ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Nov 2010
ตอบ: 7594
ที่อยู่: Thailand
โพสเมื่อ: Sat Jun 23, 2018 09:04
[RE: ลบภาพนายกฯ สวมผ้าพันคอแบรนด์เนม ออกจากเพจแล้ว]
P42 พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Spoil
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
ตอนออกไปแจ้งหรือเปล่าว่าเอาทรัพย์สินมูลค่าเกิน2หมื่นออกนอกประเทศ


ถ้าไม่ได้แจ้ง ขากลับอย่าลืมแจ้งนะ



ปล.ถ้าลุงรู้สึกว่ากม.มันงี่เง่า ฝากไปตบกะโหลกลูกน้องด้วยนะว่าทำไมไม่แก้ไข  


ขออภัยที่โควทครับ

อันนี้ถามเฉยๆนะ ไม่เกี่ยวกับการเมือง เพราะประเด็นนี้มันเข้าศุลกากรล้วนๆเลย(ผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่/เจ้าพนักงานนะ)

ในความคิดเห็นส่วนตัวท่าน เราควรเซ็ตยังไงดีครับ ถึงจะครอบคลุมและแก้ปัญหานิสัย"แบบไทยๆ"ได้ครบถ้วนกระบวนความครับ

Edit : ลองเล่น 20 คำถามดูจากโจทย์นี้ แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่คิดกับสิ่งที่อยากได้ มันไม่ได้ไปในทางเดียวกันเลยครับ  



เอามูลค่าตัวเงินออก เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเงินมันจะเฟ้อ ต้องมาแก้กม.เรื่อยๆ

ดูเจตนาว่าซื้อมาใช้เอง หรือหิ้วมาขาย
ดูเจตนาว่าจงใจหิ้วไปขายหรือ เอาไปฝาก
โดยดูปริมาณ-จำนวนว่า"ของ"ดังกล่าวไม่ได้เกินวิสัยที่คนปกติคนนึงจะใช้  


นั่นหมายความว่า ไม่จำกัดมูลค่าสูงสุด อยากเอาเข้าเอาออกเท่าไหร่ก็ได้ ใช่มั๊ยครับ
ถ้าอย่างงี้จะพิสูจน์ยังไง ว่าของที่หิ้วกลับเข้ามาเป็นของของเราจริง?

และถามสมมติว่า ผมเอาเข้ามากระเป๋า 50 ใบเพื่อฝากญาติและคนสนิททุกคนล่ะ แล้วจะพิสูจน์ยังไงว่าผมเอาไปแจกจริงหลังจากผ่านด่าน หรือเอากลับมาขายครับ? เพราะภาระภาษีที่เกิด ต้องเคลียร์ให้จบ ณ ตอนผ่านด่าน  


ตามที่ผมเน้นสีแดงไว้ รวมถึงของฝากด้วย โดยให้จนท.ตัดสินใจด้วยสามัญสำนึกว่า วิญญูชนตามปกติพึงนำเข้ามาเท่าไหร่(อย่างของฝากเช่นของกิน-ของที่ระลึกถ้าคุณเอาเข้ามาเยอะหน่อยก็ไม่แปลก แต่หิ้วเครื่องใช้ไฟฟ้า-กระเป๋าแบบเดียวกันหรือใกล้เคียงเข้ามาเกิน3ชิ้นมันก็ดูแปลกแล้ว(อาจจะปล่อยผ่านในรอบแรกแต่หมายหัวเอาไว้ว่าเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายเลี่ยงภาษี) ถ้าตามตย.ที่คุณยกมา ถึงจะแค่5ใบ ไม่ว่าจะแจกหรือฝากซื้อจริงก็ต้องถือว่าจำนวน"เกินปกติ"

ส่วนเรื่องมูลค่าสูงสุดในการนำเข้าออกนั้น ถ้าผมจำไม่ผิดมันจะมีหมวดแยกต่างหากออกไปอีกข้อเรื่องนำเงินสด ของมีค่าพวกเพชร ทอง ฯลฯควบคุมต่างหากอีกชั้นนึง  


งั้นถ้าในมุมของผู้ถือของเข้ามา ด้วยความสัตย์จริง ผมมีพี่น้อง 4 คน ลูกพี่ลูกน้องเยอะเลยที่บ้านอยู่ในละแวกเดียวกันหลายคน ถ้าผมเห็นเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ๆน่าสนใจ หรือกระเป๋าลายสวยๆ ผมไม่สามารถนำของเหมือนๆกันมาให้ทุกคนได้ใช่หรือเปล่าครับ? อย่างงี้กฎหมายกีดกันหรือล้าหลังหรือเปล่า? แล้วถ้านำของหลายๆแบบ แบบละไม่กี่ชิ้นเข้ามา มันมีอะไรยืนยันว่าทุกชิ้นที่เข้ามา ไม่ใช่เพื่อการค้า?

การหมายหัวแล้วตามสืบทีหลัง ทำยังไงครับ? หรือทำในครั้งต่อๆไป? แล้วถ้าผมเป็นคนค่อนข้างมีสตางค์ ซื้อของแจกพี่น้องได้บ่อยๆ อะไรเป็นสิ่งยืนยันครับ?

และในมุมกลับกัน มันมีความเป็นธรรมต่อร้านค้าที่นำเข้ามา"และเสียภาษี"หรือเปล่า? ราคาขายที่เมืองไทยต่ำกว่าราคาขายเมืองนอกที่ยังไม่เสียภาษี เรายินดีที่จะเอาภาษีเงินได้ของประเทศเราที่เอาไว้ใช้ต่างๆนานา ไปแปรเป็นค่าตั๋วเครื่องบินให้สายการบินต่างๆหรือเปล่า? แล้วถ้าแปรไปเป็นค่าเดินทาง เรารับได้หรือเปล่ากับงบที่น้อยลงและพัฒนาอะไรต่างๆได้น้อยลง รวมถึงการลงทุนขายสินค้าสำเร็จรูปในเมืองไทยน้อยลง?

ส่วนเรื่องมูลค่าของ มองในมุมกลับ ถ้าไม่ระบุราคา เอาแค่ตัวของ
ผู้เดินทาง"ทุกคน"ยินดีสำแดงของก่อนออกไปมั๊ยครับ? เพราะระเบียบมันต้องบังคับทุกคนไม่ใช่เพื่อคนใดคนนึง แล้วถ้าไม่ต้องยืนยัน อะไรเป็นสิ่งการันตีว่าของที่เข้ามาเป็นของที่ถือออกไป? หรือแค่แกะกล่องโยนทิ้ง(ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ก็รู้ แต่หลุดมาด้วยวิจารณญาณที่ว่านั่นล่ะ)ก็ถือเป็นของส่วนตัวครับ? แล้วถ้าแบบนั้น ต่างอะไรกับหิ้วมาครับ?
.
.
.
ด้วยความสัตย์จริง ไม่ได้ตั้งใจจะกวนท่านนะ แต่แค่ชี้ให้เห็นว่า มันมีปัญหา มีคำถามตามมามากมาย
กฎหมายสามารถออกบังคับใช้ได้แค่ฉบับเดียว ทั้งกับธุรกิจ กับคน กับผู้หิ้ว กับผู้เดินทางไปท่องเที่ยว กับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ มีผลกระทบวงกว้าง
เห็นด้วยนะ ที่บางที่มันก็ Non-sense แต่ถ้าเอาจากหน้างานจริง จากลักษณะนิสัยคนไทยจริงๆ ขนาดบังคับขนาดนี้แล้วยังพยายามแสวงหาช่องทางสารพัดวิธี

ในส่วนที่ท่านกล่าวถึงวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณอย่างถึงที่สุดแล้วกับเคสต่างๆ แม้กระทั่งแอบๆแหกกฎหมายช่วยก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงความพอใจของคนครับ ยิ่งปัจจุบัน คนมีมือที่สักแต่โพสมีกล้องที่สักแต่ถ่าย มากกว่าคนใช้สมองคิด ไตร่ตรองและศึกษา

ยกตัวอย่างเคส กระเป๋าแบรนด์เนมที่สนามบินเมื่อหลายปีก่อนที่โพสและแชร์กันจนดังน่ะ ในมุมของผู้รู้กฎหมาย ผู้รู้วิธีปฏิบัติ มองเห็นกันชัดเจนครับ ว่าเจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณอย่างถึงที่สุดและถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว แต่ก็ยังไปไม่ได้ถึงความโลภของคน คือ"0" และแชร์ใส่ร้ายกันต่างๆนาๆครับ

ปล.ถกเรื่องนี้ ถกได้อีกยาวครับ เพราะกว่าจะได้ระเบียบแต่ละฉบับ ถกกันแบบนี้เยอะมาก

Edit เพิ่มเติม : ลืมถามประเภทของที่ควรจำแนกครับ อย่างเช่น
คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ควรจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ส่วนตัว หรืออุปกรณ์สำนักงาน?
กระเป๋า ควรจะเป็นของใช้ส่วนตัว หรือของฝาก?
เสื้อผ้า รองเท้า เป็นของใช้ส่วนตัว หรือของฝาก?
อะไรเป็นสิ่งการันตีประเภทสินค้า? ความซื่อสัตย์ของคนไทย(อย่าลืมประเด็นว่า กฎหมายฉบับเดียวต้องใช้กับทุกคนนะครับ)?  
 


ตามที่ท่านว่า คือถ้าจะพูดเรื่องนี้มันต้องว่ากันอีกยาว ค่อยๆแก้ตีจุดอ่อนให้ตกไปทีละจุด ส่วนที่ผมบอกไปเป็นเพียงไกด์ไลน์คร่าวๆ ถ้าผมเป็นคนรับผิดชอบงานนี้โดยตรงผมจะลุยให้ครบทุกข้อสงสัยเลย(อันนี้พูดจริงๆนะ)

Spoil
อย่างที่ท่านถามมาว่ามีพี่น้อง-เพื่อนเยอะ +ท่านเป็นคนรวยแล้วอยากซื้อแจก ก็ทำได้ครับแต่ไม่เกินปกติ(ถ้าเกินคุณก็ต้องแจ้ง+เสียภาษี) เช่นคุณหิ้วไอโฟนเข้ามา 5 เครื่องแบบนี้ก็ส่อเจตนาไม่ดี ถ้าผมเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบจะสั่งให้ขึ้นธงเหลืองไว้ในประวัติ ถ้ามีเหตุการณ์หิ้วของที่น่าสงสัยอีกก็โดนธงแดง ใครจะหิ้วของเข้ามาเยอะๆก็ต้องคิดหนักกันหน่อย

นอกจากนี้ควรจะทำงานเชิงรุกด้วย เช่น ทำแอพ-เว็บไซด์-แชทไลน์ ขึ้นมาให้ประชาชนสอบถามเลยว่า ถ้าเอาของประเภทนี้กี่ชิ้น เข้า-ออกประเทศต้องแจ้งมั๊ย เสียภาษีเท่าไหร่?
เปิดโอกาสให้ประชาชนรู้ว่าอันไหนได้-ไม่ได้ จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันทีหลัง


ต้องค่อยๆล้าง-แก้ระบบไปแต่ไม่ใช่รู้ว่ามีปัญหา แล้วปล่อยไว้ ไม่แก้ไข

ปล.ประเด็นเรื่องทิ้งกล่องนี่โคตรโหลยโท่ยเลยครับ ผมก็เห็นด้วยว่าเป็นอีกเรื่องที่ควรแก้
 
 


ถามจาก Spoil นะครับ (เราเล่น 20 คำถาม ผมเป็นเจ้าหนูจำไม 555)
Spoil
- แล้วถ้าการหิ้วเขามา เราจะพิสูจน์ยังไงครับ ว่าใช้หรือขาย? ผมหิ้วเข้ามา 5 เครื่องครั้งนี้ให้พี่น้องหมดจริงๆ คราวหน้าห้ามซื้ออะไรฝากพี่น้องหรือญาติ ใช่มั๊ยครับ? มันกลับไปคำถามที่ว่า แล้วของประเภทนี้มันส่วนตัวมั๊ย มันควบคุมยังไง กีดกันหรือไม่ มีปัญหาให้คนที่มีกำลังซื้อมาด่าย้อนหลังอีกหรือเปล่า ใช่มั๊ยครับ?

