ในวันนี้ ซึ่งนับเป็นเวลาครบ 4 ปี ที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองของคณะรัฐประหารที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้งอย่างสันติ เรียกร้องสิทธิอันควรเป็นของพวกเขาและประชาชนไทยทุกคน ได้ถูกจับกุมไปอย่างน้อย 12 คน กรณีนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า นี่คือ 4 ปีที่ชาวไทยไร้สิทธิเสรีภาพ

นี่ไม่ใช่แค่การละเมิดต่อผู้ถูกจับกุมอย่างน้อย 12 คน ไม่ใช่แค่การละเมิดต่อผู้ชุมนุมจำนวนมากที่ออกมาแสดงสิทธิเสรีภาพของตนเองในวันนี้ แต่ยังเป็นการละเมิดต่อคนไทยทั้งประเทศที่อยากเห็นการเลือกตั้งเพื่อให้ประเทศของเราหลุดพ้นจากระบอบการเมืองของคณะรัฐประหาร ผมขอยืนยันว่า สิทธิการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่พวกเราต้องได้รับ และผมขอให้กำลังใจผู้ที่ออกมาชุมนุมในวันนี้ ทุกคนคือผู้ที่กล้ายืนหยัดเพื่อความถูกต้อง แม้จะต้องรับผลอันหนักหนาสาหัสจากสิ่งที่รัฐบาลทหารเรียกว่า “กฎหมาย”

ไม่ใช่แค่เสรีภาพเท่านั้น ที่เราสูญเสียไปใน 4 ปีภายใต้ คสช. มันยังเป็น 4 ปีที่พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า การปราบคอร์รัปชันโดยรัฐบาลเผด็จการไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะการตรวจสอบถ่วงดุลจากพรรคการเมืองและประชาชนไม่สามารถทำได้ภายใต้ระบอบแบบนี้

นี่เป็น 4 ปีที่พิสูจน์ว่า “การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” หรือการปฏิรูปใต้อำนาจรัฐบาลทหาร ไม่มีวันเป็นการปฏิรูปเพื่อประชาชน ซ้ำร้ายรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ออกมาในยุค คสช. ซึ่งจะยังคงอยู่กับสังคมไทยไปอีกนาน มรดกจากการรัฐประหารเหล่านี้จะทำให้ประเทศจมปลักอยู่กับที่ และกลายเป็นคนป่วยแห่งเอเชีย การลงทุนจากต่างประเทศลดฮวบ จีดีพีโตช้ากว่าเพื่อนบ้าน เป็น 4 ปีที่เราเสียโอกาสในการวางนโยบายที่ชาญฉลาด รับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่มากับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสังคมในระดับสากล

ผมพูดเสมอว่าชีวิตผมผ่านการรัฐประหารมา 5 ครั้ง ในเวลาเพียง 40 ปี มันมากเกินไปแล้วสำหรับประเทศไทย ที่อยู่ๆ ก็มีกระบวนการนอกกฎหมายมาขัดขวางการเติบโตของประชาธิปไตย การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง นักการเมืองต้องถูกตรวจสอบโดยประชาชนและองค์กรตามกฎหมาย ไม่ใช่ด้วยคณะรัฐประหารที่ไม่มีใครตรวจสอบได้

ผู้ที่เรียกร้องการเลือกตั้ง ผู้ที่ออกมาแสดงออกซึ่งสิทธิเสรีภาพอันพึงมีของพลเมือง ไม่ควรถูกดำเนินคดี ตรงกันข้าม ผู้ก่อรัฐประหารและผู้ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องถูกดำเนินคดี ในอนาคตอันใกล้ มรดกของคณะรัฐประหารต้องถูกลบล้างได้โดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เราทุกคน ทุกพรรคการเมือง ต้องร่วมกันปักธง สร้างบรรทัดฐานนี้ให้เป็นจริง เพื่อที่จะไม่มีใครกล้าทำรัฐประหารอีกต่อไป

อนาคตใหม่ที่ไม่มีรัฐประหาร คืออนาคตที่ประชาชนจะได้กำหนดชะตาของตนเอง คืออนาคตที่อำนาจสูงสุดเป็นของเราทุกคน
ที่มา
https://prachatai.com/journal/2018/05/77059

ผมก็เบื่อครับ เบื่อการเมืองไทยมากๆเบื่อแต่ก็ต้องอยู่กับมัน ทะเลาะกันแบ่งฝักแบ่งฝ่าย

