มี User คนหนึ่งบอกว่าบุรีรัมย์ผูกขาดมากไป
พัฒนาไม่รอทีมอื่น ควร "พัฒนาร่วมกัน" แถมยังบอกควร " รอ "
ให้ทีมอื่นๆไล่ตามทันบ้าง กลายเป็นว่าบุรีรัมย์ผูกขาด ดูบอลไม่สนุก
ลีคไม่แข็งแกร่ง ห่างชั้นมากไป แถมยังบอกว่าคล้ายบาเยิร์น

เนื่องจากเหตุข้างต้น
ทำให้ผมสงสัยว่า

ในโลกความเป็นจริงของการบริหารจัดการ
ที่มีเม็ดเงินมหาศาลหมุนเวียน
บ้างก็ควักเนื้อ บ้างก็ผลประกอบการกำไรนิดหน่อย

เนื่องเพราะระบบของบุรีรัมย์ดีเกินไป
ต่อให้ไม่เสริมทัพเยอะเหมือนทีมอื่นก็นำเหนือทีมอื่นหลายก้าวอยู่เสมอ

มันต้องทำในแง่ " ปฏิบัติ " ยังไง
ถึงสามารถ "รอ" คนอื่นได้ครับ

ไม่ว่าจะเรื่องอะไรในโลกนี้ที่เกี่ยวข้องกับภูมิความรู้ ศาสตร์ต่างๆ
ขอแค่หยุดนิ่งก็เหมือนถอยหลังแล้ว เลยต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด

แล้วพัฒนาร่วมกันนี่คืออะไร...พูดอย่างกับไม่มีคนส่งไปดูงานที่บุรีรัมย์
อันนี้ไม่ได้มาแย้งหรือประชดอะไรคนที่กล่าวข้างต้นนะครับ

ผมแค่สงสัยจริงๆว่าในโลกความเป็นจริงอะไรคือการ " รอ " ในแง่ปฏิบัติ

ไม่ซื้อตัว...ไม่เสริมทัพงี้เหรอ?
บุรีรัมย์ก็เสริมน้อยนะ

หรือต้องต่อให้แบบไม่มีฟิตเนสให้ใช้
ไม่มีวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยอะไรแบบนี้เหรอ
น้ำดื่มไม่มีให้กินระหว่างซ้อมระหว่างพักครึ่งอะไรงี้เหรอ

ชุดนักกีฬาไม่มีคนซัก
ไฟสนามไม่มี หญ้าไม่ได้ตัดไม่ได้เปลี่ยนอะไรแบบนี้เหรอ
คือสงสัยนะ...สงสัยจริงๆว่าอะไรคือการ " รอ " ที่สามารถทำได้จริงในแง่ปฏิบัติ

จะบอกว่าต้นทุนสโมสรไม่เหมือนกันก็ไม่ใช่...อย่างน้อยๆ เมืองทอง เชียงราย Bangkok
หลายๆทีมมีเงินซื้อตัวนักเตะ... แต่ผลลัพธ์กลายเป็นว่าใช้เงินผิดที่หรือเปล่าผมก็ตอบไม่ได้...ไม่มีความรู้

รากฐานระบบเยาวชนเหรอ...ก็ไม่ได้รู้ลึกอะไรขนาดนั้น
แต่ถ้าพูดรวมๆแบบสวยหรูก็...ต่างกันที่การบริหารจัดการ?

ความเก่งของคนบริหารต่างกัน?
ใครพอมีความรู้หรือความคิดดีๆก็ช่วยชี้นำเป็นวิทยาทานหน่อย
เพราะต้องยอมรับว่าบุรีรัมย์จำเป็นต้องพัฒนาอยู่เสมอเพื่อที่จะไปสู้กับต่างชาติ
เป้าหมายแค่ในประเทศมันถือว่าได้จนชินชาไปแล้วสำหรับเนวิน

ผมเลยไม่เข้าใจว่าทำยังไงถึงจะ " รอ " ได้ในโลกความเป็นจริง

เอาอะไรกับประธานสวอนซีผู้ไม่ชอบบรรและสมาคม และไม่เห็นพูดถึงสวอนซีซักกะที

ในแง่ธุรกิจเค้าไม่รอกันหรอก เห็นชัดเจนว่าคุณเนวินบริหารงานเหมือนนักธุรกิจระดับต้นๆของประเทศจากการสัมภาษณ์หลายๆครั้ง นี่กำลังเป็นตัวอย่างที่ดีโดยไม่ต้องมาบอกให้ฟัง ท่านผู้บริหารทีมไหนฉลาดไม่มีอีโก้สูง ก็จะศึกษาการบริหารได้ดีตามกันไป(มีน้อย) เพราะฉะนั้นยิ่งบุรีรัมย์ดีแบบไม่ผ่อนย่อมส่งผลดีกว่า เพื่อให้ทีมต่างๆไม่สามารถผ่อนตามไปด้วย แน่นอนว่าใครผ่อนก็ต้องถดถอยและล้มเหลวตกต่ำไปตามกฏแห่งกรรมนั่นแหละครับ