- แล้วเคยมีใครสนใจเข้าไปดูเว็ป หรือโทรสอบถามก่อนทำอะไรหรือเปล่าครับ? ทุกอย่างที่ท่านว่า มีอยู่แล้วนะ Website, Application ขาดแค่ Real time chat แล้วถ้าคนไม่สนใจหาข้อมูล แม้จะกระจายอะไรยังไง รวมถึงตั้งป้ายแล้วมีคนด่ากันมากมายทางอินเตอร์เน็ต เราทำยังไงครับ?

- ประเด็นกล่อง...แล้วแก้ยังไงดีครับ ในเมื่อออกระเบียบให้สำแดงออก ก็โห่และด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วจะพิสูจย์ยังไงว่าของเข้ามาเป็นของที่ออกไปจริง?  


เท่าที่ทราบ ทุกอย่างทุกตอน มีการขยับตลอดเวลาโดยผู้มีความรู้ระดับต้นๆของประเทศครับ
แต่โจทย์มันยาก ที่จะออกทีเดียวครอบคลุมทั้งหมด
การเล่น 20 คำถามแบบนี้ เขาเปิดบ่อยอยู่ครับ ณ เวลาที่ร่างกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งหน่วยงานนี้ Sensitive มากด้วยเพราะกระทบภาพรวมของประเทศเลย

โจทย์พวกนี้มีเยอะมากครับ ส่วนตัวผมเห็นใจคนเขียนกฎหมายเลยนะ เสมอตัวคือแค่โดนด่าน้อย ไม่มีมุมให้ไม่โดนด่าเลย

 



- แล้วถ้าการหิ้วเขามา เราจะพิสูจน์ยังไงครับ ว่าใช้หรือขาย? ผมหิ้วเข้ามา 5 เครื่องครั้งนี้ให้พี่น้องหมดจริงๆ คราวหน้าห้ามซื้ออะไรฝากพี่น้องหรือญาติ ใช่มั๊ยครับ? มันกลับไปคำถามที่ว่า แล้วของประเภทนี้มันส่วนตัวมั๊ย มันควบคุมยังไง กีดกันหรือไม่ มีปัญหาให้คนที่มีกำลังซื้อมาด่าย้อนหลังอีกหรือเปล่า ใช่มั๊ยครับ?


ก่อนอื่นต้องแยกแยะประเด็นเรื่อง"แจ้งสินทรัพย์เข้า-ออกเกิน2หมื่นบาท" กับ"การหิ้วของเพื่อเลี่ยงภาษี"ออกจากกันก่อน

การหิ้วมา3เครื่องก็เอาปูนหมายหัวไว้แล้วครับไม่ต้อง5เครื่อง ยึดตาม"ปกติสามัญ"เป็นที่ตั้ง เช่น การซื้อมือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าลักษณะเดียวกันมากกว่า3เครื่องก็ถือว่าผิดปกติแล้ว(ถ้าต้องการนำเข้า-ออกเกิน3เครื่องแบบนี้ต้องแจ้งครับ)

เพื่อน-พี่น้องฝากซื้อ? ซื้อฝากจริงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นครับ ประเด็นคือเพียงพอต่อการใช้ เช่นบุหรี่นำเข้ามาได้ไม่เกิน2คอต จะเอาเข้าเยอะเกินกว่านั้นต้องเสียภาษีครับ(ไม่ใช่เอาเข้าไม่ได้นะ)

สรุป ไม่ได้กีดกันนะครับว่าจะเอาเข้า-ออกกี่ชิ้น เพียงแต่ถ้าเกินจำนวนที่กำหนด-ผิดปกติ คุณต้องแจ้งหรือชำระภาษี


- แล้วเคยมีใครสนใจเข้าไปดูเว็ป หรือโทรสอบถามก่อนทำอะไรหรือเปล่าครับ? ทุกอย่างที่ท่านว่า มีอยู่แล้วนะ Website, Application ขาดแค่ Real time chat แล้วถ้าคนไม่สนใจหาข้อมูล แม้จะกระจายอะไรยังไง รวมถึงตั้งป้ายแล้วมีคนด่ากันมากมายทางอินเตอร์เน็ต เราทำยังไงครับ?

PR สิครับ ถ้าทุนต่ำก็ทำป้ายที่สนามบิน แจ้งนักข่าวขี้คร้านจะวิ่งหูตูบมาขอสัมภาษณ์ ทุนสูงหน่อยก็โฆษณา

ถ้ามีของแล้วแต่คนไม่รู้ ต้องฝากไปตบกะโหลกPRแรงๆเลยครับเอาหลายๆทีด้วย เพราะลงทุนตั้งเยอะแต่ไม่รู้จักนำเสนอ

แต่ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าเว็บไซด์ใช้ได้จริง? ใช้งานยากหรือเปล่า? ให้คนภายนอกทดสอบการใช้งานหรือเปล่าว่าใช้งานได้จริง?(หลายหน่วยงานมีเว็บไซด์ แอพ แต่ไม่มีคนดูแล-เว็บใช้งานยุ่งยาก เช่นเรื่องการหาค่าพิกัดภาษีขอบอกเลยว่าใช้ยาก-งงโคตรๆ ทำออกมาเพื่อให้คนในหน่วยงานอ่านแล้วเข้าใจแต่คนภายนอกไม่เข้าใจ แบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์)


- ประเด็นกล่อง...แล้วแก้ยังไงดีครับ ในเมื่อออกระเบียบให้สำแดงออก ก็โห่และด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วจะพิสูจย์ยังไงว่าของเข้ามาเป็นของที่ออกไปจริง?

บางเรื่องก็ต้องปล่อยครับ เห็นๆอยู่ว่าเค้าซื้อมาแล้วทิ้งกล่องเพื่อเลี่ยงภาษี ถามว่าคุณแก้อะไรได้มั๊ย? เล่นไม่ได้ก็ไม่ต้องเล่นครับ เอาเวลาไปเล่นเรื่องอื่น เนื้อหาหนักเบาต้องรู้จักแยกแยะ ของ1-2ชิ้นไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเอามาใส่ใจ (ยกเว้นว่าคนๆนี้มี"ความถี่"ในการหิ้วของสูง)

กม.ก็เหมือนแหตากว้างๆ ในการจับปลา แล้วค่อยใช้จนท.เป็นคนกรองอีกชั้นนึงคอยคัดเลือกแต่ปลาที่ต้องการ อาจจะมีบ้างที่ปลาตัวเล็กจะหลุดรอดออกไป


ปล.ถ้าถามมากว่านี้จะคิดตังค์แล้วนะ
มันเป็นหน้าที่ๆคนในหน่วยงานจะต้องทำ-แก้ไขกันเอง  


ไม่ถามแล้วกันนะ เอาเป็นตอบให้ดีกว่า 5555555

ก่อนอื่นต้องแยกแยะประเด็นเรื่อง"แจ้งสินทรัพย์เข้า-ออกเกิน2หมื่นบาท" กับ"การหิ้วของเพื่อเลี่ยงภาษี"ออกจากกันก่อน

การหิ้วมา3เครื่องก็เอาปูนหมายหัวไว้แล้วครับไม่ต้อง5เครื่อง ยึดตาม"ปกติสามัญ"เป็นที่ตั้ง เช่น การซื้อมือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าลักษณะเดียวกันมากกว่า3เครื่องก็ถือว่าผิดปกติแล้ว(ถ้าต้องการนำเข้า-ออกเกิน3เครื่องแบบนี้ต้องแจ้งครับ)

เพื่อน-พี่น้องฝากซื้อ? ซื้อฝากจริงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นครับ ประเด็นคือเพียงพอต่อการใช้ เช่นบุหรี่นำเข้ามาได้ไม่เกิน2คอต จะเอาเข้าเยอะเกินกว่านั้นต้องเสียภาษีครับ(ไม่ใช่เอาเข้าไม่ได้นะ)

สรุป ไม่ได้กีดกันนะครับว่าจะเอาเข้า-ออกกี่ชิ้น เพียงแต่ถ้าเกินจำนวนที่กำหนด-ผิดปกติ คุณต้องแจ้งหรือชำระภาษี

ทั้งสองประเด็น ชี้แจงดังนี้
- ของติดตัวออกไป / ด้วย"วิจารณญาณของเจ้าหน้าที่" จริงๆแล้วไม่ได้ Strict ถึงขนาดนั้น แต่เพราะความเป็น"คนไทย"นี่ล่ะ ทำยังไงให้ลักลอบ(ซื้อของส่วนตัว)เข้ามาได้มากที่สุด ซึ่งจริงๆแล้ว ท่านจะเอาของติดตัวออกไปซักแสน ซักล้าน ถ้าสำแดงไว้ก่อนออกไป มันไม่มีปัญหาเลย แต่......................
"คนไทย"บอกยุ่งยาก ไม่ทำ!!!!!!!!!
- ของฝาก / มันอิงถึงประเด็นข้างบนนี่ล่ะ ทุกอย่างมีการกำหนดไว้ตามที่บอก แต่เพราะพอของที่เอามาฝากเสียภาษี "คนไทย"ก็ทำแบบข้างบนนี่ล่ะ และเป็นที่มาของการกำหนดตัวเงินครับ
ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป มันมีเหตุมีผลในการกำหนดครับ


PR สิครับ ถ้าทุนต่ำก็ทำป้ายที่สนามบิน แจ้งนักข่าวขี้คร้านจะวิ่งหูตูบมาขอสัมภาษณ์ ทุนสูงหน่อยก็โฆษณา

ถ้ามีของแล้วแต่คนไม่รู้ ต้องฝากไปตบกะโหลกPRแรงๆเลยครับเอาหลายๆทีด้วย เพราะลงทุนตั้งเยอะแต่ไม่รู้จักนำเสนอ

แต่ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าเว็บไซด์ใช้ได้จริง? ใช้งานยากหรือเปล่า? ให้คนภายนอกทดสอบการใช้งานหรือเปล่าว่าใช้งานได้จริง?(หลายหน่วยงานมีเว็บไซด์ แอพ แต่ไม่มีคนดูแล-เว็บใช้งานยุ่งยาก เช่นเรื่องการหาค่าพิกัดภาษีขอบอกเลยว่าใช้ยาก-งงโคตรๆ ทำออกมาเพื่อให้คนในหน่วยงานอ่านแล้วเข้าใจแต่คนภายนอกไม่เข้าใจ แบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์)

ตอบเลยครับ ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ PR ตอนนี้น่ะ ทุกอย่างเสถียร อ่านง่าย เข้าใจง่าย ืทำการ PR ทุกอย่างทุกวิธี เปิดชี้แจงต่อสาธารณะชนบ่อยมากกกกกกกกกแต่......................
อะไรที่เป็นหลักการและประโยชน์กับชีวิต คนไทยมักไม่อ่านและไม่สนใจครับ สนแต่พวกแชร์ๆกันทั้งหลาย หรือเคสดราม่าแล้วรุมด่า แม้ว่าจะประชาสัมพันธ์ยังไง ก็สำหรับคนไทยก็ไม่สนใจครับ เพราะสนแค่จะดราม่ากันตอนตัวเองเดือดร้อนจากการทำผิดกฎหมายนี่ล่ะ
ถ้าอย่างงี้ ควรตบกะโหลกคนคน PR หรือตบกะโหลกคนสักแต่อยากจะเดินทางท่องเที่ยวแต่ไม่หัดศึกษาอะไรเลยแล้วค่อยมาดราม่าครับ?

