[RE: ลบภาพนายกฯ สวมผ้าพันคอแบรนด์เนม ออกจากเพจแล้ว]
P42 พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Spoil
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
ตอนออกไปแจ้งหรือเปล่าว่าเอาทรัพย์สินมูลค่าเกิน2หมื่นออกนอกประเทศ
ถ้าไม่ได้แจ้ง ขากลับอย่าลืมแจ้งนะ
ปล.ถ้าลุงรู้สึกว่ากม.มันงี่เง่า ฝากไปตบกะโหลกลูกน้องด้วยนะว่าทำไมไม่แก้ไข
ขออภัยที่โควทครับ
อันนี้ถามเฉยๆนะ ไม่เกี่ยวกับการเมือง เพราะประเด็นนี้มันเข้าศุลกากรล้วนๆเลย(ผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่/เจ้าพนักงานนะ)
ในความคิดเห็นส่วนตัวท่าน เราควรเซ็ตยังไงดีครับ ถึงจะครอบคลุมและแก้ปัญหานิสัย"แบบไทยๆ"ได้ครบถ้วนกระบวนความครับ
Edit : ลองเล่น 20 คำถามดูจากโจทย์นี้ แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่คิดกับสิ่งที่อยากได้ มันไม่ได้ไปในทางเดียวกันเลยครับ
เอามูลค่าตัวเงินออก เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเงินมันจะเฟ้อ ต้องมาแก้กม.เรื่อยๆ
ดูเจตนาว่าซื้อมาใช้เอง หรือหิ้วมาขาย
ดูเจตนาว่าจงใจหิ้วไปขายหรือ เอาไปฝาก
โดยดูปริมาณ-จำนวนว่า"ของ"ดังกล่าวไม่ได้เกินวิสัยที่คนปกติคนนึงจะใช้
นั่นหมายความว่า ไม่จำกัดมูลค่าสูงสุด อยากเอาเข้าเอาออกเท่าไหร่ก็ได้ ใช่มั๊ยครับ
ถ้าอย่างงี้จะพิสูจน์ยังไง ว่าของที่หิ้วกลับเข้ามาเป็นของของเราจริง?
และถามสมมติว่า ผมเอาเข้ามากระเป๋า 50 ใบเพื่อฝากญาติและคนสนิททุกคนล่ะ แล้วจะพิสูจน์ยังไงว่าผมเอาไปแจกจริงหลังจากผ่านด่าน หรือเอากลับมาขายครับ? เพราะภาระภาษีที่เกิด ต้องเคลียร์ให้จบ ณ ตอนผ่านด่าน
ตามที่ผมเน้นสีแดงไว้ รวมถึงของฝากด้วย โดยให้จนท.ตัดสินใจด้วยสามัญสำนึกว่า วิญญูชนตามปกติพึงนำเข้ามาเท่าไหร่(อย่างของฝากเช่นของกิน-ของที่ระลึกถ้าคุณเอาเข้ามาเยอะหน่อยก็ไม่แปลก แต่หิ้วเครื่องใช้ไฟฟ้า-กระเป๋าแบบเดียวกันหรือใกล้เคียงเข้ามาเกิน3ชิ้นมันก็ดูแปลกแล้ว(อาจจะปล่อยผ่านในรอบแรกแต่หมายหัวเอาไว้ว่าเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายเลี่ยงภาษี) ถ้าตามตย.ที่คุณยกมา ถึงจะแค่5ใบ ไม่ว่าจะแจกหรือฝากซื้อจริงก็ต้องถือว่าจำนวน"เกินปกติ"
ส่วนเรื่องมูลค่าสูงสุดในการนำเข้าออกนั้น ถ้าผมจำไม่ผิดมันจะมีหมวดแยกต่างหากออกไปอีกข้อเรื่องนำเงินสด ของมีค่าพวกเพชร ทอง ฯลฯควบคุมต่างหากอีกชั้นนึง
งั้นถ้าในมุมของผู้ถือของเข้ามา ด้วยความสัตย์จริง ผมมีพี่น้อง 4 คน ลูกพี่ลูกน้องเยอะเลยที่บ้านอยู่ในละแวกเดียวกันหลายคน ถ้าผมเห็นเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ๆน่าสนใจ หรือกระเป๋าลายสวยๆ ผมไม่สามารถนำของเหมือนๆกันมาให้ทุกคนได้ใช่หรือเปล่าครับ? อย่างงี้กฎหมายกีดกันหรือล้าหลังหรือเปล่า? แล้วถ้านำของหลายๆแบบ แบบละไม่กี่ชิ้นเข้ามา มันมีอะไรยืนยันว่าทุกชิ้นที่เข้ามา ไม่ใช่เพื่อการค้า?
