เดินหน้าเต็มรูปแบบสำหรับทีมชาติเวียดนาม โดยวางเป้าหมายสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2030 ซึ่งผลงานของขุนพลดาวทองในช่วงที่ผ่านมาถือว่าขยับขึ้นมาได้ดีอย่างต่อเนื่องในการแข่งขันฟุตบอลระดับเยาวชนผ่านเข้าไปชิงแชมป์โลกรายการ ยู-20 ปี 2017 ที่ประเทศเกาหลีใต้,ยู-23 คว้ารองแชมป์เอเชีย ปี 2018 และล่าสุดคว้าอันดับ 4 ในการแข่งขันฟุตบอลเอเซียนเกมส์ 2018
แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางสมาคมฟุตบอลเวียดนามจะต่อสัญญากับ เกิธ ไฮซ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคชาวเยอรมันออกไปเพื่อเดินหน้าสานงานต่อ แต่เมื่อช่วงเดือน มี.ค.61 ทางด้านของสมาคมฟุตบอลเวียดนามก็เดินหน้าเสริมทัพทีมงานด้วยการดึง ฟิลลิปป์ ทรุสซิเยต์ กุนซือชาวฝรั่งเศสเข้ามาวางระบบฟุตบอลเวียดนามเพื่อเป้าหมายในการเดินหน้าสู่การไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2030 ซึ่งทางด้านของกุนซือชาวฝรั่งเศสจะวางแนวทางของฟุตบอลเวียดนามทั้งหมดโดยเฉพาะการพัฒนาฟุตบอลในระดับเยาวชน

สำหรับฟิลลิปป์ ทรุสซิเยต์ ปัจจุบันอายุ 63 ปี ผ่านการทำงานมาอย่างโซกโซนทั้งระดับสโมสรรวมไปถึงทีมชาติ ในทวีปเอเชียเข้ามาทำงานกับทีมชาติญี่ปุ่นในปี 1998 ก่อนที่จะพาญี่ปุ่นคว้าแชมป์เอเชีย ปี 2000 นอกจากนั้นยังผ่านการคุมทีมชาติ กาตาร์,โมรอคโก,ไอเวอร์รี่โคส,บูกินาฟาโซ,ไนจีเรีย,แอฟริกาใต้ ฯ

เครดิต: http://www.siamsport.co.th/football/national/view/90436

ไทยน่าจะได้ไปบอลโลกตั้งนานล่ะ ถ้าไม่ตกรอบก่อน

ีU16 เราทำได้แน่

พาเวียดนามไปแล้ว ก็มาพาไทยไปด้วยนะ

ตอนสมาคมเข้ามาใหม่ๆ โค้ชเฮงซวยของหลายๆคนเคยบอกนะว่าเวียดนาม มาเล อินโด สิงคโปร์พวกนี้เค้ามีคอนเน็คชั่นที่ดีทางยุโรปอยู่แล้ว
ถ้าเค้าตั้งหลักได้เราจะลำบาก เราก็เลยต้องวิ่งหาพวกมาปูพื้นฐานอย่างเอคโคโน่ให้คนด่าเล่นกันอยู่นี่ไง

ดีนะถ้าอาเซียนแข่งขันกันหนักๆ เราก็จะได้พัฒนาด้วย ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งหมด

ปล.คงไม่มีใครบอกไทยไม่ทำแบบนี้บ้างนะ

ดูดิใครจะได้ไปก่อนกัน

อีตา เกิธ ไฮซ์ คนเยอรมัน ประธานเทคนิค คนนี้ เค้าของจริงเลยนะ

ประกอบกับ ได้โค้ช เกาหลีใต้ มิสเตอร์พัค ยิ่งประจวบเหมาะกับสไตลืฟุตบอลเวียดนาม

พอดีขึ้นไปอีก ของเราถ้ายังไม่เร่งปรับ เริ่มยากละเหมือนกันตอนนี้

ของเราคงต้องรอพักใหญ่ๆ

เวียดนามชุดหลังๆ (U23 ตั้งแต่ชิงแชมป์เอเชีย) เหมือนจับจุดแข็งของตัวเองได้อ่ะ

ทรงบอลนี่ดีเลยนะ เน้นต่อบอลกับพื้น ไม่โยนสะเปะสะปะ ตั้งรับรอสวนกลับอย่างมีวินัย นักเตะฟิตไล่ทุกตัว ดูทรงบอลแล้วมีอนาคตเลย