กม.ก็เหมือนแหตากว้างๆ ในการจับปลา แล้วค่อยใช้จนท.เป็นคนกรองอีกชั้นนึงคอยคัดเลือกแต่ปลาที่ต้องการ อาจจะมีบ้างที่ปลาตัวเล็กจะหลุดรอดออกไป
ใช่ครับ ทุกวันนี้ก็ทำแบบนั้นล่ะ และ.....................
โดนด่ากันทั่วประเทศแบบนี้ไงครับ เพราะมันกลายเป็นอิงกับวิจารณญาณ คนไม่ถูกใจก็แชร์กันเข้าไปสิ ว่าเจ้าหน้าที่อยากได้เงินใต้โต๊ะ เจ้าหน้าที่ทุจริต ทั้งๆที่เกือบทั้งหมดที่อ่านข่าว ก็ไม่ได้เป็นตามนั้นครับ

มันเป็นหน้าที่ๆคนในหน่วยงานจะต้องทำ-แก้ไขกันเอง
- อันนี้จริงครับ แต่แค่การแก้ปัญหาให้อยู่ในภาพรวม อยู่ในระเบียบเดียวกันทั้งประเทศ มันก็ไม่ได้สามารถออกระเบียบให้ตรงกับความต้องการหรือกิเลสคนได้ทุกคน
เท่าที่เห็น เจ้าหน้าที่ก็ทำใจกับพวกเรื่อง ดราม่าพอสมควรละครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Chelsea supporter since 1992 ... o_O"

FB Page : PRP Customs Consultant
รับปรึกษาปัญหา และให้ความรู้เกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออก รวมถึงข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
https://www.facebook.com/customs1215

ปล.ได้รับอนุญาตจากคุณเบนในการแปะลิงค์เพจเรียบร้อยแล้ว
ออฟไลน์
P42
อวาตาร์&ลายเซ็นต์ผิดกฏ
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 Nov 2008
ตอบ: 4047
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jun 23, 2018 13:14
[RE: ลบภาพนายกฯ สวมผ้าพันคอแบรนด์เนม ออกจากเพจแล้ว]
Spoil
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Spoil
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
ตอนออกไปแจ้งหรือเปล่าว่าเอาทรัพย์สินมูลค่าเกิน2หมื่นออกนอกประเทศ


ถ้าไม่ได้แจ้ง ขากลับอย่าลืมแจ้งนะ



ปล.ถ้าลุงรู้สึกว่ากม.มันงี่เง่า ฝากไปตบกะโหลกลูกน้องด้วยนะว่าทำไมไม่แก้ไข  


ขออภัยที่โควทครับ

อันนี้ถามเฉยๆนะ ไม่เกี่ยวกับการเมือง เพราะประเด็นนี้มันเข้าศุลกากรล้วนๆเลย(ผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่/เจ้าพนักงานนะ)

ในความคิดเห็นส่วนตัวท่าน เราควรเซ็ตยังไงดีครับ ถึงจะครอบคลุมและแก้ปัญหานิสัย"แบบไทยๆ"ได้ครบถ้วนกระบวนความครับ

Edit : ลองเล่น 20 คำถามดูจากโจทย์นี้ แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่คิดกับสิ่งที่อยากได้ มันไม่ได้ไปในทางเดียวกันเลยครับ  



เอามูลค่าตัวเงินออก เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเงินมันจะเฟ้อ ต้องมาแก้กม.เรื่อยๆ

ดูเจตนาว่าซื้อมาใช้เอง หรือหิ้วมาขาย
ดูเจตนาว่าจงใจหิ้วไปขายหรือ เอาไปฝาก
โดยดูปริมาณ-จำนวนว่า"ของ"ดังกล่าวไม่ได้เกินวิสัยที่คนปกติคนนึงจะใช้  


นั่นหมายความว่า ไม่จำกัดมูลค่าสูงสุด อยากเอาเข้าเอาออกเท่าไหร่ก็ได้ ใช่มั๊ยครับ
ถ้าอย่างงี้จะพิสูจน์ยังไง ว่าของที่หิ้วกลับเข้ามาเป็นของของเราจริง?

และถามสมมติว่า ผมเอาเข้ามากระเป๋า 50 ใบเพื่อฝากญาติและคนสนิททุกคนล่ะ แล้วจะพิสูจน์ยังไงว่าผมเอาไปแจกจริงหลังจากผ่านด่าน หรือเอากลับมาขายครับ? เพราะภาระภาษีที่เกิด ต้องเคลียร์ให้จบ ณ ตอนผ่านด่าน  


ตามที่ผมเน้นสีแดงไว้ รวมถึงของฝากด้วย โดยให้จนท.ตัดสินใจด้วยสามัญสำนึกว่า วิญญูชนตามปกติพึงนำเข้ามาเท่าไหร่(อย่างของฝากเช่นของกิน-ของที่ระลึกถ้าคุณเอาเข้ามาเยอะหน่อยก็ไม่แปลก แต่หิ้วเครื่องใช้ไฟฟ้า-กระเป๋าแบบเดียวกันหรือใกล้เคียงเข้ามาเกิน3ชิ้นมันก็ดูแปลกแล้ว(อาจจะปล่อยผ่านในรอบแรกแต่หมายหัวเอาไว้ว่าเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายเลี่ยงภาษี) ถ้าตามตย.ที่คุณยกมา ถึงจะแค่5ใบ ไม่ว่าจะแจกหรือฝากซื้อจริงก็ต้องถือว่าจำนวน"เกินปกติ"

ส่วนเรื่องมูลค่าสูงสุดในการนำเข้าออกนั้น ถ้าผมจำไม่ผิดมันจะมีหมวดแยกต่างหากออกไปอีกข้อเรื่องนำเงินสด ของมีค่าพวกเพชร ทอง ฯลฯควบคุมต่างหากอีกชั้นนึง  


งั้นถ้าในมุมของผู้ถือของเข้ามา ด้วยความสัตย์จริง ผมมีพี่น้อง 4 คน ลูกพี่ลูกน้องเยอะเลยที่บ้านอยู่ในละแวกเดียวกันหลายคน ถ้าผมเห็นเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ๆน่าสนใจ หรือกระเป๋าลายสวยๆ ผมไม่สามารถนำของเหมือนๆกันมาให้ทุกคนได้ใช่หรือเปล่าครับ? อย่างงี้กฎหมายกีดกันหรือล้าหลังหรือเปล่า? แล้วถ้านำของหลายๆแบบ แบบละไม่กี่ชิ้นเข้ามา มันมีอะไรยืนยันว่าทุกชิ้นที่เข้ามา ไม่ใช่เพื่อการค้า?

การหมายหัวแล้วตามสืบทีหลัง ทำยังไงครับ? หรือทำในครั้งต่อๆไป? แล้วถ้าผมเป็นคนค่อนข้างมีสตางค์ ซื้อของแจกพี่น้องได้บ่อยๆ อะไรเป็นสิ่งยืนยันครับ?

และในมุมกลับกัน มันมีความเป็นธรรมต่อร้านค้าที่นำเข้ามา"และเสียภาษี"หรือเปล่า? ราคาขายที่เมืองไทยต่ำกว่าราคาขายเมืองนอกที่ยังไม่เสียภาษี เรายินดีที่จะเอาภาษีเงินได้ของประเทศเราที่เอาไว้ใช้ต่างๆนานา ไปแปรเป็นค่าตั๋วเครื่องบินให้สายการบินต่างๆหรือเปล่า? แล้วถ้าแปรไปเป็นค่าเดินทาง เรารับได้หรือเปล่ากับงบที่น้อยลงและพัฒนาอะไรต่างๆได้น้อยลง รวมถึงการลงทุนขายสินค้าสำเร็จรูปในเมืองไทยน้อยลง?

ส่วนเรื่องมูลค่าของ มองในมุมกลับ ถ้าไม่ระบุราคา เอาแค่ตัวของ
ผู้เดินทาง"ทุกคน"ยินดีสำแดงของก่อนออกไปมั๊ยครับ? เพราะระเบียบมันต้องบังคับทุกคนไม่ใช่เพื่อคนใดคนนึง แล้วถ้าไม่ต้องยืนยัน อะไรเป็นสิ่งการันตีว่าของที่เข้ามาเป็นของที่ถือออกไป? หรือแค่แกะกล่องโยนทิ้ง(ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ก็รู้ แต่หลุดมาด้วยวิจารณญาณที่ว่านั่นล่ะ)ก็ถือเป็นของส่วนตัวครับ? แล้วถ้าแบบนั้น ต่างอะไรกับหิ้วมาครับ?
.
.
.
ด้วยความสัตย์จริง ไม่ได้ตั้งใจจะกวนท่านนะ แต่แค่ชี้ให้เห็นว่า มันมีปัญหา มีคำถามตามมามากมาย
กฎหมายสามารถออกบังคับใช้ได้แค่ฉบับเดียว ทั้งกับธุรกิจ กับคน กับผู้หิ้ว กับผู้เดินทางไปท่องเที่ยว กับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ มีผลกระทบวงกว้าง
เห็นด้วยนะ ที่บางที่มันก็ Non-sense แต่ถ้าเอาจากหน้างานจริง จากลักษณะนิสัยคนไทยจริงๆ ขนาดบังคับขนาดนี้แล้วยังพยายามแสวงหาช่องทางสารพัดวิธี

ในส่วนที่ท่านกล่าวถึงวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณอย่างถึงที่สุดแล้วกับเคสต่างๆ แม้กระทั่งแอบๆแหกกฎหมายช่วยก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงความพอใจของคนครับ ยิ่งปัจจุบัน คนมีมือที่สักแต่โพสมีกล้องที่สักแต่ถ่าย มากกว่าคนใช้สมองคิด ไตร่ตรองและศึกษา

ยกตัวอย่างเคส กระเป๋าแบรนด์เนมที่สนามบินเมื่อหลายปีก่อนที่โพสและแชร์กันจนดังน่ะ ในมุมของผู้รู้กฎหมาย ผู้รู้วิธีปฏิบัติ มองเห็นกันชัดเจนครับ ว่าเจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณอย่างถึงที่สุดและถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว แต่ก็ยังไปไม่ได้ถึงความโลภของคน คือ"0" และแชร์ใส่ร้ายกันต่างๆนาๆครับ

ปล.ถกเรื่องนี้ ถกได้อีกยาวครับ เพราะกว่าจะได้ระเบียบแต่ละฉบับ ถกกันแบบนี้เยอะมาก

Edit เพิ่มเติม : ลืมถามประเภทของที่ควรจำแนกครับ อย่างเช่น
คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ควรจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ส่วนตัว หรืออุปกรณ์สำนักงาน?
กระเป๋า ควรจะเป็นของใช้ส่วนตัว หรือของฝาก?
เสื้อผ้า รองเท้า เป็นของใช้ส่วนตัว หรือของฝาก?
อะไรเป็นสิ่งการันตีประเภทสินค้า? ความซื่อสัตย์ของคนไทย(อย่าลืมประเด็นว่า กฎหมายฉบับเดียวต้องใช้กับทุกคนนะครับ)?  
 