การหมายหัวแล้วตามสืบทีหลัง ทำยังไงครับ? หรือทำในครั้งต่อๆไป? แล้วถ้าผมเป็นคนค่อนข้างมีสตางค์ ซื้อของแจกพี่น้องได้บ่อยๆ อะไรเป็นสิ่งยืนยันครับ?
และในมุมกลับกัน มันมีความเป็นธรรมต่อร้านค้าที่นำเข้ามา"และเสียภาษี"หรือเปล่า? ราคาขายที่เมืองไทยต่ำกว่าราคาขายเมืองนอกที่ยังไม่เสียภาษี เรายินดีที่จะเอาภาษีเงินได้ของประเทศเราที่เอาไว้ใช้ต่างๆนานา ไปแปรเป็นค่าตั๋วเครื่องบินให้สายการบินต่างๆหรือเปล่า? แล้วถ้าแปรไปเป็นค่าเดินทาง เรารับได้หรือเปล่ากับงบที่น้อยลงและพัฒนาอะไรต่างๆได้น้อยลง รวมถึงการลงทุนขายสินค้าสำเร็จรูปในเมืองไทยน้อยลง?
ส่วนเรื่องมูลค่าของ มองในมุมกลับ ถ้าไม่ระบุราคา เอาแค่ตัวของ
ผู้เดินทาง"ทุกคน"ยินดีสำแดงของก่อนออกไปมั๊ยครับ? เพราะระเบียบมันต้องบังคับทุกคนไม่ใช่เพื่อคนใดคนนึง แล้วถ้าไม่ต้องยืนยัน อะไรเป็นสิ่งการันตีว่าของที่เข้ามาเป็นของที่ถือออกไป? หรือแค่แกะกล่องโยนทิ้ง(ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ก็รู้ แต่หลุดมาด้วยวิจารณญาณที่ว่านั่นล่ะ)ก็ถือเป็นของส่วนตัวครับ? แล้วถ้าแบบนั้น ต่างอะไรกับหิ้วมาครับ?
.
.
.
ด้วยความสัตย์จริง ไม่ได้ตั้งใจจะกวนท่านนะ แต่แค่ชี้ให้เห็นว่า มันมีปัญหา มีคำถามตามมามากมาย
กฎหมายสามารถออกบังคับใช้ได้แค่ฉบับเดียว ทั้งกับธุรกิจ กับคน กับผู้หิ้ว กับผู้เดินทางไปท่องเที่ยว กับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ มีผลกระทบวงกว้าง
เห็นด้วยนะ ที่บางที่มันก็ Non-sense แต่ถ้าเอาจากหน้างานจริง จากลักษณะนิสัยคนไทยจริงๆ ขนาดบังคับขนาดนี้แล้วยังพยายามแสวงหาช่องทางสารพัดวิธี
ในส่วนที่ท่านกล่าวถึงวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณอย่างถึงที่สุดแล้วกับเคสต่างๆ แม้กระทั่งแอบๆแหกกฎหมายช่วยก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงความพอใจของคนครับ ยิ่งปัจจุบัน คนมีมือที่สักแต่โพสมีกล้องที่สักแต่ถ่าย มากกว่าคนใช้สมองคิด ไตร่ตรองและศึกษา
ยกตัวอย่างเคส กระเป๋าแบรนด์เนมที่สนามบินเมื่อหลายปีก่อนที่โพสและแชร์กันจนดังน่ะ ในมุมของผู้รู้กฎหมาย ผู้รู้วิธีปฏิบัติ มองเห็นกันชัดเจนครับ ว่าเจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณอย่างถึงที่สุดและถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว แต่ก็ยังไปไม่ได้ถึงความโลภของคน คือ"0" และแชร์ใส่ร้ายกันต่างๆนาๆครับ
ปล.ถกเรื่องนี้ ถกได้อีกยาวครับ เพราะกว่าจะได้ระเบียบแต่ละฉบับ ถกกันแบบนี้เยอะมาก
Edit เพิ่มเติม : ลืมถามประเภทของที่ควรจำแนกครับ อย่างเช่น
คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ควรจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ส่วนตัว หรืออุปกรณ์สำนักงาน?