ผมก็อยากเลือกตั้งนะครับ แต่ขอเอานามสกุลใหม่ๆได้มั้ยอ่ะ

ขอคนรุ่นใหม่จริงๆที่ไม่อิงการเมืองเก่าๆแบบเพื่อนพ้องน้องพี่อ่ะ

แต่ตอนนี้ถ้ามีได้ดีแค่เท่านี้ ผมก็ไปกากบาทไม่เลือกใครอยู่ดี

กำลังจะมีกีฬาสีอีกแล้วสินะ

เซนทรัลเวิลด์บอก ซวยกูอีกแล้ว

ถ้ามีช่วยย้ายไปจัดต่างจังหวัดได้ไหมโดยเฉพาะไอ้พวกชอบเชียรเนี่ยยย

เห็นแกนนำม็อบแต่ละคนแล้วแบบเชียร์ไม่ลง

เป็นธรรมดาของความขัดแย้งในช่วงวัฒนธรรมการเมืองผลัดเปลี่ยนครับ

แต่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต้องรู้หน้าที่และขอบเขตของตัวเอง

ซึ่งที่ผ่านมา มัน"ล้ำเส้น" เกินไปในหน้าที่ของแต่ละกลุ่ม ทหารมีหน้าที่อะไร ตำรวจมีหน้าที่อะไร

การบังคับใช้กฏหมายก็ต่างกัน มีแยกกลุ่มแยกเหล่าใช้ไปคนละอย่าง

บ้านเมืองมันก็ยิ่งขัดแย้งเพิ่มขึ้นก็เพราะกฏหมายที่ผิดหลักในตัวของมันในส่วนหนึ่งด้วย

พอถึงจุดๆหนึ่งระบบการเมืองก็จะเสื่อมสลาย และกลายเป็นที่มาของระบอบอื่นที่จะเข้ามามีอำนาจแทน

ถึงตอนนั้นไทยเฉยถึงจะเริ่มมีการเคลื่อนไหว แต่มันก็อาจจะสายไปเสียแล้ว...

ผมยังมองไม่ออกว่าการเมืองไทยจะหาจุดเปลี่ยนได้ยังไงนอกจากสงครามกลางเมือง

จะเลือกตั้งกี่สิบกี่ร้อยครั้งถ้าโครงสร้างหลักไม่เปลี่ยนทุกอย่างก็จะวนอยู่ในอ่าง

คนไทยจำนวนมากไม่เคยรับรู้อะไรเลย และคนไทยจำนวนไม่น้อยรู้แต่ก็แสร้งทำไม่รู้ไม่สนใจ

เพราะการโยนความผิดทุกอย่างให้นักการเมืองมันง่ายดี

ถ้าปัญหาของประเทศไทยคือนักการเมืองจริงๆ ประเทศไทยเราคงไม่เดินมาถึงจุดนี้หรอกครับ

20 ปีที่พวกเค้าว่ากันไว้เค้าเอาจริงไม่ได้มาเล่นๆ

ประชาธิปไตยในไทยมันจบเห่ไปนานแล้ว อันที่จริงมันไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำจะเรียกว่าจบได้ไง

ผมว่า ถ้าฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่ตายหายไป บ้านเราจะสลับขั้วอำนาจแทรกด้วยรัฐประหารอย่างนี้ไปเรื่อยไล่ะครับ
เพราะจะมีคนแบ่งให้บ้านเราเป็นสองฝ่าย a ก็ไม่ไว้ใจ b b ก็ไม่ไว้ใจ a c ก็บอกว่าอย่าไปเชื่อ a b เลย สรุปมันกลายเป็นสังคมแห่งความหวาดระแวง วนในอ่างไม่มีทางจบสิ้นแน่นอน ยกเว้นจะมีการกวาดล้างครั้งใหญ่แล้วเปลี่ยนระบบไปเลย ผมว่าบ้านเมืองเราคงต้องสิ้นสุดแบบนั้นจริงๆ

กีฬาสีสัญจรครั้งก่อน ไปที่อุดรธานี อุบลราชธานี ขอนแก่น และมุกดาหาร ฟินกันเลยล่ะครับ

แค่เลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้สมัครยังใช้เทคนิคพิเศษแข่งกัน

เลือกตั้งใหญ่ครั้งที่ผ่านมา ดึกๆอาจารย์ระดับ "ผู้อำนวยการ" เดินไปเดินมาในหมู่บ้านให้หมามันหอน