ตามที่ท่านว่า คือถ้าจะพูดเรื่องนี้มันต้องว่ากันอีกยาว ค่อยๆแก้ตีจุดอ่อนให้ตกไปทีละจุด ส่วนที่ผมบอกไปเป็นเพียงไกด์ไลน์คร่าวๆ ถ้าผมเป็นคนรับผิดชอบงานนี้โดยตรงผมจะลุยให้ครบทุกข้อสงสัยเลย(อันนี้พูดจริงๆนะ)

Spoil
อย่างที่ท่านถามมาว่ามีพี่น้อง-เพื่อนเยอะ +ท่านเป็นคนรวยแล้วอยากซื้อแจก ก็ทำได้ครับแต่ไม่เกินปกติ(ถ้าเกินคุณก็ต้องแจ้ง+เสียภาษี) เช่นคุณหิ้วไอโฟนเข้ามา 5 เครื่องแบบนี้ก็ส่อเจตนาไม่ดี ถ้าผมเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบจะสั่งให้ขึ้นธงเหลืองไว้ในประวัติ ถ้ามีเหตุการณ์หิ้วของที่น่าสงสัยอีกก็โดนธงแดง ใครจะหิ้วของเข้ามาเยอะๆก็ต้องคิดหนักกันหน่อย

นอกจากนี้ควรจะทำงานเชิงรุกด้วย เช่น ทำแอพ-เว็บไซด์-แชทไลน์ ขึ้นมาให้ประชาชนสอบถามเลยว่า ถ้าเอาของประเภทนี้กี่ชิ้น เข้า-ออกประเทศต้องแจ้งมั๊ย เสียภาษีเท่าไหร่?
เปิดโอกาสให้ประชาชนรู้ว่าอันไหนได้-ไม่ได้ จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันทีหลัง


ต้องค่อยๆล้าง-แก้ระบบไปแต่ไม่ใช่รู้ว่ามีปัญหา แล้วปล่อยไว้ ไม่แก้ไข

ปล.ประเด็นเรื่องทิ้งกล่องนี่โคตรโหลยโท่ยเลยครับ ผมก็เห็นด้วยว่าเป็นอีกเรื่องที่ควรแก้
 
 


ถามจาก Spoil นะครับ (เราเล่น 20 คำถาม ผมเป็นเจ้าหนูจำไม 555)
Spoil
- แล้วถ้าการหิ้วเขามา เราจะพิสูจน์ยังไงครับ ว่าใช้หรือขาย? ผมหิ้วเข้ามา 5 เครื่องครั้งนี้ให้พี่น้องหมดจริงๆ คราวหน้าห้ามซื้ออะไรฝากพี่น้องหรือญาติ ใช่มั๊ยครับ? มันกลับไปคำถามที่ว่า แล้วของประเภทนี้มันส่วนตัวมั๊ย มันควบคุมยังไง กีดกันหรือไม่ มีปัญหาให้คนที่มีกำลังซื้อมาด่าย้อนหลังอีกหรือเปล่า ใช่มั๊ยครับ?

- แล้วเคยมีใครสนใจเข้าไปดูเว็ป หรือโทรสอบถามก่อนทำอะไรหรือเปล่าครับ? ทุกอย่างที่ท่านว่า มีอยู่แล้วนะ Website, Application ขาดแค่ Real time chat แล้วถ้าคนไม่สนใจหาข้อมูล แม้จะกระจายอะไรยังไง รวมถึงตั้งป้ายแล้วมีคนด่ากันมากมายทางอินเตอร์เน็ต เราทำยังไงครับ?

- ประเด็นกล่อง...แล้วแก้ยังไงดีครับ ในเมื่อออกระเบียบให้สำแดงออก ก็โห่และด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วจะพิสูจย์ยังไงว่าของเข้ามาเป็นของที่ออกไปจริง?  


เท่าที่ทราบ ทุกอย่างทุกตอน มีการขยับตลอดเวลาโดยผู้มีความรู้ระดับต้นๆของประเทศครับ
แต่โจทย์มันยาก ที่จะออกทีเดียวครอบคลุมทั้งหมด
การเล่น 20 คำถามแบบนี้ เขาเปิดบ่อยอยู่ครับ ณ เวลาที่ร่างกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งหน่วยงานนี้ Sensitive มากด้วยเพราะกระทบภาพรวมของประเทศเลย

โจทย์พวกนี้มีเยอะมากครับ ส่วนตัวผมเห็นใจคนเขียนกฎหมายเลยนะ เสมอตัวคือแค่โดนด่าน้อย ไม่มีมุมให้ไม่โดนด่าเลย

 



- แล้วถ้าการหิ้วเขามา เราจะพิสูจน์ยังไงครับ ว่าใช้หรือขาย? ผมหิ้วเข้ามา 5 เครื่องครั้งนี้ให้พี่น้องหมดจริงๆ คราวหน้าห้ามซื้ออะไรฝากพี่น้องหรือญาติ ใช่มั๊ยครับ? มันกลับไปคำถามที่ว่า แล้วของประเภทนี้มันส่วนตัวมั๊ย มันควบคุมยังไง กีดกันหรือไม่ มีปัญหาให้คนที่มีกำลังซื้อมาด่าย้อนหลังอีกหรือเปล่า ใช่มั๊ยครับ?


ก่อนอื่นต้องแยกแยะประเด็นเรื่อง"แจ้งสินทรัพย์เข้า-ออกเกิน2หมื่นบาท" กับ"การหิ้วของเพื่อเลี่ยงภาษี"ออกจากกันก่อน

การหิ้วมา3เครื่องก็เอาปูนหมายหัวไว้แล้วครับไม่ต้อง5เครื่อง ยึดตาม"ปกติสามัญ"เป็นที่ตั้ง เช่น การซื้อมือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าลักษณะเดียวกันมากกว่า3เครื่องก็ถือว่าผิดปกติแล้ว(ถ้าต้องการนำเข้า-ออกเกิน3เครื่องแบบนี้ต้องแจ้งครับ)

เพื่อน-พี่น้องฝากซื้อ? ซื้อฝากจริงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นครับ ประเด็นคือเพียงพอต่อการใช้ เช่นบุหรี่นำเข้ามาได้ไม่เกิน2คอต จะเอาเข้าเยอะเกินกว่านั้นต้องเสียภาษีครับ(ไม่ใช่เอาเข้าไม่ได้นะ)

สรุป ไม่ได้กีดกันนะครับว่าจะเอาเข้า-ออกกี่ชิ้น เพียงแต่ถ้าเกินจำนวนที่กำหนด-ผิดปกติ คุณต้องแจ้งหรือชำระภาษี


- แล้วเคยมีใครสนใจเข้าไปดูเว็ป หรือโทรสอบถามก่อนทำอะไรหรือเปล่าครับ? ทุกอย่างที่ท่านว่า มีอยู่แล้วนะ Website, Application ขาดแค่ Real time chat แล้วถ้าคนไม่สนใจหาข้อมูล แม้จะกระจายอะไรยังไง รวมถึงตั้งป้ายแล้วมีคนด่ากันมากมายทางอินเตอร์เน็ต เราทำยังไงครับ?

PR สิครับ ถ้าทุนต่ำก็ทำป้ายที่สนามบิน แจ้งนักข่าวขี้คร้านจะวิ่งหูตูบมาขอสัมภาษณ์ ทุนสูงหน่อยก็โฆษณา

ถ้ามีของแล้วแต่คนไม่รู้ ต้องฝากไปตบกะโหลกPRแรงๆเลยครับเอาหลายๆทีด้วย เพราะลงทุนตั้งเยอะแต่ไม่รู้จักนำเสนอ

แต่ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าเว็บไซด์ใช้ได้จริง? ใช้งานยากหรือเปล่า? ให้คนภายนอกทดสอบการใช้งานหรือเปล่าว่าใช้งานได้จริง?(หลายหน่วยงานมีเว็บไซด์ แอพ แต่ไม่มีคนดูแล-เว็บใช้งานยุ่งยาก เช่นเรื่องการหาค่าพิกัดภาษีขอบอกเลยว่าใช้ยาก-งงโคตรๆ ทำออกมาเพื่อให้คนในหน่วยงานอ่านแล้วเข้าใจแต่คนภายนอกไม่เข้าใจ แบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์)


- ประเด็นกล่อง...แล้วแก้ยังไงดีครับ ในเมื่อออกระเบียบให้สำแดงออก ก็โห่และด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วจะพิสูจย์ยังไงว่าของเข้ามาเป็นของที่ออกไปจริง?

