก็ว่าไป ก็ไปพัฒนาองค์กรอื่นต่อไป

แต่ทั้งสองคนให้เกียรติ์กันเสมอๆ นี่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ความเป็นอริถูกแสดงออกภายในสนามเท่านั้น

เราเป็นคนดูก็ถือว่าโชคดีแล้วที่เกิดทันยุค 2 ผู้ยิ่งใหญ่นี้

แค่มุมมองมองชีวิตต่างกัน ไม่มีใครถูกใครผิด

โด้ก็คือโด้ เมสซี่ก็เป็นเมสซี่

-โด้ไปโบค่า เมสไปลิ้วเพลท ท้าทายกว่าเยอะ

อยากให้เมสซี่บอกว่า ลิเวอร์พูลคือทีมในฝัน หวังได้เล่นให้

เออ กูก็ฝัน

กุขรรม เมสน้อย