ก็จะขอวกมาที่ไทยนี่แหละ อยากถามว่า "ไทยแลนด์เวย์นี่เหมาะไหม?" เพราะมีเวลาในการจูนมา 2 ปี เอาเฉพาะยู 23 นะ เพราะชุดนี้รวมตัวกันมานานมาก ตั้งแต่เตรียมทีมซีเกมส์ ตอนชุดใหญ่แข่ง ชุดเล็กก็เรียกเก็บตัวซ้อมตลอด แถมมีทัวร์นาเม้นมากมายให้ลับฝีเท้าทั้งซีเกมส์ อุ่นเครื่อง 2 รายการ ชิงแชมป์เอเชีย และล่าสุดก็เอเชี่ยนเกมส์ เวลาในการรวมทีมมากขนาดนี้ ทำไมไทยแลนด์เวย์ถึง"ไม่มีทรงเลย"

กลับมาที่ประธานเทคนิค มันน่าสนใจตรงที่สมาคมจะเอาใครมาดูทรงบอลตรงนี้ (ซึ่งก็คาดว่าน่าจะเป็นฝรั่ง) สมาคมควรให้อิสระในการทำงานกับเค้า อย่าเอากรอบไทยแลนด์เวย์ไปครอบ

ส่วนโค๊ชเฮงก็น่าจะได้ทำงานที่ตัวเองถนัดคือ สร้างโค๊ช โดยการอบรม และถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังศูนย์ฝึกเยาวชนทั่วประเทศให้ใกล้เคียงกับของชลบุรี (คิดดูว่าถ้าทุกทีมในประเทศไทยทั้ง T1 - T4 โค๊ชได้อบรมการฝึกซ้อมกับโค๊ชเฮงและได้ความรู้การฝึกเยาวชนฉบับชลบุรีไป เยาวชนน่าจะพัฒนาไปได้ไกลแน่ๆ และที่สำคัญตัวเลือกในอนาคตมันจะมีเยอะมาก)

แต่งานของโค๊ชเฮงก็ยากอยู่นะ ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆก็ แกพยายามปรับให้โรงเรียนตามต่างจังหวัดมีมาตราฐานใกล้เคียงกับเตรียมอุดมฯ (อันนี้เปรียบเทียบในแง่ของคุณภาพโรงเรียน) ซึ่งแน่นอนต้องสร้างบุคลากรที่มีความพร้อมและต้องใช้ทุนพอสมควร แต่เอาใจช่วยแกนะ

มีโอกาสได้ไปสูงอยู่เหมือนกันนะครับ เพราะ 2030 นี่ฟีฟ่าจะปรับทีมในบอลโลกรอบสุดท้ายเยอะขึ้นด้วยนี่ครับ

ทรุสซิเยต์ ที่ทำญี่ปุ่นสำเร็จเพราะ ญี่ปุ่นจัดบอลลีกได้เป็นมืออาชีพ
บริหารจัดการเยาวชนดีหมด เป็นขั้นเป็นตอน ถึงแข็งแกร่งได้ทุกวันนี้

แต่เวียดนามตอนนี้ ไม่ได้เหมือนญี่ปุ่นตอนนั้นเลย
ทรุสซิเยต์จะได้รับการสนับสนุนด้านต่างๆเหมือนกับตอนทำญี่ปุ่นหรือป่าว

ถ้าโครงสร้างลีก ไม่ดี เยาวชนพัฒนาแบบต่างคนต่างทำ
มีกี่ทรุสซิเย่ต์ก้อ ยากที่จะประสบความสำเร็จ

ส่วนตัวผมมองว่าไทยมาถูกทาง แต่ต้องใช้เวลา
ญี่ปุ่นขนาดเค้าระเบียบวินัยเป๊ะ ยังใช้เวลาเป็น 10 ปี

ส่วนเวียดนามผมว่ายากกว่าไทยนะ แต่ก็ต้องดูกันไป