บางเรื่องก็ต้องปล่อยครับ เห็นๆอยู่ว่าเค้าซื้อมาแล้วทิ้งกล่องเพื่อเลี่ยงภาษี ถามว่าคุณแก้อะไรได้มั๊ย? เล่นไม่ได้ก็ไม่ต้องเล่นครับ เอาเวลาไปเล่นเรื่องอื่น เนื้อหาหนักเบาต้องรู้จักแยกแยะ ของ1-2ชิ้นไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเอามาใส่ใจ (ยกเว้นว่าคนๆนี้มี"ความถี่"ในการหิ้วของสูง)

กม.ก็เหมือนแหตากว้างๆ ในการจับปลา แล้วค่อยใช้จนท.เป็นคนกรองอีกชั้นนึงคอยคัดเลือกแต่ปลาที่ต้องการ อาจจะมีบ้างที่ปลาตัวเล็กจะหลุดรอดออกไป


ปล.ถ้าถามมากว่านี้จะคิดตังค์แล้วนะ
มันเป็นหน้าที่ๆคนในหน่วยงานจะต้องทำ-แก้ไขกันเอง  


ไม่ถามแล้วกันนะ เอาเป็นตอบให้ดีกว่า 5555555

ก่อนอื่นต้องแยกแยะประเด็นเรื่อง"แจ้งสินทรัพย์เข้า-ออกเกิน2หมื่นบาท" กับ"การหิ้วของเพื่อเลี่ยงภาษี"ออกจากกันก่อน

การหิ้วมา3เครื่องก็เอาปูนหมายหัวไว้แล้วครับไม่ต้อง5เครื่อง ยึดตาม"ปกติสามัญ"เป็นที่ตั้ง เช่น การซื้อมือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าลักษณะเดียวกันมากกว่า3เครื่องก็ถือว่าผิดปกติแล้ว(ถ้าต้องการนำเข้า-ออกเกิน3เครื่องแบบนี้ต้องแจ้งครับ)

เพื่อน-พี่น้องฝากซื้อ? ซื้อฝากจริงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นครับ ประเด็นคือเพียงพอต่อการใช้ เช่นบุหรี่นำเข้ามาได้ไม่เกิน2คอต จะเอาเข้าเยอะเกินกว่านั้นต้องเสียภาษีครับ(ไม่ใช่เอาเข้าไม่ได้นะ)

สรุป ไม่ได้กีดกันนะครับว่าจะเอาเข้า-ออกกี่ชิ้น เพียงแต่ถ้าเกินจำนวนที่กำหนด-ผิดปกติ คุณต้องแจ้งหรือชำระภาษี

ทั้งสองประเด็น ชี้แจงดังนี้
- ของติดตัวออกไป / ด้วย"วิจารณญาณของเจ้าหน้าที่" จริงๆแล้วไม่ได้ Strict ถึงขนาดนั้น แต่เพราะความเป็น"คนไทย"นี่ล่ะ ทำยังไงให้ลักลอบ(ซื้อของส่วนตัว)เข้ามาได้มากที่สุด ซึ่งจริงๆแล้ว ท่านจะเอาของติดตัวออกไปซักแสน ซักล้าน ถ้าสำแดงไว้ก่อนออกไป มันไม่มีปัญหาเลย แต่......................
"คนไทย"บอกยุ่งยาก ไม่ทำ!!!!!!!!!
- ของฝาก / มันอิงถึงประเด็นข้างบนนี่ล่ะ ทุกอย่างมีการกำหนดไว้ตามที่บอก แต่เพราะพอของที่เอามาฝากเสียภาษี "คนไทย"ก็ทำแบบข้างบนนี่ล่ะ และเป็นที่มาของการกำหนดตัวเงินครับ
ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป มันมีเหตุมีผลในการกำหนดครับ


PR สิครับ ถ้าทุนต่ำก็ทำป้ายที่สนามบิน แจ้งนักข่าวขี้คร้านจะวิ่งหูตูบมาขอสัมภาษณ์ ทุนสูงหน่อยก็โฆษณา

ถ้ามีของแล้วแต่คนไม่รู้ ต้องฝากไปตบกะโหลกPRแรงๆเลยครับเอาหลายๆทีด้วย เพราะลงทุนตั้งเยอะแต่ไม่รู้จักนำเสนอ

แต่ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าเว็บไซด์ใช้ได้จริง? ใช้งานยากหรือเปล่า? ให้คนภายนอกทดสอบการใช้งานหรือเปล่าว่าใช้งานได้จริง?(หลายหน่วยงานมีเว็บไซด์ แอพ แต่ไม่มีคนดูแล-เว็บใช้งานยุ่งยาก เช่นเรื่องการหาค่าพิกัดภาษีขอบอกเลยว่าใช้ยาก-งงโคตรๆ ทำออกมาเพื่อให้คนในหน่วยงานอ่านแล้วเข้าใจแต่คนภายนอกไม่เข้าใจ แบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์)

ตอบเลยครับ ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ PR ตอนนี้น่ะ ทุกอย่างเสถียร อ่านง่าย เข้าใจง่าย ืทำการ PR ทุกอย่างทุกวิธี เปิดชี้แจงต่อสาธารณะชนบ่อยมากกกกกกกกกแต่......................
อะไรที่เป็นหลักการและประโยชน์กับชีวิต คนไทยมักไม่อ่านและไม่สนใจครับ สนแต่พวกแชร์ๆกันทั้งหลาย หรือเคสดราม่าแล้วรุมด่า แม้ว่าจะประชาสัมพันธ์ยังไง ก็สำหรับคนไทยก็ไม่สนใจครับ เพราะสนแค่จะดราม่ากันตอนตัวเองเดือดร้อนจากการทำผิดกฎหมายนี่ล่ะ
ถ้าอย่างงี้ ควรตบกะโหลกคนคน PR หรือตบกะโหลกคนสักแต่อยากจะเดินทางท่องเที่ยวแต่ไม่หัดศึกษาอะไรเลยแล้วค่อยมาดราม่าครับ?

กม.ก็เหมือนแหตากว้างๆ ในการจับปลา แล้วค่อยใช้จนท.เป็นคนกรองอีกชั้นนึงคอยคัดเลือกแต่ปลาที่ต้องการ อาจจะมีบ้างที่ปลาตัวเล็กจะหลุดรอดออกไป
ใช่ครับ ทุกวันนี้ก็ทำแบบนั้นล่ะ และ.....................
โดนด่ากันทั่วประเทศแบบนี้ไงครับ เพราะมันกลายเป็นอิงกับวิจารณญาณ คนไม่ถูกใจก็แชร์กันเข้าไปสิ ว่าเจ้าหน้าที่อยากได้เงินใต้โต๊ะ เจ้าหน้าที่ทุจริต ทั้งๆที่เกือบทั้งหมดที่อ่านข่าว ก็ไม่ได้เป็นตามนั้นครับ

มันเป็นหน้าที่ๆคนในหน่วยงานจะต้องทำ-แก้ไขกันเอง
- อันนี้จริงครับ แต่แค่การแก้ปัญหาให้อยู่ในภาพรวม อยู่ในระเบียบเดียวกันทั้งประเทศ มันก็ไม่ได้สามารถออกระเบียบให้ตรงกับความต้องการหรือกิเลสคนได้ทุกคน
เท่าที่เห็น เจ้าหน้าที่ก็ทำใจกับพวกเรื่อง ดราม่าพอสมควรละครับ  
 



ขอพูดเฉพาะประเด็นPR ละกัน ถ้าทำPRแล้วคนไม่สนใจ เหมือนไม่มีตัวตน แสดงว่า PRคุณไม่ดี-ไม่เก่ง
ขอยกตัวอย่าง โฆษณาบริษัทโทนาฟ กับโฆษณาบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ทั้งคู่ทำPRเหมือนกัน แต่คุณภาพต่างกันคนละโลก

PR ที่ดี-เก่งต้องทำเรื่องที่คนไม่สนใจ-ภาพลักษณ์ติดลบ ให้คนสนใจ+มองแง่บวก
(PRบ.ประกันงานโคตรหิน ภาพลักษณ์---ยังสามารถนำเสนอให้ลูกค้ารู้สึกดีได้เลย PRทีมนี้โคตรเทพครับ)


PRคุณต้องจับจุดให้ได้ก่อนว่าจะเล่นเรื่องไหนคนถึงจะสนใจ เช่น นำเสนอเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ต่อตัวผู้โดยสารเอง ทำให้ง่ายกระชับ ไม่น่าเบื่อ ถ้าทำเองแล้วไม่เวิคก็ต้องให้มืออาชีพเข้ามาทำ ไม่งั้นระบบที่ลงทุนไปก็ไม่มีค่า

อย่าไปตั้งแง่ลบใส่ผู้ใช้บริการว่าสนใจแต่เรื่องดราม่า แบบนี้จะแก้ปัญหากันยาก เรื่องผลประโยชน์ตัวเอง(โดยเฉพาะเรื่องเงิน)เชื่อเหอะครับว่าคนไทยมีความสนใจอยู่แล้ว ขอแค่คุณจุดไฟให้ถูกจุดแค่นั้นเอง

เรื่องเว็บไซด-แอพ
ระบบเสถียร >>เป็นเรื่องปกติของทุกเว็บไซด์ครับ อันนี้ไม่ใช่จุดแข็งที่โดดเด่นกว่าเว็บไซด์อื่นๆ

อ่านง่าย เข้าใจง่าย>> มีคนภายนอกชมเรื่องนี้? หรือว่าใช้เองแล้วรู้สึกว่าใช้ง่าย? 2อย่างนี้โคตรต่างเลยนะครับ อย่างหลังนี่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลยเพราะคนภายนอกองค์กรเค้าไม่คิดแบบนั้น เช่น ศัพท์เทคนิคพื้นฐานบางอย่างภายในองค์กรแต่คนภายนอกเค้าไม่รู้จัก

เวลาทดสอบระบบถึงต้องให้คนนอกเข้ามาเป็นคนทดสอบ-ประเมินผล กลุ่มตัวอย่างที่นำมาทดสอบยิ่งไม่มีความรู้ยิ่งดี ถ้าคนกลุ่มนี้ใช้งานได้ แสดงว่าระบบคุณดีจริง เข้าใจง่ายจริง

ผมเคยลองเข้าเว็บไซด์เพื่อหาเรทภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ข้อกำหนดมอก. บอกได้เลยว่าดูยาก ใช้งานยาก ทำเว็บขึ้นมาเหมือนเพราะนายสั่งว่าให้"มี"เว็บไซด์เป็นของตัวเอง แต่ไม่สนใจว่าทำออกมาแล้วใช้งานได้-ดีหรือเปล่า? รูปแบบเว็บต้องแก้ไขกันอีกเยอะ




 
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Nov 2010
ตอบ: 7594
ที่อยู่: Thailand
โพสเมื่อ: Sat Jun 23, 2018 13:37
[RE: ลบภาพนายกฯ สวมผ้าพันคอแบรนด์เนม ออกจากเพจแล้ว]
P42 พิมพ์ว่า:
Spoil
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Spoil
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
ตอนออกไปแจ้งหรือเปล่าว่าเอาทรัพย์สินมูลค่าเกิน2หมื่นออกนอกประเทศ


ถ้าไม่ได้แจ้ง ขากลับอย่าลืมแจ้งนะ



ปล.ถ้าลุงรู้สึกว่ากม.มันงี่เง่า ฝากไปตบกะโหลกลูกน้องด้วยนะว่าทำไมไม่แก้ไข  


ขออภัยที่โควทครับ

อันนี้ถามเฉยๆนะ ไม่เกี่ยวกับการเมือง เพราะประเด็นนี้มันเข้าศุลกากรล้วนๆเลย(ผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่/เจ้าพนักงานนะ)

ในความคิดเห็นส่วนตัวท่าน เราควรเซ็ตยังไงดีครับ ถึงจะครอบคลุมและแก้ปัญหานิสัย"แบบไทยๆ"ได้ครบถ้วนกระบวนความครับ

Edit : ลองเล่น 20 คำถามดูจากโจทย์นี้ แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่คิดกับสิ่งที่อยากได้ มันไม่ได้ไปในทางเดียวกันเลยครับ  



เอามูลค่าตัวเงินออก เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเงินมันจะเฟ้อ ต้องมาแก้กม.เรื่อยๆ

ดูเจตนาว่าซื้อมาใช้เอง หรือหิ้วมาขาย
ดูเจตนาว่าจงใจหิ้วไปขายหรือ เอาไปฝาก
โดยดูปริมาณ-จำนวนว่า"ของ"ดังกล่าวไม่ได้เกินวิสัยที่คนปกติคนนึงจะใช้  


นั่นหมายความว่า ไม่จำกัดมูลค่าสูงสุด อยากเอาเข้าเอาออกเท่าไหร่ก็ได้ ใช่มั๊ยครับ
ถ้าอย่างงี้จะพิสูจน์ยังไง ว่าของที่หิ้วกลับเข้ามาเป็นของของเราจริง?

