สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝันสำหรับทีม "ช้างศึก" หลังทำได้เพียงเปิดบ้านสนามราชมังคลากีฬาสถาน เสมอกับ "เสือเหลือง" มาเลเซีย ไปด้วยสกอร์ 2-2 ตกรอบรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2018 ด้วยกฏอเวย์โกล ไปอย่างเจ็บแสบ ต่อหน้าแฟนบอล 46,157 คน

ก่อนออกศึกชิงจ้าวอาเซียน แม้จะไร้ 4 ขุนพลตัวเทพทั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และ ธีรศิลป์ แดงดา ที่ติดรับใช้สโมสรต้นสังกัดในต่างแดน

แต่นักเตะที่ถูกเรียกมาติดทีมชุดนี้ถือว่ามีคุณภาพ และมากด้วยประสบการณ์ในระดับนานาชาติทั้งสิ้น



นอกจากนี้ “หลายคน” กำลังโชว์ฟอร์มขึ้นหม้อให้กับต้นสังกัดในฟุตบอลลีกสูงสุดของบ้านเราอีกด้วย ทั้ง ฉัตรชัย บุตรพรม, ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, พรรษา เหมวิบูลย์, กรกช วิริยอุดมศิริ, ศศลักษณ์ ไหประโคน, สุมัญญา ปุริสาย หรือ ศุภชัย ใจเด็ด

ประกอบกับคู่ต่อสู้หลายทีมมีปัญหาภายในทีม อย่าง อินโดนีเซีย มีการเปลี่ยนโค้ชก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์

ส่วนทีมอื่นๆ อยู่ระหว่างช่วงผลัดใบใช้นักเตะอายุน้อยลงแข่งขันเพื่อเสริมกระดูกต่อยอดสู่อนาคต ทำให้หลายคนเชื่อว่าการออกศึกชิงแชมป์อาเซียนครั้งนี้ ไทย “เอาอยู่” แน่นอน

การออกสตาร์ทการแข่งขันนัดแรกด้วยจำนวนสกอร์ที่ถล่มทลาย ต่อด้วยการปลิดชีพคู่ปรับ "อิเหนา" ทำให้การันตีคำกล่าวข้างต้นได้เป็นอย่างดี

แต่หลังจากนั้นเราแทบไม่เห็นสิ่งที่แตกต่างจากโค้ชมิโล



ไล่ตั้งแต่การไม่ปรับเปลี่ยนแผนการเล่น และยึดนักเตะชุดเดิม ที่สำคัญกุนซือเลือดเซิร์บยังคงมั่นใจในระบบการเล่นของตัวเองไม่เปลี่ยนแปลงนั่นก็คือการ "เน้นเกมรับ" และรอจังหวะ "สวนกลับเร็ว" จนหลายทีมจับทางได้หมดแล้ว

จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่ "ช้างศึก" จะได้ประตูจากจังหวะสวนกลับเร็ว และลูกฟรีคิก หาใช่จังหวะเช็ตเกมรุกเจาะเข้าทำประตูอย่างสวยงามเหมือนดั่งเฮดโค้ชคนก่อนที่เคยทำให้ “ช้างศึก” ได้รับฉายา “บาร์ซ่า” แห่งอาเซียนมาแล้ว

ทั้งที่เหลือบสายตามองนักเตะแต่ละคนล้วนมีศักยภาพเล่นเกมรุกได้อย่างสะเด่าพอที่จะพา "ช้างศึก" คว้าแชมป์อาเซียนเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันได้อย่างไร้ปัญหา

ไม่ว่าจะเป็น ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่มีจุดเด่นตรงการเลี้ยงกินตัวและมีความดุดัน

ไหนจะ สุมัญญา ปุริสาย ที่พิสูจน์ให้เห็นทั้งในระดับสโมสรและเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมาว่าเขาอยู่ในระดับ “เกรดเอ” สามารถเป็นคีย์แมนในเกมรุกได้อย่างไร้ปัญหา น่าจะแบ่งเบาภาระของ สรรวัชญ์ เดชมิตร ได้ไม่มากก็น้อย



ทว่า "ราเยวัช" กลับยึดผู้เล่นอย่าง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่เล่นเป็นกองหลังตลอดทั้งฤดูกาลกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี ลงเล่นเป็นกองกลางตัวจริงทุกนัด ชนิดใครมาเบียดเป็นตัวสำรองแทบไม่ได้

ที่น่าผิดหวังสุดคือแท็คติคการเล่น "เกมรุก"

ก่อนทัวร์นาเมนต์ "ลุงมิโล" บอกว่าการเก็บตัวฝึกซ้อมครั้งนี้เขาได้อยู่กับนักเตะมากขึ้น ได้ใส่แท็คติคการเล่นให้นักเตะมากขึ้น ซึ่งแฟนบอลจะได้เห็นการเล่นที่แตกต่างออกไปจากเดิม



แต่ว่ามองยังไง “เกมรุก” ช้างศึก ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย นอกจากเล่นเกมรับและรอสวนกลับตำราเดิมจนได้รับฉายา “รถบัสแห่งอาเซียน” ไปแล้ว

ถึงตรงนี้ถ้าเปรียบเป็นการสอบ ก็เรียกได้ว่า ราเยวัช สอบตก อย่างสิ้นเชิง

จากนี้เหลือเวลาอีกเพียงราวๆ 1 เดือน ก่อนการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียจะเริ่มขึ้นในต้นปีหน้า ต้องมาดูว่า สมาคมฯ, ฝ่ายเทคนิค และทีมงานสตาฟฟ์โค้ชจะระดมสมองแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร

เพราะถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่า “ช้างศึก” เจอปัญหาทั้งเกมรับที่พร้อมจะเสียประตูทุกเมื่อ

ส่วนเกมรุกยังลูกผีลูกคน ไร้ไอเดีย อดิศักดิ์ ไกรษร ที่เหมือนจะเรียกความมั่นใจกลับมาได้ ก็ต้องมาขวัญกระเจิงเพราะการพลาดจุดโทษในเกมล่าสุด

ส่วนนักเตะทั้ง 3 คนจากเจลีก เจ, อุ้ม และมุ้ย ก็กรำศึกหนักมาตลอดฤดูกาล ไหนจะ "ตอง" กวินทร์ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนอีก ภาวนาว่าก่อนทัวร์นาเมนต์ทุกคนจะฟิต ไม่เจออาการบาดเจ็บเล่นงาน



จากแผนเดิมจะคว้าแชมป์อาเซียน เพื่อเรียกความมั่นใจ และเป็นการทดสอบผู้เล่น เพราะมั่นใจว่า “เอาอยู่” กับกลายเป็นว่าทุกอย่างกลับตรงกันข้ามพังไม่เป็นท่า

ต้องมาดูละครับว่ากุนซือที่เคยผ่านเวทีฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอย่าง ราเยวัช จะแก้หมากนี้ยังไงให้ "ช้างศึก" ผ่านรอบน็อคเอ้าท์ในศึกชิงแชมป์เอเชียให้ได้ตามโรดแมปที่วางไว้


เพราะว่านี่คือการสอบไฟน่อล ของ มิโลวาน ราเยวัช กับโจทย์พา “ช้างศึก” ก้าวผ่านอดีตและคำว่า “อาเซียน”

ถ้าผิดแผนไปจากนี้ก็คงต้องโบกมือ "บ๊าย บาย" ให้กับคุณลุงมิโลแล้วละครับ

เจอระดับอาเซียน ยังห่วย ไปเอเซีย คงเละ

อ้าววว... สมยศ ไม่อายแล้วเหรอ?

คือไม่ต้องไปแข่งกับใครแล้ว ...วนแข่งอยู่กับมาเล อินโด เวียด พม่า แค่นี้ก็พอ

เอ้าาา ยังอยู่อีก

"พ้นอาเซียน" อยากจะขำ แค่ตอนไปเล่นนอกบ้านแล้วยังมีทัศนคติไม่แพ้ไว้ก่อน ไม่ชนะชั่งมัน

แล้วค่อยกลับมาหวังชนะในบ้าน แบบนั้นมันใช้กับทีมที่อยู่ระดับเดียวกัน หรือทีมที่อยู่เหนือกว่า

รอผู้เล่นหลักๆกลับมาครบ แล้วมาดูกัน

คราวนี้ไม่มีข้อแก้ตัวแล้วนะ

Park the bus. Park the bus thailand team!!
Park the bus. Park the bus I say.
Park the bus. Park the bus thailand team!!
Playing football the Rajevac way...

ภารกิจพ้นอาเซียน?!! อยากจะหัวเราะเป็นภาษาเซอเบีย

เล่นรับก็รับไม่สุด นัดแรกที่ไม่เสียประดูไม่ใช่รับแน่น แต่โชคดีที่มาเลยิงไม่ได้เอง นัด 2 กองหลังก็โดนเจาะเหมือนนัดแรก เหมือนไม่ได้แก้ไขอะไรเลย

อยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้าได้ 4 ขุนพลกลับมา แกจะเล่นแผนยังไง... ถ้ายังจะเล่นแผนแบบเดิม บอกเลยว่า.... ไปเถอะลุง...

บอลโคตรโบราณ ไม่มีรูปเกมส์อะไรเลย อุดแล้วโยนๆๆๆๆ

ทั้งๆที่นักเตะแต่ละคนดูมีความสามารถ มีทักษะนะ แต่....

โอกาสสุดท้ายของลุงราเยวัช สำหรับการคุมทีมชาติไทย โดนเรียก รถบัสอาเซียน

แค่นี้ผมก็อายหนักแล้ว แข่งกับทีมอาเซียนยังบ้าเล่นรับขนาดนั้น อย่าได้คุมต่ออีกเลย

อยากถามความคิดของลุงราเยวัชว่า เบอร์ 1 อาเซียน ไม่มีความหมายอะไรกับเขาเลยเหรอ??

ถึงได้เล่นแผนรถบัสทุกทีม เกมรุกก็ไม่มีเขี้ยวอะไร มองไม่เห็นอนาคตของโค้ชคนนี้เลยจริงๆ

อยู่ในไทยมาก็นานมาก น่าจะรู้ว่าในอาเซียนควรเล่นยังไง เล่นให้สมชื่อเบอร์ 1 อาเซียน

ไม่ใช่มาเล่นรับซะขนาดนั้น เจอทีมไหนก็เล่นรับ ควรไปพิจารณาผีมือตัวเอง

ถ้าทำตกต่ำกว่าเดิมก็ไปเถอะครับ ไม่มีอะไรให้ต้องแก้ตัว

เห็นวิธีการเล่นแล้ว หดหู่จริงๆ

รถบัสแห่งอาเซี่ยน