เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปิดเผยว่า ตลอดการคุมทีมมาทั้งชีวิตได้ร่วมงานกับนักเตะหลายร้อย แต่ผู้เล่นที่เข้าขั้นเวิลด์คลาส มีอยู่ 4 คนเท่านั้น
ได้แก่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ , พอล สโคลส์ ,ไรอัน กิ๊กส์ และ เอริค คันโตน่า
สโคลส์ กับกิ๊กส์ เป็นเด็กฝึกจากอคาเดมี่ ส่วนโรนัลโด้ ซื้อมาในราคา 12.24 ล้านปอนด์ จากสปอร์ติ้ง ลิสบอน
ขณะที่คันโตน่า มีค่าตัวเท่าไหร่รู้ไหมครับ
"1 ล้านปอนด์"
โดยแมนฯยูไนเต็ด ซื้อมาจากลีดส์ ในปี 1993 ท่ามกลางความงุนงงของทุกฝ่าย ว่า ทำไมยอมขายกันในราคานี้
ตัวเลข 1 ล้านปอนด์ ในอดีตอาจจะมีค่ามากกว่าปัจจุบัน แต่ มันก็น้อยมากอยู่ดีสำหรับนักเตะระดับโลกอย่างก็องโต้
ผู้เล่นราคาซื้อขายแพงที่สุดในขณะนั้น คือ จานลุยจิ เลนตินี่ ที่เอซี มิลาน ซื้อมาจากโตริโน่ ในราคา 13 ล้านปอนด์ แพงกว่าคันโตน่า 13 เท่า
ไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น ลาซิโอ ซื้อพอล แกสคอยน์ จากสเปอร์ส ราคา 5.5 ล้านปอนด์ แพงกว่าคันโตน่า 5.5 เท่า
คำถามที่น่าสนใจก็คือ
1) ลีดส์ กับแมนฯยูไนเต็ด เป็นคู่อริกัน ทำไมลีดส์ถึงกล้าขายคันโตน่าให้ทีมปีศาจแดงได้
และ 2) ทำไมราคาขาย ถึงต่ำขนาดนั้น? ตัวเลข 1 ล้าน กับผู้เล่นเวิลด์คลาส 1 คน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
วิเคราะห์บอลจริงจังจะพาทุกท่าน ย้อนกลับไปเมื่อ 26 ปีที่แล้ว เพื่อไปดูว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
------------------------------------------
ในฤดูกาล 1991-92 ปีสุดท้ายที่ลีกสูงสุดของอังกฤษ ใช้ชื่อว่า "ดิวิชั่น 1" ซีซั่นนั้น ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์ลีกอย่างสวยงาม
ขณะที่แมนฯยูไนเต็ด ของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จบแค่อันดับ 2 เท่านั้น
จุดแข็งของปีศาจแดง คือเกมรับอันเหนียวแน่น สถิติบอกว่า แมนฯยูไนเต็ด เสียประตูแค่ 33 ลูกทั้งฤดูกาล เป็นทีมที่เสียน้อยที่สุดในลีกทั้ง 4 ดิวิชั่น
พวกเขามีแนวรับชั้นยอดอย่างปีเตอร์ ชไมเคิล , สตีฟ บรูซ, แกรี่ พัลลิสเตอร์ และ เดนิส เออร์วิน ทำให้ใครๆก็เจาะได้ยากมาก
แต่ปัญหาคือ เกมรุกของแมนฯยูไนเต็ดนั้นฝืดเคืองมาก พวกเขายิงได้น้อยกว่าเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 9 ของตารางด้วยซ้ำ นั่นทำให้เฟอร์กี้ ต้องหากองหน้าระดับโลกสักคนเข้ามา เพื่อเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุุดท้าย
เข้าสู่ฤดูกาลใหม่ 1992-93 ปีแรกที่เปลี่ยนชื่อลีกสูงสุด เป็นพรีเมียร์ลีก
แมนฯยูไนเต็ด ติดต่อขอซื้ออลัน เชียเรอร์ , แมทธิว เลอทิสเอร์ และ เดวิด เฮิร์ส แต่โดนปฏิเสธกลับมาทั้งหมด