และถามสมมติว่า ผมเอาเข้ามากระเป๋า 50 ใบเพื่อฝากญาติและคนสนิททุกคนล่ะ แล้วจะพิสูจน์ยังไงว่าผมเอาไปแจกจริงหลังจากผ่านด่าน หรือเอากลับมาขายครับ? เพราะภาระภาษีที่เกิด ต้องเคลียร์ให้จบ ณ ตอนผ่านด่าน  


ตามที่ผมเน้นสีแดงไว้ รวมถึงของฝากด้วย โดยให้จนท.ตัดสินใจด้วยสามัญสำนึกว่า วิญญูชนตามปกติพึงนำเข้ามาเท่าไหร่(อย่างของฝากเช่นของกิน-ของที่ระลึกถ้าคุณเอาเข้ามาเยอะหน่อยก็ไม่แปลก แต่หิ้วเครื่องใช้ไฟฟ้า-กระเป๋าแบบเดียวกันหรือใกล้เคียงเข้ามาเกิน3ชิ้นมันก็ดูแปลกแล้ว(อาจจะปล่อยผ่านในรอบแรกแต่หมายหัวเอาไว้ว่าเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายเลี่ยงภาษี) ถ้าตามตย.ที่คุณยกมา ถึงจะแค่5ใบ ไม่ว่าจะแจกหรือฝากซื้อจริงก็ต้องถือว่าจำนวน"เกินปกติ"

ส่วนเรื่องมูลค่าสูงสุดในการนำเข้าออกนั้น ถ้าผมจำไม่ผิดมันจะมีหมวดแยกต่างหากออกไปอีกข้อเรื่องนำเงินสด ของมีค่าพวกเพชร ทอง ฯลฯควบคุมต่างหากอีกชั้นนึง  


งั้นถ้าในมุมของผู้ถือของเข้ามา ด้วยความสัตย์จริง ผมมีพี่น้อง 4 คน ลูกพี่ลูกน้องเยอะเลยที่บ้านอยู่ในละแวกเดียวกันหลายคน ถ้าผมเห็นเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ๆน่าสนใจ หรือกระเป๋าลายสวยๆ ผมไม่สามารถนำของเหมือนๆกันมาให้ทุกคนได้ใช่หรือเปล่าครับ? อย่างงี้กฎหมายกีดกันหรือล้าหลังหรือเปล่า? แล้วถ้านำของหลายๆแบบ แบบละไม่กี่ชิ้นเข้ามา มันมีอะไรยืนยันว่าทุกชิ้นที่เข้ามา ไม่ใช่เพื่อการค้า?

การหมายหัวแล้วตามสืบทีหลัง ทำยังไงครับ? หรือทำในครั้งต่อๆไป? แล้วถ้าผมเป็นคนค่อนข้างมีสตางค์ ซื้อของแจกพี่น้องได้บ่อยๆ อะไรเป็นสิ่งยืนยันครับ?

และในมุมกลับกัน มันมีความเป็นธรรมต่อร้านค้าที่นำเข้ามา"และเสียภาษี"หรือเปล่า? ราคาขายที่เมืองไทยต่ำกว่าราคาขายเมืองนอกที่ยังไม่เสียภาษี เรายินดีที่จะเอาภาษีเงินได้ของประเทศเราที่เอาไว้ใช้ต่างๆนานา ไปแปรเป็นค่าตั๋วเครื่องบินให้สายการบินต่างๆหรือเปล่า? แล้วถ้าแปรไปเป็นค่าเดินทาง เรารับได้หรือเปล่ากับงบที่น้อยลงและพัฒนาอะไรต่างๆได้น้อยลง รวมถึงการลงทุนขายสินค้าสำเร็จรูปในเมืองไทยน้อยลง?

ส่วนเรื่องมูลค่าของ มองในมุมกลับ ถ้าไม่ระบุราคา เอาแค่ตัวของ
ผู้เดินทาง"ทุกคน"ยินดีสำแดงของก่อนออกไปมั๊ยครับ? เพราะระเบียบมันต้องบังคับทุกคนไม่ใช่เพื่อคนใดคนนึง แล้วถ้าไม่ต้องยืนยัน อะไรเป็นสิ่งการันตีว่าของที่เข้ามาเป็นของที่ถือออกไป? หรือแค่แกะกล่องโยนทิ้ง(ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ก็รู้ แต่หลุดมาด้วยวิจารณญาณที่ว่านั่นล่ะ)ก็ถือเป็นของส่วนตัวครับ? แล้วถ้าแบบนั้น ต่างอะไรกับหิ้วมาครับ?
.
.
.
ด้วยความสัตย์จริง ไม่ได้ตั้งใจจะกวนท่านนะ แต่แค่ชี้ให้เห็นว่า มันมีปัญหา มีคำถามตามมามากมาย
กฎหมายสามารถออกบังคับใช้ได้แค่ฉบับเดียว ทั้งกับธุรกิจ กับคน กับผู้หิ้ว กับผู้เดินทางไปท่องเที่ยว กับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ มีผลกระทบวงกว้าง
เห็นด้วยนะ ที่บางที่มันก็ Non-sense แต่ถ้าเอาจากหน้างานจริง จากลักษณะนิสัยคนไทยจริงๆ ขนาดบังคับขนาดนี้แล้วยังพยายามแสวงหาช่องทางสารพัดวิธี

ในส่วนที่ท่านกล่าวถึงวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณอย่างถึงที่สุดแล้วกับเคสต่างๆ แม้กระทั่งแอบๆแหกกฎหมายช่วยก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงความพอใจของคนครับ ยิ่งปัจจุบัน คนมีมือที่สักแต่โพสมีกล้องที่สักแต่ถ่าย มากกว่าคนใช้สมองคิด ไตร่ตรองและศึกษา

ยกตัวอย่างเคส กระเป๋าแบรนด์เนมที่สนามบินเมื่อหลายปีก่อนที่โพสและแชร์กันจนดังน่ะ ในมุมของผู้รู้กฎหมาย ผู้รู้วิธีปฏิบัติ มองเห็นกันชัดเจนครับ ว่าเจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณอย่างถึงที่สุดและถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว แต่ก็ยังไปไม่ได้ถึงความโลภของคน คือ"0" และแชร์ใส่ร้ายกันต่างๆนาๆครับ

ปล.ถกเรื่องนี้ ถกได้อีกยาวครับ เพราะกว่าจะได้ระเบียบแต่ละฉบับ ถกกันแบบนี้เยอะมาก

Edit เพิ่มเติม : ลืมถามประเภทของที่ควรจำแนกครับ อย่างเช่น
คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ควรจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ส่วนตัว หรืออุปกรณ์สำนักงาน?
กระเป๋า ควรจะเป็นของใช้ส่วนตัว หรือของฝาก?
เสื้อผ้า รองเท้า เป็นของใช้ส่วนตัว หรือของฝาก?
อะไรเป็นสิ่งการันตีประเภทสินค้า? ความซื่อสัตย์ของคนไทย(อย่าลืมประเด็นว่า กฎหมายฉบับเดียวต้องใช้กับทุกคนนะครับ)?  
 


ตามที่ท่านว่า คือถ้าจะพูดเรื่องนี้มันต้องว่ากันอีกยาว ค่อยๆแก้ตีจุดอ่อนให้ตกไปทีละจุด ส่วนที่ผมบอกไปเป็นเพียงไกด์ไลน์คร่าวๆ ถ้าผมเป็นคนรับผิดชอบงานนี้โดยตรงผมจะลุยให้ครบทุกข้อสงสัยเลย(อันนี้พูดจริงๆนะ)

Spoil
อย่างที่ท่านถามมาว่ามีพี่น้อง-เพื่อนเยอะ +ท่านเป็นคนรวยแล้วอยากซื้อแจก ก็ทำได้ครับแต่ไม่เกินปกติ(ถ้าเกินคุณก็ต้องแจ้ง+เสียภาษี) เช่นคุณหิ้วไอโฟนเข้ามา 5 เครื่องแบบนี้ก็ส่อเจตนาไม่ดี ถ้าผมเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบจะสั่งให้ขึ้นธงเหลืองไว้ในประวัติ ถ้ามีเหตุการณ์หิ้วของที่น่าสงสัยอีกก็โดนธงแดง ใครจะหิ้วของเข้ามาเยอะๆก็ต้องคิดหนักกันหน่อย

นอกจากนี้ควรจะทำงานเชิงรุกด้วย เช่น ทำแอพ-เว็บไซด์-แชทไลน์ ขึ้นมาให้ประชาชนสอบถามเลยว่า ถ้าเอาของประเภทนี้กี่ชิ้น เข้า-ออกประเทศต้องแจ้งมั๊ย เสียภาษีเท่าไหร่?
เปิดโอกาสให้ประชาชนรู้ว่าอันไหนได้-ไม่ได้ จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันทีหลัง


ต้องค่อยๆล้าง-แก้ระบบไปแต่ไม่ใช่รู้ว่ามีปัญหา แล้วปล่อยไว้ ไม่แก้ไข

ปล.ประเด็นเรื่องทิ้งกล่องนี่โคตรโหลยโท่ยเลยครับ ผมก็เห็นด้วยว่าเป็นอีกเรื่องที่ควรแก้
 
 


ถามจาก Spoil นะครับ (เราเล่น 20 คำถาม ผมเป็นเจ้าหนูจำไม 555)
Spoil
- แล้วถ้าการหิ้วเขามา เราจะพิสูจน์ยังไงครับ ว่าใช้หรือขาย? ผมหิ้วเข้ามา 5 เครื่องครั้งนี้ให้พี่น้องหมดจริงๆ คราวหน้าห้ามซื้ออะไรฝากพี่น้องหรือญาติ ใช่มั๊ยครับ? มันกลับไปคำถามที่ว่า แล้วของประเภทนี้มันส่วนตัวมั๊ย มันควบคุมยังไง กีดกันหรือไม่ มีปัญหาให้คนที่มีกำลังซื้อมาด่าย้อนหลังอีกหรือเปล่า ใช่มั๊ยครับ?

- แล้วเคยมีใครสนใจเข้าไปดูเว็ป หรือโทรสอบถามก่อนทำอะไรหรือเปล่าครับ? ทุกอย่างที่ท่านว่า มีอยู่แล้วนะ Website, Application ขาดแค่ Real time chat แล้วถ้าคนไม่สนใจหาข้อมูล แม้จะกระจายอะไรยังไง รวมถึงตั้งป้ายแล้วมีคนด่ากันมากมายทางอินเตอร์เน็ต เราทำยังไงครับ?

- ประเด็นกล่อง...แล้วแก้ยังไงดีครับ ในเมื่อออกระเบียบให้สำแดงออก ก็โห่และด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วจะพิสูจย์ยังไงว่าของเข้ามาเป็นของที่ออกไปจริง?  