กระเป๋า ควรจะเป็นของใช้ส่วนตัว หรือของฝาก?
เสื้อผ้า รองเท้า เป็นของใช้ส่วนตัว หรือของฝาก?
อะไรเป็นสิ่งการันตีประเภทสินค้า? ความซื่อสัตย์ของคนไทย(อย่าลืมประเด็นว่า กฎหมายฉบับเดียวต้องใช้กับทุกคนนะครับ)?
ตามที่ท่านว่า คือถ้าจะพูดเรื่องนี้มันต้องว่ากันอีกยาว ค่อยๆแก้ตีจุดอ่อนให้ตกไปทีละจุด ส่วนที่ผมบอกไปเป็นเพียงไกด์ไลน์คร่าวๆ ถ้าผมเป็นคนรับผิดชอบงานนี้โดยตรงผมจะลุยให้ครบทุกข้อสงสัยเลย(อันนี้พูดจริงๆนะ)
Spoil
อย่างที่ท่านถามมาว่ามีพี่น้อง-เพื่อนเยอะ +ท่านเป็นคนรวยแล้วอยากซื้อแจก ก็ทำได้ครับแต่ไม่เกินปกติ(ถ้าเกินคุณก็ต้องแจ้ง+เสียภาษี) เช่นคุณหิ้วไอโฟนเข้ามา 5 เครื่องแบบนี้ก็ส่อเจตนาไม่ดี ถ้าผมเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบจะสั่งให้ขึ้นธงเหลืองไว้ในประวัติ ถ้ามีเหตุการณ์หิ้วของที่น่าสงสัยอีกก็โดนธงแดง ใครจะหิ้วของเข้ามาเยอะๆก็ต้องคิดหนักกันหน่อย
นอกจากนี้ควรจะทำงานเชิงรุกด้วย เช่น ทำแอพ-เว็บไซด์-แชทไลน์ ขึ้นมาให้ประชาชนสอบถามเลยว่า ถ้าเอาของประเภทนี้กี่ชิ้น เข้า-ออกประเทศต้องแจ้งมั๊ย เสียภาษีเท่าไหร่?
เปิดโอกาสให้ประชาชนรู้ว่าอันไหนได้-ไม่ได้ จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันทีหลัง
ต้องค่อยๆล้าง-แก้ระบบไปแต่ไม่ใช่รู้ว่ามีปัญหา แล้วปล่อยไว้ ไม่แก้ไข
ปล.ประเด็นเรื่องทิ้งกล่องนี่โคตรโหลยโท่ยเลยครับ ผมก็เห็นด้วยว่าเป็นอีกเรื่องที่ควรแก้
ถามจาก Spoil นะครับ (เราเล่น 20 คำถาม ผมเป็นเจ้าหนูจำไม 555)
Spoil
- แล้วถ้าการหิ้วเขามา เราจะพิสูจน์ยังไงครับ ว่าใช้หรือขาย? ผมหิ้วเข้ามา 5 เครื่องครั้งนี้ให้พี่น้องหมดจริงๆ คราวหน้าห้ามซื้ออะไรฝากพี่น้องหรือญาติ ใช่มั๊ยครับ? มันกลับไปคำถามที่ว่า แล้วของประเภทนี้มันส่วนตัวมั๊ย มันควบคุมยังไง กีดกันหรือไม่ มีปัญหาให้คนที่มีกำลังซื้อมาด่าย้อนหลังอีกหรือเปล่า ใช่มั๊ยครับ?
- แล้วเคยมีใครสนใจเข้าไปดูเว็ป หรือโทรสอบถามก่อนทำอะไรหรือเปล่าครับ? ทุกอย่างที่ท่านว่า มีอยู่แล้วนะ Website, Application ขาดแค่ Real time chat แล้วถ้าคนไม่สนใจหาข้อมูล แม้จะกระจายอะไรยังไง รวมถึงตั้งป้ายแล้วมีคนด่ากันมากมายทางอินเตอร์เน็ต เราทำยังไงครับ?