ขนาดเยอรมันที่มีกฎหมายป้องกันการผูกขาดตลาดอย่างเข้มงวดยังทำอะไรบาเยินไม่ได้เลย

เพราะมันแค่ผูกขาดรางวัล
ชัยนะของบาเยินไม่ได้แค่เพิ่มลูกค้า แต่เพิ่มคู่แข่งขึ้นมาด้วย

จะรอให้เค้าเหยียบย่ำแบบทีมพ่อพระแห่งไทยลีคหรอคับ

คงต้องให้เสี่ยเนพักทำทีมแล้วกลับไปเริ่มแข่งใหม่ตั้งแต่ T4 เลยมั้งถึงจะเรียกว่ารอ

งงตรรกะยูสนั้นเหมือนกัน ให้บุรีรัมย์พักทีมสัก5ปีล่ะกัน

1. มีทุน
2. ผู้บริหารจริงจัง
3. ผลงานดี
4. มีพันธมิตรดี

ทุกอย่างก็ออกมาอย่างที่เห็น

เอาอะไรกับประธานสวอนซีผู้ไม่ชอบบรรและสมาคม และไม่เห็นพูดถึงสวอนซีซักกะที

ทีมอื่นไม่กระเตื้องขึ้นมาเอง ทำตัวไม่เป็นมืออาชีพ บริหารงานกันเอาแต่ใจมากๆ เห็นเนวินลงไปยุ่งกับทีมเยอะ ก็ลงไปยุ่งบ้าง ไปเอาแต่ใจบ้าง สุดท้ายแล้วรู้ไม่ลึกเท่า ไม่เข้าใจเท่าเขาก็สร้างผลเสียให้กับทีม บุรีรัมย์เห็นปลดโค้ชบ่อยๆ แต่ถ้าคนไหนไปกันได้ก็ได้โอกาสสร้างทีมกันยาวๆ เช่น กาม่า หรือ บันโดวิช โค้ชคนก่อนหน้าบันโดวิช ถ้าไม่โดนเรื่องไปต่อยสต๊าฟแบงค๊อกก็คงอยู่ยาวเหมือนกันทรงทีมกำลังมาแล้ว

หลายๆทีมต้องการความสำเร็จแบบทันท่วงที อยากจะเห็นผลงานชัดเจน แต่ระยะยาวมันจะมีปัญหา ง่ายๆเลยก็เมืองทองยุคทีมชาติทั้งทีม ผมว่าทีมในไทยลีคต้องการเห็นผลลัพธ์แบบนั้น ซึ่งระยะยาวมันไม่ประสบความสำเร็จหรอก จะอ้างเรื่องเสียตัวไปต่างชาติหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่การเอานักเตะระดับท็อปของประเทศที่มีเส้นทางของชีวิตที่สามารถไปได้ไกลกว่าไทยลีคมารวมกันไว้ทั้งหมด วันนึงอนาคตของเขาก็จะถูกเรียกหาเอง และการที่เอานักเตะที่ถึงจุดพีคพร้อมๆกันเอาไว้ในทีมสิบกว่าคน ไม่มีตัวทดแทนไม่มีตัวสำรอง ก็อย่างที่เห็นกับเมืองทองปีนี้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

