ช้างศึกยู16 ขอไปบอลโลกสมัยที่ 3!!
“บรรยากาศวันนั้นมันยิ่งใหญ่มาก สำหรับเด็กอายุ 16 ปี ผมเพิ่งเคยได้เห็นบรรยากาศแบบสนามแตกครั้งแรกในชีวิต (สนามสมโภช 700 ปี) แล้วพอแข่งเสร็จที่เราชนะญี่ปุ่น นักฟุตบอล โค้ช ทีมงาน ก็นัดกันวิ่งแก้บนกลับมาที่ครูบาศรีวิชัย มันก็มีแฟนบอลร่วมวิ่งกับเราเป็นร้อยเป็นพันคน วิ่งตามหลังพวกเราจากสนามออกมา มีทั้งรถ ทั้งมอเตอร์ไซค์ โบกธง บีบแตร ร้องรำทำเพลงอย่างเมามันส์ เหมือนกับปิดเมืองฉลองได้เอกราชยังไงยังงั้นเลย”
คำพูดสุดอมตะของ สุธี สุขสมกิจ ที่เคยสัมภาษณ์กับผมในงานเขียนชิ้นหนึ่งกับ โฟร์โฟร์ทู เมื่อประมาณ 1 ปีเศษที่ผ่านมา เป็นการบอกเล่าเรื่องราวจริงที่เคยเกิดขึ้น ครั้งที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 17 ปี ลงสนามในศึกชิงแชมป์เอเชีย เมื่อปี 1996 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนกลายเป็นทีมชาติไทย ชุดประวัติศาสตร์ ที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ยู-17 ในปี 1997 ที่ประเทศอียิปต์
แม้จะพ่ายแพ้ทั้งสามเกมในรอบแบ่งกลุ่ม ต่ออียิปต์ (เจ้าภาพ) 2-3, เยอรมัน 0-3 และ ชิลี 2-6 แต่ สุธี สุขสมกิจ ที่ทำไป 2 ประตู และผองเพื่อน อาทิ บำรุง บุญพรหม, ทะนงศักดิ์ ประจักกะตา, ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น, เคย์ ลังกาวงศ์, อภิเชษฐ์ พุฒตาล, คเณ จันทร์อิ่ม, อิสระ ศรีทะโร และ วัชรพงษ์ กล้าหาญ ก็กลายเป็นกลุ่มก้อนนักเตะผู้เขียนประวัติศาสตร์ให้ทีมชาติไทย
หลังจากนั้น อีกเพียงแค่ 2 ปี ทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 17 ปี ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ยู-17 ในปี 1999 ที่ประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากคว้าแชมป์ ยู-17 ชิงแชมป์เอเชีย ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ประเทศกาตาร์ ในปี 1998 และได้โควตาลุยเวิลด์คัพ ฉบับเยาวชน
สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, ธีรเทพ วิโนทัย, สุรีย์ สุขะ, ศักดา เจิมดี, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, ไกรเกียรติ เบียดตะคุ และ ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ คือ กลุ่มก้อนนักเตะชุดนั้น ที่ก้าวขึ้นมาเล่นทีมชาติไทย ชุดใหญ่ รวมถึงร่วมคว้าแชมป์ ซีเกมส์ หลังจากนั้น
แม้จะไม่มีแต้มอีกครั้งในกลุ่มที่มีมหาหินทั้ง เม็กซิโก, กาน่า และ สเปน แต่นั่นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันคือประวัติศาสตร์ที่สุดยอดของวงการฟุตบอลไทย ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปี ที่แล้ว
เข็มนาฬิกาหมุนรอบวัน หมุนรอบเดือน หมุนรอบปี ผ่านร้อนหนาวฝนมาแล้ว 20 ครั้ง
ทีมชาติไทย มีทั้งได้เข้าไปลุ้นในรอบสุดท้าย และมีทั้งการตกรอบคัดเลือก ในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี แต่ทว่าการนับสามของ “เวิลด์คัพ” ยังไม่เกิดขึ้นสักที
กันยายน เวียนมาให้พบอีกครั้งในปี 2018 … หลังจากฟูมฟัก บ่มเพาะทีมจนได้ที่ ทีมชาติไทย ยู-16 ก็บินลัดฟ้าไปประเทศมาเลเซีย สักพักแล้ว เพื่อลงสนามแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี โดยหวังไว้กับโควตา ยู-17 ชิงแชมป์โลก ในปีหน้าที่ประเทศเปรู โดยจะเริ่มแข่งขันกันในวันพรุ่งนี้ ช่วงเย็นตามเวลาประเทศไทย
“โค้ชดาท” ธงชัย รุ่งเรืองเลิศ เฮ้ดโค้ชหนุ่มดีกรีโปรไลเซนส์ของทีมชุดนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำทีมสร้างเซอร์ไพรส์ได้ โดยในรอบแบ่งกลุ่ม ที่ต้องเจอกับทั้ง เจ้าภาพ มาเลเซีย, บิ๊กเนมของทวีปอย่าง ญี่ปุ่น และม้ามืด ทาจิกิสถาน แน่นอน ไม่ใช่งานที่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่ความพยายามจะไปได้ถึง
ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา, จักรพงษ์ แสนมะฮุง, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, สราวุฒิ เสาวรส, ปัณณวัชร์ โชติจิรชัยธรณ์, ธนกฤต ละออไขย์ ฯลฯ คือเหล่านักเตะที่เป็นความหวังในการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญให้เกิดขึ้น
พวกเขารวมตัวซ้อมกันมาอย่างยาวนาน
ผ่านการลงเล่นรอบคัดเลือกด้วยกันที่ประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมา
ผ่านการเป็นแชมป์ทัวร์นาเมนต์สี่เส้าของรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ที่ประเทศจีน (ชนะ อินเดีย 2-1, เสมอ จีน 1-1 และ เสมอ เกาหลีเหนือ 1-1)
ผ่านการเก็บตัวไกลถึงประเทศสเปน พร้อมลงอุ่นเครื่องกับทีมเยาวชนของสโมสรชั้นนำในแดนกระทิงดุ
สามนัดในรอบแรก ต่อจากนี้ ก็ขอให้น้องๆ เล่นให้เต็มที่ สนุกกับฟุตบอลในระดับเอเชีย ที่จะได้วัดกับของจริง วัดกับความกดดันจริงๆ ที่จะต้องเจอ
และขอให้ความพยายามของน้องๆ และทีมงานทุกคน
ส่งผลให้ทุกคน ไปได้สุด ไปได้ไกลเท่าที่ทุกคนฝัน
Credit : ช้างศึก
https://www.facebook.com/changsuek/posts/2084309908300371?__tn__=K-R
ทั้งนี้ ไทย อยู่กลุ่มเอร่วมกับ มาเลเซีย (เจ้าภาพ), ญี่ปุ่น และ ทาจิกิสถาน
นัดแรกวันนี้เปิดสนามพบ ญี่ปุ่น เวลา 19.45 น. ถ่ายทอดสด ทาง บักกาบู ทีวี