ชาวบ้านนี่ตัวดี อะไรที่มีสาระไม่เคยเอียงหูฟัง แต่เรื่องซุบซิบนินทา ข่าวหลอกข่าวลวงเป่าหูชาวบ้าน จำไปพูดกันสามวันเจ็ดวันยังไม่จบ เรื่องจริงไม่จริงไม่สนขอให้ได้โม้ไว้ก่อน

ไม่มีหรอกครับคนที่เป็นผลห่วงประโยชน์ของประเทศไทย เท่าที่ผมเห็นมีแต่เป็นห่วงกันว่าผลประโยชน์จะตกเป็นของใคร

เลือกตั้งครั้งนี้ผมจะเลือกคุณธนาธรครับ

แต่กีฬาสีแบบที่ผ่านมาก็ไม่ไหวนะท่าน อย่างกะหนังสงคราม ระเบิดเอย M79เอย M16เอย ถ้าชุมนุมกันตามแบบประชาธิปไตยเรียกร้องตามสิทธิที่ตัวเองมีแบบต่างประเทศเค้าทำกันมันก็โอเคอยู่

แสดงว่าไม่เคยดูรายการช่วงหลังเคารพธงชาติ

ลุงแกเล่นฝอยตามสคริปท์ว่าทำอะไรบ้างมีโครงการไหรบ้าง


คือจะให้ผมก้าวหน้ากับรัฐบาลเลือกตั้งจริงๆหรือครับ ในเมื่อรัฐบาลที่พวกคุณเลือกมาไม่ว่ารัฐบาลไหนไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง โครงการที่คิดว่าเข้าท่าที่สุดอย่าง บัตรทองก็ดันเป็นโครงการที่ขี้ฉ้อข้ามชาติเป็นคนผลักดันนโยบายนี้ขึ้นมา

ในขณะที่ฝ่ายค้านในตำนานก็...เฮ้อ หัวโบราณ เป็นนักการเมืองแท้ๆ ที่ต้องการอำนาจประดับบารมี นักกินเงินเดือนไปวันๆแทบทั้งคณะ ใครไม่ใช่พวกก็เด้ง เอาพวกเข้าทำ คนไหนเลียเก่งหน่อยก็เข้ามาสิข้าชอบ คนไหนหัวก้าวหน้าหน่อย ก็ล้างสมองซะไม่งั้นเอ็งไปที่อื่น เห็นชัดๆก็จากนายกสอบจกแต่ได้เป็นมาแล้วสองสมัยนั่นล่ะ

แล้วอย่างพูดถึงเดินสายหาเสียง เดินตั้งแต่ตึกหรูยันสลัม แต่พอหลังได้ตำแหน่ง ก็ลืมซะหมดว่าก่อนนี้ไหว้ใครไปบ้าง สัญญาอะไรไว้ นานๆทีมีประท้วง พืชผลไม่ได้ราคา ก็เอาภาษีไปโปะ แทนที่จะหาลู่ทางอื่นๆเผื่ออนาคต


คือชอบรัฐบาลที่เก่งแต่ใช้เงินซื้อปลามาประเคน มากกว่ารัฐบาลที่ด่าได้ตรงสันดานสินะ มีปัญหาเอาเงินฟาดหัวก็จบ

ของกินของใช้ ก็ปรับให้ราคาถูกลง โดยภาระส่วนนี้ ก็ภาษีประชาชนไง จ่ายไปสิ สรุปว่า โครงการอื่นช็อต งานไม่เดิน ผู้รับเหมาเสียหาย จ่ายช้า หมนุนเงินไม่ทัน


มันเป็นแบบนี้มากี่ยุคแล้วพิ่โธ่เอ๋ย

การเมืองทุกวันนี้ ก็มีแต่คนจ้องเข้าไปกอบโกยผลประโยชน์ กินจนอิ่มหมีพลีมัน แล้วก็สลับคนอื่นมากินต่อ

ชอบครับ มันใช่เลย เป้ะ

เขาบอกว่าของเทียมครับ

ผมเห็นด้วยนะ ว่าการทะเลาะกันในประเทศมันจะทำให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าได้ แต่สิ่งหนึ่งที่กลัวมากเลยคือการแทรกแซงจากต่างประเทศ เห็นหลายๆประเทศที่ทะเลาะกันแล้วมีต่างชาติประเทศๆนึงชอบมาทำให้มีสงครามจนประเทศเกือบล่มสลาย ถ้าป้องกันตรงนั้นได้ ผมว่าก็ดีนะ ที่ทะเลาะให้จบๆกันไปเลยแล้วหาจุดลง เดินไปข้างหน้าได้

เห็นด้วยสุดๆเลยครับ