จริงๆรำลึกไปก็แค่นั้น เพราะคนที่ “รู้ว่าเค้าหลอก แต่เต็มใจให้หลอก” ก็มีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง
รู้ไปก็เท่านั้น บ้านเรามันเปรียบเหมือนเด็กดื้อด้าน ถ้าไม่ล้มแรงๆซักดอก ก็คงไม่หยุดซนหรอก เชื่อเถอะ

ขณะที่อารยประเทศป้องกันมิให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก
เด็กหนุ่มหลายคนกลับใช้สิ่งนี้เป็นโร้ดแมปสู่อำนาจ ก้าวสู่การเป็นเผด็จการเต็มรูปแบบ

ประวัติศาสตร์มักเกิดซ้ำครับ ถ้าไม่เรียนรู้จากอดีต ตราบใดที่เรายังยึดคนดี คนเลว การเมืองหลายๆครั้งที่ผมไปคุยด้วยผมไม่พูดต่อเลยถ้าว่าคนอื่นที่ไม่เห็นด้วยว่าคนเลว สมัยนั้นกับสมัยนี้ไม่ต่าง โยนให้คนที่ตรงกันข้ามว่าคนเลว ยกย่องตัวเองว่าคนดี

ปล.ชาวบ้านสมัยนั้นโดนยัดความคิดที่ว่า ฆ่าคนเลวไม่บาป

้เรื่อง 6 ตุลานี้ มันมีทั้งการเมืองในประเทศและระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องเลยนะ

ปัจจุบัน มีแต่การเมืองในประเทศ ต่างประเทศก็ไม่เห็นจะกดดันอะไรเลย

ไม่เลือกเราเขามาแน่ ที่มาแน่ๆคือเขียวๆนั่นแระ มาทุกยุค ต่างชาติถึงไม่ค่อยเชื่อในประชาธิไตยบ้านเรานี่แระ

นึกดีๆ วาทะกรรมอะไรที่ทำให้คนฆ่ากัน นึกดีๆ

เป็นชุดความคิดที่น่ากลัวมากๆครับ แถมแม่พิมพ์ของชาติเป็นคนปลูกฝังให้เด็กนักเรียนด้วย

เด็กหนุ่มที่ท่านว่า ตอนเข้าไม่ใครคิดเรื่องนี้หรอกครับ แค่ได้ออกไปพุกผ่อนนอก รรฺ. มีเวลาเล่นเกม ส่องสาว ก็มีความสุขแล้ว. เด็ก ม ปลายก็คือ ม ปลายครับ

ต้องเกลียดกันถึงขนาดไหนถึงเอาไม้มาตีตอนเป็​นศพ​ จับหัวยิ้มร่าถ่ายภาพกับศพ​ มุงดูการเผาหมู่ศพได้อย่างไม่สะทกสะท้าน​

โดนเสี้ยม อ่ะนักหนังสือพิมพ์ ลืมชื่อ แต่งรูปใส่ร้ายนักศึกษา
นศ.เลยโดนทั้งทหาร/ทั้งประชาชน ยำ

ต่อไปเขาไม่ยึดอำนาจแล้วครับ แต่เขามี สว.ลากตั้ง ค้ำอำนาจในสภา
คือเลือกคนของเขา งานก็เดินได้ฉลุยตามนโยบายเขา

แต่ถ้าไม่เลือกคนของเขา เราก็จะได้รัฐบาลง่อยๆ ที่ทำอะไรไม่ได้
ถ้าเขาไม่เห็นชอบ รัฐบาลที่อาจจะไม่ได้สร้างผลงานอะไรตลอดอายุการทำงาน
ของบก็คงไม่ผ่านฉลุยแบบคนของเขา

นี่แหละครับอนาคต...คุณจะเลือกอะไรก็เลือกไป แต่ใครคิดจะทำอะไร
ต้องถามเขาก่อนว่าอนุญาติไหม แค่รัฐบาลเด็กอนุบาล ไร้อำนาจจริงๆ

นสพ สมัยนั้นนี่ตัวดีเลย เสี้ยมซะ