ไทยลีกกับความเป็น "ฮับอาเซียน"
ให้บังเอิญว่าช่วงนี้ มีข่าวเรื่องสมาคมฟุตบอลจะเปิดทางให้บรูไนมาเล่นในไทยลีก ...เพื่อแลกกับค่าลิขสิทธิ์ และ ความเป็น"ฮับอาเซียน"ด้านฟุตบอลอย่างที่ผู้บริหารใฝ่ฝัน
จริงเท็จยังไงไม่รู้ แต่ผมมีประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง
จริงๆแล้วความปรารถนาในการเป็น “ฮับ”แห่งอาเซียนไม่ใช่ไทยที่เป็นชาติแรกที่อยากจะเป็นนะครับ
สิงคโปร์ เป็นชาติแรกที่มุ่งมั่นจะทำตัวเป็น ศูนย์กลางแห่งฟุตบอลอาเซียน
--------------------------------------
ปี 2000 ผมเป็นนักข่าวไทยคนแรกและคนเดียวที่ถูกส่งไปประจำการที่สิงคโปร์ เพื่อทำข่าวฟุตบอลเอสลีก
สิงคโปร์ให้กำเนิด แคมป์เปญ GOAL2010 ขึ้นเพื่อตั้งเป้าจะไปฟุตบอลโลกในอีก 10 ปีข้างหน้าให้ได้
วิธีคิดของสิงคโปร์ ก็คือ การพัฒนาลีกให้แข็งแรง ระดมทุกสรรพกำลัง เริ่มจากรัฐบาล ที่เปิดให้มีบ่อนพนันฟุตบอลถูกกฎหมาย สิงคโปร์พูล เพื่อกระตุ้นความสนใจให้คนเข้าสนาม
อยากจะเป็นฮับอาเซียน ก็ต้องดึงนักเตะที่เก่งที่สุดในอาเซียน ซึ่งชั่วโมงนั้นก็คือนักเตะไทย มีนักเตะไทยไปค้าแข้งกว่า 20 คน ทั้งซิโก้,ตะวัน,สุรชัย,โชคทวีฯลฯเรียกว่าทีมชาติทั้งชุด
เขาก็คิดเหมือน สมาคมฯฟุตบอลไทยตอนนี้แหละครับ ว่าเมื่อนักเตะไทยไปเล่นเยอะ ก็จะทำให้คนไทยสนใจ อาจจะขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด หรือ เทปบันทึกภาพให้กับเมืองไทยได้
สมาคมฟุตบอลสิงคโปร์ เคยเชิญผมเข้าไปคุยแล้วมอบเทปฟุตบอลเอสลีก ที่มีนักเตะไทยเล่นอยู่มากองหนึ่ง ให้ผมไปเสนอทีวีในเมืองไทย ว่าเอสลีกยินดีให้นำไปเผยแพร่ฟรี
ปรากฏว่า ไม่มีทีวีแม้แต่ช่องเดียว ที่จะเอาไปออก ทั้งที่นักเตะไทยระดับหัวกะทิเล่นที่นั่นหมด
สมาคมฟุตบอลสิงคโปร์ อยากยกระดับฟุตบอลลีกและทีมชาติให้แข็งแกร่งขึ้น ก็อนุญาตให้โอนสัญชาตินักเตะได้ง่ายขึ้น มีทั้งนักเตะจากอังกฤษ,โครเอเชีย,ออสเตรเลีย,จีนฯลฯโอนสัญชาติเป็นสิงคโปร์
ในระยะสั้นดูจะได้ผลดี นักเตะอย่างดาเนียล เบนเนต,อเลกซานเดอร์ ดูริค พาทีมชาติสิงคโปร์ได้แชมป์อาเซียนคัพ
แต่ระยะยาว ไม่มีนักเตะดาวรุ่ง สัญชาติสิงคโปร์ เกิดขึ้นแม้แต่คนเดียว ลองนึกดูสิครับว่า นักเตะสิงคโปร์ที่ดังๆคนล่าสุดที่คนไทยเรารู้จักก็คือ นอห์ อลัม ชาห์ ใช่ไหม ซึ่งก็เป็นนักเตะฝีเท้าดีเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว จากนั้น นักเตะใหม่ๆไม่มีโอกาสได้เกิดเลย
ผลที่ตามมาเมื่อไม่มีนักเตะท้องถิ่น แจ้งเกิด ทีมชาติสิงคโปร์ ทุกระดับ ทุกอายุ ก็ล้มเหลว ตกรอบแรกเกือบทุกรายการ ทั้งระดับอาเซียนและเอเชีย