เท่าที่ทราบ ทุกอย่างทุกตอน มีการขยับตลอดเวลาโดยผู้มีความรู้ระดับต้นๆของประเทศครับ
แต่โจทย์มันยาก ที่จะออกทีเดียวครอบคลุมทั้งหมด
การเล่น 20 คำถามแบบนี้ เขาเปิดบ่อยอยู่ครับ ณ เวลาที่ร่างกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งหน่วยงานนี้ Sensitive มากด้วยเพราะกระทบภาพรวมของประเทศเลย

โจทย์พวกนี้มีเยอะมากครับ ส่วนตัวผมเห็นใจคนเขียนกฎหมายเลยนะ เสมอตัวคือแค่โดนด่าน้อย ไม่มีมุมให้ไม่โดนด่าเลย

 



- แล้วถ้าการหิ้วเขามา เราจะพิสูจน์ยังไงครับ ว่าใช้หรือขาย? ผมหิ้วเข้ามา 5 เครื่องครั้งนี้ให้พี่น้องหมดจริงๆ คราวหน้าห้ามซื้ออะไรฝากพี่น้องหรือญาติ ใช่มั๊ยครับ? มันกลับไปคำถามที่ว่า แล้วของประเภทนี้มันส่วนตัวมั๊ย มันควบคุมยังไง กีดกันหรือไม่ มีปัญหาให้คนที่มีกำลังซื้อมาด่าย้อนหลังอีกหรือเปล่า ใช่มั๊ยครับ?


ก่อนอื่นต้องแยกแยะประเด็นเรื่อง"แจ้งสินทรัพย์เข้า-ออกเกิน2หมื่นบาท" กับ"การหิ้วของเพื่อเลี่ยงภาษี"ออกจากกันก่อน

การหิ้วมา3เครื่องก็เอาปูนหมายหัวไว้แล้วครับไม่ต้อง5เครื่อง ยึดตาม"ปกติสามัญ"เป็นที่ตั้ง เช่น การซื้อมือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าลักษณะเดียวกันมากกว่า3เครื่องก็ถือว่าผิดปกติแล้ว(ถ้าต้องการนำเข้า-ออกเกิน3เครื่องแบบนี้ต้องแจ้งครับ)

เพื่อน-พี่น้องฝากซื้อ? ซื้อฝากจริงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นครับ ประเด็นคือเพียงพอต่อการใช้ เช่นบุหรี่นำเข้ามาได้ไม่เกิน2คอต จะเอาเข้าเยอะเกินกว่านั้นต้องเสียภาษีครับ(ไม่ใช่เอาเข้าไม่ได้นะ)

สรุป ไม่ได้กีดกันนะครับว่าจะเอาเข้า-ออกกี่ชิ้น เพียงแต่ถ้าเกินจำนวนที่กำหนด-ผิดปกติ คุณต้องแจ้งหรือชำระภาษี


- แล้วเคยมีใครสนใจเข้าไปดูเว็ป หรือโทรสอบถามก่อนทำอะไรหรือเปล่าครับ? ทุกอย่างที่ท่านว่า มีอยู่แล้วนะ Website, Application ขาดแค่ Real time chat แล้วถ้าคนไม่สนใจหาข้อมูล แม้จะกระจายอะไรยังไง รวมถึงตั้งป้ายแล้วมีคนด่ากันมากมายทางอินเตอร์เน็ต เราทำยังไงครับ?

PR สิครับ ถ้าทุนต่ำก็ทำป้ายที่สนามบิน แจ้งนักข่าวขี้คร้านจะวิ่งหูตูบมาขอสัมภาษณ์ ทุนสูงหน่อยก็โฆษณา

ถ้ามีของแล้วแต่คนไม่รู้ ต้องฝากไปตบกะโหลกPRแรงๆเลยครับเอาหลายๆทีด้วย เพราะลงทุนตั้งเยอะแต่ไม่รู้จักนำเสนอ

แต่ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าเว็บไซด์ใช้ได้จริง? ใช้งานยากหรือเปล่า? ให้คนภายนอกทดสอบการใช้งานหรือเปล่าว่าใช้งานได้จริง?(หลายหน่วยงานมีเว็บไซด์ แอพ แต่ไม่มีคนดูแล-เว็บใช้งานยุ่งยาก เช่นเรื่องการหาค่าพิกัดภาษีขอบอกเลยว่าใช้ยาก-งงโคตรๆ ทำออกมาเพื่อให้คนในหน่วยงานอ่านแล้วเข้าใจแต่คนภายนอกไม่เข้าใจ แบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์)


- ประเด็นกล่อง...แล้วแก้ยังไงดีครับ ในเมื่อออกระเบียบให้สำแดงออก ก็โห่และด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วจะพิสูจย์ยังไงว่าของเข้ามาเป็นของที่ออกไปจริง?

บางเรื่องก็ต้องปล่อยครับ เห็นๆอยู่ว่าเค้าซื้อมาแล้วทิ้งกล่องเพื่อเลี่ยงภาษี ถามว่าคุณแก้อะไรได้มั๊ย? เล่นไม่ได้ก็ไม่ต้องเล่นครับ เอาเวลาไปเล่นเรื่องอื่น เนื้อหาหนักเบาต้องรู้จักแยกแยะ ของ1-2ชิ้นไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเอามาใส่ใจ (ยกเว้นว่าคนๆนี้มี"ความถี่"ในการหิ้วของสูง)

กม.ก็เหมือนแหตากว้างๆ ในการจับปลา แล้วค่อยใช้จนท.เป็นคนกรองอีกชั้นนึงคอยคัดเลือกแต่ปลาที่ต้องการ อาจจะมีบ้างที่ปลาตัวเล็กจะหลุดรอดออกไป


ปล.ถ้าถามมากว่านี้จะคิดตังค์แล้วนะ
มันเป็นหน้าที่ๆคนในหน่วยงานจะต้องทำ-แก้ไขกันเอง  


ไม่ถามแล้วกันนะ เอาเป็นตอบให้ดีกว่า 5555555

ก่อนอื่นต้องแยกแยะประเด็นเรื่อง"แจ้งสินทรัพย์เข้า-ออกเกิน2หมื่นบาท" กับ"การหิ้วของเพื่อเลี่ยงภาษี"ออกจากกันก่อน

การหิ้วมา3เครื่องก็เอาปูนหมายหัวไว้แล้วครับไม่ต้อง5เครื่อง ยึดตาม"ปกติสามัญ"เป็นที่ตั้ง เช่น การซื้อมือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าลักษณะเดียวกันมากกว่า3เครื่องก็ถือว่าผิดปกติแล้ว(ถ้าต้องการนำเข้า-ออกเกิน3เครื่องแบบนี้ต้องแจ้งครับ)

เพื่อน-พี่น้องฝากซื้อ? ซื้อฝากจริงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นครับ ประเด็นคือเพียงพอต่อการใช้ เช่นบุหรี่นำเข้ามาได้ไม่เกิน2คอต จะเอาเข้าเยอะเกินกว่านั้นต้องเสียภาษีครับ(ไม่ใช่เอาเข้าไม่ได้นะ)

สรุป ไม่ได้กีดกันนะครับว่าจะเอาเข้า-ออกกี่ชิ้น เพียงแต่ถ้าเกินจำนวนที่กำหนด-ผิดปกติ คุณต้องแจ้งหรือชำระภาษี

ทั้งสองประเด็น ชี้แจงดังนี้
- ของติดตัวออกไป / ด้วย"วิจารณญาณของเจ้าหน้าที่" จริงๆแล้วไม่ได้ Strict ถึงขนาดนั้น แต่เพราะความเป็น"คนไทย"นี่ล่ะ ทำยังไงให้ลักลอบ(ซื้อของส่วนตัว)เข้ามาได้มากที่สุด ซึ่งจริงๆแล้ว ท่านจะเอาของติดตัวออกไปซักแสน ซักล้าน ถ้าสำแดงไว้ก่อนออกไป มันไม่มีปัญหาเลย แต่......................
"คนไทย"บอกยุ่งยาก ไม่ทำ!!!!!!!!!
- ของฝาก / มันอิงถึงประเด็นข้างบนนี่ล่ะ ทุกอย่างมีการกำหนดไว้ตามที่บอก แต่เพราะพอของที่เอามาฝากเสียภาษี "คนไทย"ก็ทำแบบข้างบนนี่ล่ะ และเป็นที่มาของการกำหนดตัวเงินครับ
ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป มันมีเหตุมีผลในการกำหนดครับ


PR สิครับ ถ้าทุนต่ำก็ทำป้ายที่สนามบิน แจ้งนักข่าวขี้คร้านจะวิ่งหูตูบมาขอสัมภาษณ์ ทุนสูงหน่อยก็โฆษณา

ถ้ามีของแล้วแต่คนไม่รู้ ต้องฝากไปตบกะโหลกPRแรงๆเลยครับเอาหลายๆทีด้วย เพราะลงทุนตั้งเยอะแต่ไม่รู้จักนำเสนอ

แต่ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าเว็บไซด์ใช้ได้จริง? ใช้งานยากหรือเปล่า? ให้คนภายนอกทดสอบการใช้งานหรือเปล่าว่าใช้งานได้จริง?(หลายหน่วยงานมีเว็บไซด์ แอพ แต่ไม่มีคนดูแล-เว็บใช้งานยุ่งยาก เช่นเรื่องการหาค่าพิกัดภาษีขอบอกเลยว่าใช้ยาก-งงโคตรๆ ทำออกมาเพื่อให้คนในหน่วยงานอ่านแล้วเข้าใจแต่คนภายนอกไม่เข้าใจ แบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์)

ตอบเลยครับ ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ PR ตอนนี้น่ะ ทุกอย่างเสถียร อ่านง่าย เข้าใจง่าย ืทำการ PR ทุกอย่างทุกวิธี เปิดชี้แจงต่อสาธารณะชนบ่อยมากกกกกกกกกแต่......................
อะไรที่เป็นหลักการและประโยชน์กับชีวิต คนไทยมักไม่อ่านและไม่สนใจครับ สนแต่พวกแชร์ๆกันทั้งหลาย หรือเคสดราม่าแล้วรุมด่า แม้ว่าจะประชาสัมพันธ์ยังไง ก็สำหรับคนไทยก็ไม่สนใจครับ เพราะสนแค่จะดราม่ากันตอนตัวเองเดือดร้อนจากการทำผิดกฎหมายนี่ล่ะ
ถ้าอย่างงี้ ควรตบกะโหลกคนคน PR หรือตบกะโหลกคนสักแต่อยากจะเดินทางท่องเที่ยวแต่ไม่หัดศึกษาอะไรเลยแล้วค่อยมาดราม่าครับ?