สุดท้ายช่วงซัมเมอร์ผ่านไป พวกเขาไม่ได้กองหน้าตัวใหม่ ต้องใช้งานตัวที่มี อย่างไบรอัน แม็คแคลร์ และมาร์ก ฮิวจ์สไปก่อน แต่ใครๆก็รู้ว่า สองคนนี้ ยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้
15 เกมแรกในฤดูกาล แมนฯยูไนเต็ด ยิงได้ 14 ลูก ค่าเฉลี่ยน่าตกใจมาก 1 เกม ยิงได้ไม่ถึง 1 ลูกด้วยซ้ำ
หลังผ่าน 15 เกม ปีศาจแดงอยู่อันดับ 10 ของตาราง ตามหลังจ่าฝูงนอริช 9 แต้ม ว่ากันตรงๆ ยังมองไม่เห็นทางที่พวกเขาจะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นแชมป์ได้
มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ ประธานสโมสรปีศาจแดง รู้ดีว่า การไม่มีกองหน้า มันทำให้ทุกอย่างแย่ แต่เขาก็ไม่รู้จะไปหาจากไหน
ระหว่างที่กำลังมืดมนหนทาง มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็น บิลล์ ฟอเธอร์บี้ ประธานสโมสรลีดส์ ยูไนเต็ด โทรเข้ามา
"มาร์ติน คุณจะขาย เดนิส เออร์วิน ให้ผมได้ไหม"
"จะบ้าหรอ บิลล์ เราไม่ขายเออร์วินอยู่แล้ว"
ระหว่างที่คุยกัน มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ นึกได้ว่า เรากำลังต้องการกองหน้าอยู่นี่นา จึงเลียบเคียงถามกลับไปบ้างว่า
"แล้ว เอริค คันโตน่าของลีดส์ล่ะ คุณพอจะขายให้เราได้ไหม"
เอ็ดเวิร์ดส์ลุ้น แม้รู้ว่า คันโตน่าคือคีย์แมนของลีดส์ แต่เผื่อปาฏิหาริย์จะมีจริง เขาต้องลองเสี่ยงถามดู
"เป็นไปไม่ได้หรอก คุณบ้าไปแล้ว! เอริค คือสตาร์ของเรานะ เขาไม่ได้มีไว้ขาย"
สุดท้ายการเจรจาครั้งนั้นก็จบไป และแมนฯยูไนเต็ด ก็ยังหากองหน้าคนใหม่ไม่ได้เหมือนเดิม
------------------------------------------
ฤดูกาล 1991-92 ลีดส์ ยูไนเต็ด ได้แชมป์ดิวิชั่น 1 ของอังกฤษอย่างสวยงาม
พวกเขามีตัวผู้เล่นดีๆหลายราย นำโดย แกรี่ สปีด, แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ รวมถึง กอร์ดอน สตรัคคั่น แต่คนที่เป็นทีเด็ดในช่วงท้าย ทำให้ลีดส์เข้าป้ายเป็นแชมป์ คือเอริค คันโตน่า
คันโตน่า ย้ายมาจากสโมสรนีมส์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ นี่คือนักเตะที่มิเชล พลาตินี่ การันตีฝีมือว่าเป็นของจริง
คันโตน่า มีเทคนิคที่เหลือเชื่อ เซนส์ยิงประตูคมกริบ และบุคลิกที่ดูแข็งกร้าวแต่ก็น่าค้นหา
เขายิงแฮตทริกใส่ลิเวอร์พูลในแชริตี้ ชิลด์ ตามด้วยกดแฮตทริกใส่สเปอร์ส ซึ่งเพียงแค่เวลาไม่นาน คันโตน่า กลายเป็นขวัญใจของแฟนลีดส์
แฟนลีดส์ ชอบบุคลิกแบดบอยของคันโตน่า มีการนิยามว่า คันโตน่าคือ "วินนี่ โจนส์ แบบมีคลาส"
ทุกๆวันที่สนามซ้อมของลีดส์ จะมีแฟนๆเข้าไปเกาะรั้วเพื่อขอดูคันโตน่าซ้อม ครั้งหนึ่ง เด็กสาว วัย 14 ปีคนหนึ่ง เห็นคันโตน่าแล้วถึงกับอุทานว่า อู๊ อ๊า คันโตน่า (ถ้าเป็นภาษาไทย ก็จะอารมณ์ว่า อุว้าว แม่เจ้า นั่นคันโตน่านี่)
นิตยสารแฟนซีนของลีดส์ ได้ยินเสียงอุทานนั้น เลยเอาไปขึ้นพาดหัวในหน้าปก ว่า "Ooh Aah Cantona" และคำนี้มันก็ติดหูแฟนๆทันที และกลายเป็นเสียงเพลงเชียร์ประจำตัวของก็องโต้ นับตั้งแต่นั้นมา
เขาคือฮีโร่ คือขวัญใจของแฟนๆ เป็นความหวังที่จะทำให้ลีดส์ ได้แชมป์ต่อไปอีกหลายๆปี
แต่สิ่งที่แฟนๆไม่คาดคิดเลย ก็คือในเดือนธันวาคม 1992 หลังจากเล่นให้ลีดส์ได้ไม่ถึง 11 เดือน
สโมสรจะขายให้กับคู่ปรับสำคัญอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
------------------------------------------
ผู้จัดการทีมของลีดส์ ในเวลานั้นคือฮาเวิร์ด วิลกินสัน
"วิลโก้" เป็นคนที่พาลีดส์เลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 2 ก้าวมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้สำเร็จ ดังนั้นเขามีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจ
วิลกินสัน โทรศัพท์หาบิลล์ ฟอเธอร์บี้ ช่วงต้นเดือนธันวาคมแล้วบอกว่า "ถ้าคุณมีวิธีเอาคันโตน่าออกไปจากสโมสร กรุณาขายเขาทิ้งเลย"
ฟอเธอร์บี้ ตกใจแล้วถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น วิลกินสันก็เล่าว่า คันโตน่า ต่อต้านการคุมทีมของเขา และมีความเป็นอินดี้ในตัวสูงเกินไป
ในระหว่างการซ้อมลูกเซ็ตพีซ ในจังหวะเปิดบอลจากด้านข้าง วิลกินสันสั่งให้คันโตน่าไปยืนติดกับกองหลัง เพื่อคอยแย่งโหม่ง แต่คันโตน่าสวนกลับมาง่ายๆ "ไม่อยากทำ"
คันโตน่า มองว่าจุดเด่นของเขาไม่ได้อยู่ที่การโหม่ง แต่จังหวะแบบนี้ เขาควรยืนอยู่ที่นอกกรอบเขตโทษ แล้วค่อยซ้ำด้วยยิงไกลมากกว่า สุดท้ายคันโตน่า ปฏิเสธที่จะแย่งโหม่ง แล้วเดินออกจากการซ้อมไปเลย
ฮาวเวิร์ด วิลกินสัน เป็นโค้ชที่เฉียบขาดอยู่แล้ว ในเมื่อเขามองว่า คันโตน่าควบคุมไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะร่วมงานกัน จึงอยากให้ทีมขายทิ้งทันที
บิลล์ ฟอเธอร์บี้ ประธานลีดส์ จำเป็นต้องเชื่อใจวิลกินสัน เพราะนี่คือกุนซือที่พาทีมเป็นแชมป์ ก็คล้ายๆกับแมนฯยูไนเต็ด ยังไงก็ต้องเชื่อเฟอร์กี้ ต่อให้เป็นสตาร์มาจากไหน ถ้าเฟอร์กี้บอกให้ขาย ก็ต้องขาย
แต่ประเด็นคือ จะไปขายให้ใครล่ะ? การมาซื้อขายนักเตะกันกลางฤดูกาลแบบนี้ ปกติทำได้ยาก สโมสรอื่นๆ ก็ล้วนแต่ปิดงบประมาณไปหมดแล้ว
แต่ ฟอเธอร์บี้ ก็มานึกได้ว่า กับแมนฯยูไนเต็ดเคยคุยเรื่องคันโตน่าไว้ก่อนแล้ว และทีมปีศาจแดงก็มีฐานะทางการเงินดีมาก ดังนั้นการซื้อขายน่าจะทำได้ง่ายและรวดเร็วที่สุด จึงโทรกลับไปหามาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ ถามว่ายังสนใจซื้อคันโตน่าอยู่หรือไม่
เอ็ดเวิร์ดส์ อ่านเกมขาด เขารู้ว่า คันโตน่าต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างกับลีดส์แน่ๆ ไม่อย่างนั้น คงไม่มีทางปล่อยขายแบบนี้ จึงมีการกดราคากันไปเรื่อยๆ