- ประเด็นกล่อง...แล้วแก้ยังไงดีครับ ในเมื่อออกระเบียบให้สำแดงออก ก็โห่และด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วจะพิสูจย์ยังไงว่าของเข้ามาเป็นของที่ออกไปจริง?
ื
เท่าที่ทราบ ทุกอย่างทุกตอน มีการขยับตลอดเวลาโดยผู้มีความรู้ระดับต้นๆของประเทศครับ
แต่โจทย์มันยาก ที่จะออกทีเดียวครอบคลุมทั้งหมด
การเล่น 20 คำถามแบบนี้ เขาเปิดบ่อยอยู่ครับ ณ เวลาที่ร่างกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งหน่วยงานนี้ Sensitive มากด้วยเพราะกระทบภาพรวมของประเทศเลย
โจทย์พวกนี้มีเยอะมากครับ ส่วนตัวผมเห็นใจคนเขียนกฎหมายเลยนะ เสมอตัวคือแค่โดนด่าน้อย ไม่มีมุมให้ไม่โดนด่าเลย
- แล้วถ้าการหิ้วเขามา เราจะพิสูจน์ยังไงครับ ว่าใช้หรือขาย? ผมหิ้วเข้ามา 5 เครื่องครั้งนี้ให้พี่น้องหมดจริงๆ คราวหน้าห้ามซื้ออะไรฝากพี่น้องหรือญาติ ใช่มั๊ยครับ? มันกลับไปคำถามที่ว่า แล้วของประเภทนี้มันส่วนตัวมั๊ย มันควบคุมยังไง กีดกันหรือไม่ มีปัญหาให้คนที่มีกำลังซื้อมาด่าย้อนหลังอีกหรือเปล่า ใช่มั๊ยครับ?
ก่อนอื่นต้องแยกแยะประเด็นเรื่อง"แจ้งสินทรัพย์เข้า-ออกเกิน2หมื่นบาท" กับ"การหิ้วของเพื่อเลี่ยงภาษี"ออกจากกันก่อน
การหิ้วมา3เครื่องก็เอาปูนหมายหัวไว้แล้วครับไม่ต้อง5เครื่อง ยึดตาม"ปกติสามัญ"เป็นที่ตั้ง เช่น การซื้อมือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าลักษณะเดียวกันมากกว่า3เครื่องก็ถือว่าผิดปกติแล้ว(ถ้าต้องการนำเข้า-ออกเกิน3เครื่องแบบนี้ต้องแจ้งครับ)
เพื่อน-พี่น้องฝากซื้อ? ซื้อฝากจริงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นครับ ประเด็นคือเพียงพอต่อการใช้ เช่นบุหรี่นำเข้ามาได้ไม่เกิน2คอต จะเอาเข้าเยอะเกินกว่านั้นต้องเสียภาษีครับ(ไม่ใช่เอาเข้าไม่ได้นะ)
สรุป ไม่ได้กีดกันนะครับว่าจะเอาเข้า-ออกกี่ชิ้น เพียงแต่ถ้าเกินจำนวนที่กำหนด-ผิดปกติ คุณต้องแจ้งหรือชำระภาษี
- แล้วเคยมีใครสนใจเข้าไปดูเว็ป หรือโทรสอบถามก่อนทำอะไรหรือเปล่าครับ? ทุกอย่างที่ท่านว่า มีอยู่แล้วนะ Website, Application ขาดแค่ Real time chat แล้วถ้าคนไม่สนใจหาข้อมูล แม้จะกระจายอะไรยังไง รวมถึงตั้งป้ายแล้วมีคนด่ากันมากมายทางอินเตอร์เน็ต เราทำยังไงครับ?
PR สิครับ ถ้าทุนต่ำก็ทำป้ายที่สนามบิน แจ้งนักข่าวขี้คร้านจะวิ่งหูตูบมาขอสัมภาษณ์ ทุนสูงหน่อยก็โฆษณา
ถ้ามีของแล้วแต่คนไม่รู้ ต้องฝากไปตบกะโหลกPRแรงๆเลยครับเอาหลายๆทีด้วย เพราะลงทุนตั้งเยอะแต่ไม่รู้จักนำเสนอ
แต่ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าเว็บไซด์ใช้ได้จริง? ใช้งานยากหรือเปล่า? ให้คนภายนอกทดสอบการใช้งานหรือเปล่าว่าใช้งานได้จริง?(หลายหน่วยงานมีเว็บไซด์ แอพ แต่ไม่มีคนดูแล-เว็บใช้งานยุ่งยาก เช่นเรื่องการหาค่าพิกัดภาษีขอบอกเลยว่าใช้ยาก-งงโคตรๆ ทำออกมาเพื่อให้คนในหน่วยงานอ่านแล้วเข้าใจแต่คนภายนอกไม่เข้าใจ แบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์)
- ประเด็นกล่อง...แล้วแก้ยังไงดีครับ ในเมื่อออกระเบียบให้สำแดงออก ก็โห่และด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วจะพิสูจย์ยังไงว่าของเข้ามาเป็นของที่ออกไปจริง?
บางเรื่องก็ต้องปล่อยครับ เห็นๆอยู่ว่าเค้าซื้อมาแล้วทิ้งกล่องเพื่อเลี่ยงภาษี ถามว่าคุณแก้อะไรได้มั๊ย? เล่นไม่ได้ก็ไม่ต้องเล่นครับ เอาเวลาไปเล่นเรื่องอื่น เนื้อหาหนักเบาต้องรู้จักแยกแยะ ของ1-2ชิ้นไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเอามาใส่ใจ (ยกเว้นว่าคนๆนี้มี"ความถี่"ในการหิ้วของสูง)
กม.ก็เหมือนแหตากว้างๆ ในการจับปลา แล้วค่อยใช้จนท.เป็นคนกรองอีกชั้นนึงคอยคัดเลือกแต่ปลาที่ต้องการ อาจจะมีบ้างที่ปลาตัวเล็กจะหลุดรอดออกไป
ปล.ถ้าถามมากว่านี้จะคิดตังค์แล้วนะ
มันเป็นหน้าที่ๆคนในหน่วยงานจะต้องทำ-แก้ไขกันเอง
ไม่ถามแล้วกันนะ เอาเป็นตอบให้ดีกว่า 5555555
ก่อนอื่นต้องแยกแยะประเด็นเรื่อง"แจ้งสินทรัพย์เข้า-ออกเกิน2หมื่นบาท" กับ"การหิ้วของเพื่อเลี่ยงภาษี"ออกจากกันก่อน
การหิ้วมา3เครื่องก็เอาปูนหมายหัวไว้แล้วครับไม่ต้อง5เครื่อง ยึดตาม"ปกติสามัญ"เป็นที่ตั้ง เช่น การซื้อมือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าลักษณะเดียวกันมากกว่า3เครื่องก็ถือว่าผิดปกติแล้ว(ถ้าต้องการนำเข้า-ออกเกิน3เครื่องแบบนี้ต้องแจ้งครับ)
เพื่อน-พี่น้องฝากซื้อ? ซื้อฝากจริงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นครับ ประเด็นคือเพียงพอต่อการใช้ เช่นบุหรี่นำเข้ามาได้ไม่เกิน2คอต จะเอาเข้าเยอะเกินกว่านั้นต้องเสียภาษีครับ(ไม่ใช่เอาเข้าไม่ได้นะ)
สรุป ไม่ได้กีดกันนะครับว่าจะเอาเข้า-ออกกี่ชิ้น เพียงแต่ถ้าเกินจำนวนที่กำหนด-ผิดปกติ คุณต้องแจ้งหรือชำระภาษี
ทั้งสองประเด็น ชี้แจงดังนี้
- ของติดตัวออกไป / ด้วย"วิจารณญาณของเจ้าหน้าที่" จริงๆแล้วไม่ได้ Strict ถึงขนาดนั้น แต่เพราะความเป็น"คนไทย"นี่ล่ะ ทำยังไงให้ลักลอบ(ซื้อของส่วนตัว)เข้ามาได้มากที่สุด ซึ่งจริงๆแล้ว ท่านจะเอาของติดตัวออกไปซักแสน ซักล้าน ถ้าสำแดงไว้ก่อนออกไป มันไม่มีปัญหาเลย แต่......................