สมาคมฟุตบอลสิงคโปร์ ยังดิ้นไม่หยุดหาทางออก แต่มองทางออกที่มาจาก “นอกบ้าน”มากกว่า “ในบ้าน”
นั่นคือ การเชิญทีมอัลบิเรกซ์ นิงาตะจากญี่ปุ่นมาเล่น เชิญทีมจากจีนมาเล่น อยากจะให้เขามายกมาตรฐาน แต่ทีมเหล่านั้นก็ส่งเด็กมา ให้เป็นเวทีฝึกแข้งของตัวสำรอง คนสิงคโปร์ ก็ไม่ดู เพราะไม่มีความผูกพันอะไรกับทีมเหล่านั้น
สุดท้าย สิงคโปร์ ก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามโครงการ GOAL 2010 ไปฟุตอลโลกไม่สำเร็จชนิดที่ไม่ได้เฉี่ยว แม้แต่นิด
เท่านั้นไม่พอ นโยบายที่ผิดพลาด ยังทำให้วันนี้ บอลเอสลีก สิงคโปร์ มีคนดูต่อนัดแค่หลักร้อยคน ลดระดับตัวเองจากฟุตบอลอาชีพ มาเป็นเซมิโปรลีกเรียบร้อยแล้ว
-----------------------------------------------------
องค์ประกอบในความเป็น “ฮับอาเซียน”ของสิงคโปร์ ที่ล้มเหลว อาจจะไม่เหมือนกับไทยทั้งหมด
แต่มันคล้ายกันมาก ในแง่ของการให้ความสำคัญกับนักเตะต่างชาติ มากกว่านักเตะท้องถิ่น
และความมุ่งหวังในการที่จะขายลิขสิทธิ์ไปในแถบอาเซียน ทั้งที่ควรจะทำให้แฟนบอลในชาติแน่นๆก่อน
ในแง่ ผู้เล่นโควตาอาเซียน แน่นอนว่ามันต้องทำให้นักเตะดาวรุ่งไทยมีโอกาสลงสนามน้อยกว่าเดิมอย่างปฏิเสธไม่ได้
ในแง่ของการขายลิขสิทธิ์ ยุคนี้ ใครๆก็ตามหา “ลิ้งค์”ดูฟรี คนเวียตนามจะอยากซื้อลิขสิทธิ์ไทยลีก ไปดูมากกว่าวีลีก ของตัวเองหรือครับ
การถอดบทเรียนเป็นเรื่องสำคัญนะครับ แม้เงื่อนเวลา มันจะห่างกันถึง 10 กว่าปี แต่อะไรที่มันล้มเหลวก็ควรจะศึกษาไว้
สิ่งที่ผมยกมาให้อ่าน ถ้าไม่เขื่อลองถามมร.เบนจามิน ตัน ที่ตอนนี้เป็นซีอีโอ สมาคมฟุตบอลไทย เป็นผู้กำหนดทิศทางฟุตบอลไทยอยู่ดู ซึ่งเมื่อปี 2000 วันนั้นมร.เบน ยังเป็นเจ้าหน้าที่สมาคมฟุตบอลสิงคโปร์ เดินแจกใบรายชื่ออยู่ตามสนามเอสลีกอยู่ รู้ดีที่สุด
แล้วฝากให้ซีอีโอ ชาวลอดช่อง ทำนายด้วยว่านโยบายไทยลีกที่เกิดขึ้นในยุคนี้ อีก 2-3 ปีข้างหน้า ฟุตบอลไทยลีก จะซ้ำรอยเอสลีกหรือเปล่า
...ส่วนเรื่องบรูไน ถ้าเป็นจริงเป็นจัง จะฉายให้ฟังอีกที ว่าอะไร?จะเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทย
Credit : สมฤกษ์ อิศรางกูรณอยุธยา
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10210038566960128&set=a.2585837824630&type=3&theater
เอามาให้อ่านกันเฉยๆ โนคอมเม้น
ส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วยที่ทีมบรูไนจะมาไทยลีกอะนะ
แต่ก็รอดูกันต่อไป