"ประธานลีดส์ เรียกร้องขอ 1.6 ล้านปอนด์ แต่เรายืนยันแค่ 1 ล้านปอนด์"
สุดท้าย ดีลนี้ จึงจบแค่ 1 ล้านปอนด์เท่านั้น ซึ่งถือเป็นราคาที่ถูกจนไม่รู้จะถูกยังไงจริงๆ
และสุดท้าย คันโตน่า จึงย้ายมาอยู่แมนฯยูไนเต็ด ในเดือนธันวาคม 1992 พร้อมกับเพลงชื่อ Ooh Aah Cantona ก็ย้ายมาอยู่กับแฟนๆปีศาจแดงด้วย
จากนั้น ก็อย่างที่ทุกคนทราบกัน คันโตน่า เป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของปีศาจแดง
และจากทีมอันดับ 10 ในตารางพรีเมียร์ลีก ทันที่ที่ "ก็องโต้" ย้ายมาร่วมทีม ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และตำนานอันเกรียงไกร ของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็เริ่มต้นจากตรงนี้
------------------------------------------
"ถ้าจะมีนักเตะสักคนบนโลกที่เกิดมาเพื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เผย "คนคนนั้นคือ คันโตน่า"
"สายตาของเขา เวลามองไปที่คู่แข่ง เหมือนเขาพูดว่า 'กูคือคันโตน่า พวกมึงเก่งแค่ไหน เก่งพอสำหรับกูหรือเปล่า' "
"ไม่ใช่แค่ความมั่นใจ และเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีเท่านั้น แต่ คันโตน่ายังเป็นตัวอย่างที่ดีของรุ่นน้อง เขาซ้อมหนักกว่าคนอื่น มาคนแรก และกลับคนสุดท้าย"
ในขณะที่กับนักเตะคนอื่น เฟอร์กี้ จะรับบทจอมโหด ด่า โมโห กราดเกรี้ยว และพร้อมลงโทษทันที แต่กับคันโตน่า เฟอร์กี้จะมีวิธีปฏิบัติต่างออกไป เขาจะใจเย็นมากๆ ในการแก้ปัญหา ซึ่งตั้งแต่คุมทีมมา เราแทบไม่เห็น เฟอร์กี้ ยอมใจดีให้กับนักเตะคนไหนขนาดนี้
และสิ่งที่คันโตน่า ตอบแทนเฟอร์กูสัน คือความสำเร็จ
เขาพาทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย และเอฟเอคัพ 2 สมัย ก่อนที่จะประกาศแขวนสตั๊ดในปี 1997 ด้วยวัย 30 ปีเท่านั้น
เงิน 1 ล้านปอนด์ ที่แมนฯยูไนเต็ดจ่ายให้ลีดส์ไปวันนั้น มันตอบแทนกลับคืนมาอย่างประเมินค่าไม่ได้
จนถึงวันนี้ ก็องโต้ แขวนสตั๊ดไปแล้ว 21 ปี แฟนๆปีศาจแดง ยังร้องเพลง Ooh Aah Cantona กันอยู่เลย
สำหรับการซื้อขายคันโตน่า มันรวมความไม่น่าเชื่อหลายๆอย่างไว้พร้อมกัน
- แมนฯยูไนเต็ด พลาดเป้าหมายกองหน้าคนอื่นๆทั้งหมด
- ลีดส์ คู่อริสำคัญยอมขายให้แมนฯยูไนเต็ด
- ลีดส์ ยอมขายทั้งๆที่ได้ราคาต่ำมาก
- โค้ชลีดส์ ไม่พอใจคันโตน่า ที่กระด้างกระเดื่อง
- คันโตน่า อยากย้ายแม้จะอยู่กับทีมแชมป์ แถมแฟนๆลีดส์ก็รัก
ทุกองค์ประกอบมันดันลงตัวพอดีเป๊ะ ทำให้การซื้อขายเกิดขึ้นในราคาต่ำขนาดนี้
หรือบางที จะเป็นไปได้ไหม ว่าที่คันโตน่า ต้องมากลายเป็นตำนานปีศาจแดง
เพราะฟ้าลิขิตเอาไว้แล้ว
#Cantona
Spoil
ขอบคุณมากนะครับ
Cedit จากเพจ วิเคราะห์บอลจริงจัง
[/img]