"คนไทย"บอกยุ่งยาก ไม่ทำ!!!!!!!!!
- ของฝาก / มันอิงถึงประเด็นข้างบนนี่ล่ะ ทุกอย่างมีการกำหนดไว้ตามที่บอก แต่เพราะพอของที่เอามาฝากเสียภาษี "คนไทย"ก็ทำแบบข้างบนนี่ล่ะ และเป็นที่มาของการกำหนดตัวเงินครับ
ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป มันมีเหตุมีผลในการกำหนดครับ
PR สิครับ ถ้าทุนต่ำก็ทำป้ายที่สนามบิน แจ้งนักข่าวขี้คร้านจะวิ่งหูตูบมาขอสัมภาษณ์ ทุนสูงหน่อยก็โฆษณา
ถ้ามีของแล้วแต่คนไม่รู้ ต้องฝากไปตบกะโหลกPRแรงๆเลยครับเอาหลายๆทีด้วย เพราะลงทุนตั้งเยอะแต่ไม่รู้จักนำเสนอ
แต่ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าเว็บไซด์ใช้ได้จริง? ใช้งานยากหรือเปล่า? ให้คนภายนอกทดสอบการใช้งานหรือเปล่าว่าใช้งานได้จริง?(หลายหน่วยงานมีเว็บไซด์ แอพ แต่ไม่มีคนดูแล-เว็บใช้งานยุ่งยาก เช่นเรื่องการหาค่าพิกัดภาษีขอบอกเลยว่าใช้ยาก-งงโคตรๆ ทำออกมาเพื่อให้คนในหน่วยงานอ่านแล้วเข้าใจแต่คนภายนอกไม่เข้าใจ แบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์)
ตอบเลยครับ ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ PR ตอนนี้น่ะ ทุกอย่างเสถียร อ่านง่าย เข้าใจง่าย ืทำการ PR ทุกอย่างทุกวิธี เปิดชี้แจงต่อสาธารณะชนบ่อยมากกกกกกกกกแต่......................
อะไรที่เป็นหลักการและประโยชน์กับชีวิต คนไทยมักไม่อ่านและไม่สนใจครับ สนแต่พวกแชร์ๆกันทั้งหลาย หรือเคสดราม่าแล้วรุมด่า แม้ว่าจะประชาสัมพันธ์ยังไง ก็สำหรับคนไทยก็ไม่สนใจครับ เพราะสนแค่จะดราม่ากันตอนตัวเองเดือดร้อนจากการทำผิดกฎหมายนี่ล่ะ
ถ้าอย่างงี้ ควรตบกะโหลกคนคน PR หรือตบกะโหลกคนสักแต่อยากจะเดินทางท่องเที่ยวแต่ไม่หัดศึกษาอะไรเลยแล้วค่อยมาดราม่าครับ?
กม.ก็เหมือนแหตากว้างๆ ในการจับปลา แล้วค่อยใช้จนท.เป็นคนกรองอีกชั้นนึงคอยคัดเลือกแต่ปลาที่ต้องการ อาจจะมีบ้างที่ปลาตัวเล็กจะหลุดรอดออกไป
ใช่ครับ ทุกวันนี้ก็ทำแบบนั้นล่ะ และ.....................
โดนด่ากันทั่วประเทศแบบนี้ไงครับ เพราะมันกลายเป็นอิงกับวิจารณญาณ คนไม่ถูกใจก็แชร์กันเข้าไปสิ ว่าเจ้าหน้าที่อยากได้เงินใต้โต๊ะ เจ้าหน้าที่ทุจริต ทั้งๆที่เกือบทั้งหมดที่อ่านข่าว ก็ไม่ได้เป็นตามนั้นครับ
มันเป็นหน้าที่ๆคนในหน่วยงานจะต้องทำ-แก้ไขกันเอง
- อันนี้จริงครับ แต่แค่การแก้ปัญหาให้อยู่ในภาพรวม อยู่ในระเบียบเดียวกันทั้งประเทศ มันก็ไม่ได้สามารถออกระเบียบให้ตรงกับความต้องการหรือกิเลสคนได้ทุกคน
เท่าที่เห็น เจ้าหน้าที่ก็ทำใจกับพวกเรื่อง ดราม่าพอสมควรละครับ