อีกเรื่องคือการบริหารฟุตบอลให้เป็นฟุตบอลกับเป็นธุรกิจไปในเวลาเดียวกัน ในไทยเนี่ยต้องยอมรับว่ารายได้ที่เกิดขึ้นเต็มเม็ดเต็มหน่วยก็มาจากการขายนักเตะนี่แหละ จะไทยหรือต่างชาติเองก็ตาม สิ่งที่บุรีรัมย์ทำอยู่คือการปั้นเด็กก็จริง แต่เขาวางแผนระยะยาวไว้ตั้งแต่การรั้งดีโอโก้ ตูเญซ ไว้กับทีมได้มากกว่าสามปีแล้ว นี่แหละผู้ปั้นตัวจริง ถ้าเป็นทีมอื่นผมว่าสองตัวนี้ถูกขายทำเงินไปนานแล้วหละครับ แต่สองคนนี้ยังอยู่เพพื่อช่วยสร้างทีม เอาจริงๆอาจจะบอกว่าบุรีรัมย์ไม่ได้มีธุรกิจแค่ฟุตบอล แต่ลองดูแบงค๊อกสิ ผมว่าทีมนี้บริหารทีมได้สุดยอดมาก อาจจะยังไม่มีถ้วย เพราะบุรีรัมย์ยังดีกว่าอยู่ก้าวนึง แต่ถ้าเขารักษาโมเมนตั้มแบบนี้ไว้ได้ เริ่มสร้างนักเตะเยาวชนมาทดแทน รักษามาโน่ให้คุมทีมยาวๆได้ ผู้บริหารจริงจังและให้อิสระคนทำทีมแบบนี้ได้ ผมว่าแบงค็อกอาจจะก้าวขึ้นมาเป็นทีมลำดับที่สองแทนเมืองทองในไม่ช้านี้ อีกทีมที่มีแนวโน้มดีคือชลบุรีนะ พอผลงานเริ่มไม่เกาะหัวตารางแล้ว ความกดดันมันน้อยลง ทีมเริ่มสร้างจากเยาวชน เหลือแค่การลงทุนใหญ่ๆน่แหละที่อยากเ็นจากชลบุรี

ทีมอื่นมีหน้าที่ตามบุรีรัมย์ให้ทันครับ

ส่วนบุรีรัมย์มีหน้าที่ฝ่าฟันในเอเชียให้ทีมอื่นดูเป็นตัวอย่าง

แบบนี้ถึงจะพัฒนา

เรื่องแบบนี้ มีการรอกันด้วยหรอ

ตรรกะ พัฒนาไม่รอคนอื่น แปลกดีอย่างนี้ก็มีด้วย

ยูสไข่โตอ่ะเหรอ เรื่องมันนานมาแล้วนะ ไม่น่าไปฟื้นฝอยอีก ตรรกะแบบนั้นหมดปัญญาจะเถียงด้วยเลย

บุรีรัมย์ ถ้ามองในแง่ผู้บริหาร คือ วิสัยทัศน์

บริหารงาน แบบหัวสมัยใหม่ ทำอะไรทำจริง ให้โอกาสคนเก่งอายุน้อยๆ กล้าที่จะเปิดรับอะไรใหม่ๆ
มีเป้าหมายใหญ่ทุกปี คือ ลีคในประเทศ ต้องแชมป์ และ สโมสรเอเชีย ต้อง TOP 5
แค่นี้ก็บ่งบอกละครับ ว่า Scale ทีม หรือ จุดที่ทีมต้องเดินไป คืออะไร

ให้ความสำคัญ กับ แฟนบอล เน้นทำออกมาให้เป็น Sport Entertainment
คือ เอากีฬาผูกเข้ากับ ผู้คนภายในเมือง หรือ จังหวัด
ขอยกตัวอย่าง Liverpool แล้วกันนะครับ ส่วนตัวชอบในบรรยากาศ




เรื่องสุดท้าย ที่สำคัญมากๆ คือ
ปลูกฝังจิตใจให้ผู้เล่น กระหายในชัยชนะ และ ดันดาวรุ่ง ฝีเท้าดี ติดทีมเรื่อยๆ
สิ่งที่ตามมา คือ การแข่งขันภายในทีม แต่ละตำแหน่ง สูงขึ้น
ถ้าฝีมือไม่ถึงจริง ไม่น่าจะมีที่ยืนในชุดใหญ่ บุรีรัมย์ แน่ๆ ครับ

สิ่งที่ผมพูดมาคร่าวๆ นี้ละครับ ที่ทำให้ บุรีรัมย์ทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ
ทั้งในแง่ของ สโมสรมืออาชีพ และ ส่วนอื่นๆ เช่น ทีม U-23 หรือ Academy Buriram

ผมเป็นแฟนบอลเมืองทอง ผมยังอิจฉาทีมบุรีรัมย์เลย ระบบการจัดการดีสุดๆ ทำไรจริงจังไม่เหมือนทีมที่เราเชียร์...ห่วยแตกสุดๆ
ขอให้พัฒนาไปให้ถึงที่แข่งกับสโมสรเอเชีย AFC แล้วเข้ารอบรอง รอบชิงบ้าง เพราะในประเทศตัวเองคงหาทีมไหนมาต่อกรยากมากละ