กม.ก็เหมือนแหตากว้างๆ ในการจับปลา แล้วค่อยใช้จนท.เป็นคนกรองอีกชั้นนึงคอยคัดเลือกแต่ปลาที่ต้องการ อาจจะมีบ้างที่ปลาตัวเล็กจะหลุดรอดออกไป
ใช่ครับ ทุกวันนี้ก็ทำแบบนั้นล่ะ และ.....................
โดนด่ากันทั่วประเทศแบบนี้ไงครับ เพราะมันกลายเป็นอิงกับวิจารณญาณ คนไม่ถูกใจก็แชร์กันเข้าไปสิ ว่าเจ้าหน้าที่อยากได้เงินใต้โต๊ะ เจ้าหน้าที่ทุจริต ทั้งๆที่เกือบทั้งหมดที่อ่านข่าว ก็ไม่ได้เป็นตามนั้นครับ

มันเป็นหน้าที่ๆคนในหน่วยงานจะต้องทำ-แก้ไขกันเอง
- อันนี้จริงครับ แต่แค่การแก้ปัญหาให้อยู่ในภาพรวม อยู่ในระเบียบเดียวกันทั้งประเทศ มันก็ไม่ได้สามารถออกระเบียบให้ตรงกับความต้องการหรือกิเลสคนได้ทุกคน
เท่าที่เห็น เจ้าหน้าที่ก็ทำใจกับพวกเรื่อง ดราม่าพอสมควรละครับ  
 



ขอพูดเฉพาะประเด็นPR ละกัน ถ้าทำPRแล้วคนไม่สนใจ เหมือนไม่มีตัวตน แสดงว่า PRคุณไม่ดี-ไม่เก่ง
ขอยกตัวอย่าง โฆษณาบริษัทโทนาฟ กับโฆษณาบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ทั้งคู่ทำPRเหมือนกัน แต่คุณภาพต่างกันคนละโลก

PR ที่ดี-เก่งต้องทำเรื่องที่คนไม่สนใจ-ภาพลักษณ์ติดลบ ให้คนสนใจ+มองแง่บวก
(PRบ.ประกันงานโคตรหิน ภาพลักษณ์---ยังสามารถนำเสนอให้ลูกค้ารู้สึกดีได้เลย PRทีมนี้โคตรเทพครับ)


PRคุณต้องจับจุดให้ได้ก่อนว่าจะเล่นเรื่องไหนคนถึงจะสนใจ เช่น นำเสนอเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ต่อตัวผู้โดยสารเอง ทำให้ง่ายกระชับ ไม่น่าเบื่อ ถ้าทำเองแล้วไม่เวิคก็ต้องให้มืออาชีพเข้ามาทำ ไม่งั้นระบบที่ลงทุนไปก็ไม่มีค่า

อย่าไปตั้งแง่ลบใส่ผู้ใช้บริการว่าสนใจแต่เรื่องดราม่า แบบนี้จะแก้ปัญหากันยาก เรื่องผลประโยชน์ตัวเอง(โดยเฉพาะเรื่องเงิน)เชื่อเหอะครับว่าคนไทยมีความสนใจอยู่แล้ว ขอแค่คุณจุดไฟให้ถูกจุดแค่นั้นเอง

เรื่องเว็บไซด-แอพ
ระบบเสถียร >>เป็นเรื่องปกติของทุกเว็บไซด์ครับ อันนี้ไม่ใช่จุดแข็งที่โดดเด่นกว่าเว็บไซด์อื่นๆ

อ่านง่าย เข้าใจง่าย>> มีคนภายนอกชมเรื่องนี้? หรือว่าใช้เองแล้วรู้สึกว่าใช้ง่าย? 2อย่างนี้โคตรต่างเลยนะครับ อย่างหลังนี่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลยเพราะคนภายนอกองค์กรเค้าไม่คิดแบบนั้น เช่น ศัพท์เทคนิคพื้นฐานบางอย่างภายในองค์กรแต่คนภายนอกเค้าไม่รู้จัก

เวลาทดสอบระบบถึงต้องให้คนนอกเข้ามาเป็นคนทดสอบ-ประเมินผล กลุ่มตัวอย่างที่นำมาทดสอบยิ่งไม่มีความรู้ยิ่งดี ถ้าคนกลุ่มนี้ใช้งานได้ แสดงว่าระบบคุณดีจริง เข้าใจง่ายจริง

ผมเคยลองเข้าเว็บไซด์เพื่อหาเรทภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ข้อกำหนดมอก. บอกได้เลยว่าดูยาก ใช้งานยาก ทำเว็บขึ้นมาเหมือนเพราะนายสั่งว่าให้"มี"เว็บไซด์เป็นของตัวเอง แต่ไม่สนใจว่าทำออกมาแล้วใช้งานได้-ดีหรือเปล่า? รูปแบบเว็บต้องแก้ไขกันอีกเยอะ




 
 

Spoil
PR ที่ดี-เก่งต้องทำเรื่องที่คนไม่สนใจ-ภาพลักษณ์ติดลบ ให้คนสนใจ+มองแง่บวก
(PRบ.ประกันงานโคตรหิน ภาพลักษณ์---ยังสามารถนำเสนอให้ลูกค้ารู้สึกดีได้เลย PRทีมนี้โคตรเทพครับ)


PRคุณต้องจับจุดให้ได้ก่อนว่าจะเล่นเรื่องไหนคนถึงจะสนใจ เช่น นำเสนอเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ต่อตัวผู้โดยสารเอง ทำให้ง่ายกระชับ ไม่น่าเบื่อ ถ้าทำเองแล้วไม่เวิคก็ต้องให้มืออาชีพเข้ามาทำ ไม่งั้นระบบที่ลงทุนไปก็ไม่มีค่า

อย่าไปตั้งแง่ลบใส่ผู้ใช้บริการว่าสนใจแต่เรื่องดราม่า แบบนี้จะแก้ปัญหากันยาก เรื่องผลประโยชน์ตัวเอง(โดยเฉพาะเรื่องเงิน)เชื่อเหอะครับว่าคนไทยมีความสนใจอยู่แล้ว ขอแค่คุณจุดไฟให้ถูกจุดแค่นั้นเอง  

นั่นคือการ ทุ่มงบประมาณ(ซึ่งแทบไม่มี)ไปสร้างความรู้ PR ให้เข้าถึงทุกคน เพื่อให้ผู้ที่ไม่สนใจจะศึกษาได้เข้าไปดูบ้าง...
ถ้าเข้าไปดู จะเห็นชัดเจนว่ามี Section ของผู้เดินทางชัดเจน มีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องครบถ้วน รวมทั้งมี Call center แบบเอกชนที่คอยตอบปัญหาอย่างใจเย็น

ผมกล้าพูดเลยครับ คนเดินทางไม่เกิน 10% เปิดเข้าไปอ่านและเตรียมตัว ส่วนใหญ่เข้าเว็บก็เข้าไปแนวๆดราม่า พันธุ์ทิพย์ แล้วก็ฝังหัวไปในสิ่งที่"เขาเล่าว่า"โดยไม่ตรงเข้าไปที่หน่วยงานโดยตรง

ไม่ได้ตั้งแง่นะ แต่ถามจริงๆ คุณว่าคนไทยสนใจเข้าศึกษาหาความรู้จริงหรือ หรือเอาแค่เขาบอกกันมา ถามกันไปตามเว็บไซท์หรือเว็บบอร์ดมากกว่าเข้าไปอ่านหาความรู้ครับ

ผมยกตัวอย่างง่ายๆนะ ในเฟสบุ๊ค แอดมินของกรมทรัพย์สินทางปัญญานี่ดังมากนะ แต่ถามต่อว่าแล้ว PR ขนาดนี้ คนเข้าอ่านเว็บและศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญามากน้อยขนาดไหนครับ

Spoil
เรื่องเว็บไซด-แอพ
ระบบเสถียร >>เป็นเรื่องปกติของทุกเว็บไซด์ครับ อันนี้ไม่ใช่จุดแข็งที่โดดเด่นกว่าเว็บไซด์อื่นๆ

อ่านง่าย เข้าใจง่าย>> มีคนภายนอกชมเรื่องนี้? หรือว่าใช้เองแล้วรู้สึกว่าใช้ง่าย? 2อย่างนี้โคตรต่างเลยนะครับ อย่างหลังนี่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลยเพราะคนภายนอกองค์กรเค้าไม่คิดแบบนั้น เช่น ศัพท์เทคนิคพื้นฐานบางอย่างภายในองค์กรแต่คนภายนอกเค้าไม่รู้จัก

เวลาทดสอบระบบถึงต้องให้คนนอกเข้ามาเป็นคนทดสอบ-ประเมินผล กลุ่มตัวอย่างที่นำมาทดสอบยิ่งไม่มีความรู้ยิ่งดี ถ้าคนกลุ่มนี้ใช้งานได้ แสดงว่าระบบคุณดีจริง เข้าใจง่ายจริง

ผมเคยลองเข้าเว็บไซด์เพื่อหาเรทภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ข้อกำหนดมอก. บอกได้เลยว่าดูยาก ใช้งานยาก ทำเว็บขึ้นมาเหมือนเพราะนายสั่งว่าให้"มี"เว็บไซด์เป็นของตัวเอง แต่ไม่สนใจว่าทำออกมาแล้วใช้งานได้-ดีหรือเปล่า? รูปแบบเว็บต้องแก้ไขกันอีกเยอะ  


เรื่องเว็บไซท์ ชัดเจนครับว่าแบ่งเป็น Section สำหรับ"บุคคลทั่วไป" กับ"ผู้ประกอบการ" ซึ่งต่างกันเยอะในภาษาที่ใช้ ถ้าเข้าไปอ่านจะเห็นชัด อย่างแรกไม่อิงมาตรา ไม่อิงคำในภาษากฎหมาย อ่านได้ง่ายเหมือนบทความทั่วไป ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางครับ

ในส่วนของพิกัด และอัตราอากร อันนี้ยอมรับว่าเป็นส่วนใหญ่ที่ใช้เป็นส่วนของผู้ประกอบการซึ่งการทำ การแปล จำเป็นจะต้องอิงกับคำศัพท์ที่ใช้ของสมาชิก World Trade Organization ที่จะต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก การแปลออกมาจึงอาจจะอ่านยาก (ยกตัวอย่าง ไม่มีคำว่าคอมพิวเตอร์ให้หา เป็นต้น)
แต่ในส่วนของ มอก. ท่านหาเจอก็แปลกอยู่ เพราะเป็นเรื่องของสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งขึ้นกับกระทรวงอุตสาหกรรม การหาข้อมูลของหน่วยงานนี้ในเว็บไซท์ของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง คงยากอยู่ แต่ก็มีลิงค์ให้นะ
แต่การทำเว็บ มันไม่ใช่แค่ทำเพราะแค่นายสั่งหรอกครับ มันแบ่ง Section ชัดเจน มีให้เลือกตั้งแต่แรกว่าจะเข้าไปอ่านในส่วนของ "ผู้เดินทาง" หรือ "ผู้ประกอบการ"ครับ

แต่ก็คงตอบยากล่ะ เพราะยอมรับว่าส่วนนึงคือผมเข้าไปอ่านมาเยอะ และรู้สึกเข้าใจกับมันง่าย...แต่จริงๆก็มีคอลเซ็นเตอร์ให้โทรถามเอาเลยแบบไม่ต้องอ่านนะ ^^
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Chelsea supporter since 1992 ... o_O"

FB Page : PRP Customs Consultant
รับปรึกษาปัญหา และให้ความรู้เกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออก รวมถึงข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
https://www.facebook.com/customs1215

ปล.ได้รับอนุญาตจากคุณเบนในการแปะลิงค์เพจเรียบร้อยแล้ว
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel