ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 657
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 23, 2018 6:08 pm
มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดใช่หรือไม่?


มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดใช่หรือไม่? นั่นอาจจะไม่ใช่คำถามที่ดีนัก แต่เราควรถามว่า “มนุษย์ฉลาดแค่ไหน ที่จะรู้ว่าสัตว์อื่นก็ฉลาดเช่นกัน” หากเทียบสติปัญญาว่าใครฉลาดกว่าใคร ก็เหมือนคุณเอาแอปเปิ้ลมาเทียบกับผลส้ม เอาต้มยำกุ้งมาเทียบกับต้มโคล้ง ซึ่งจะมาตีกรอบสติปัญญาอย่างคับแคบ และมีแต่ทำให้เรามองข้ามความฉลาดของมวลหมู่มิตรในธรรมชาติไปอย่างน่าเสียดาย


งานศึกษาพฤติกรรมสัตว์ชิ้นใหม่ๆ พิสูจน์ว่า สัตว์ ‘ฉลาด’ กว่าที่เราคาดคิด หลายสิ่งที่คุณทำ สัตว์เองก็สามารถทำได้เช่นกัน (และอาจทำได้ดีกว่าคุณ) อีกาและลิงชิมแปนซีรู้จักความเป็นเหตุเป็นผล นกมีสมองเพียงช้อนชาแต่มีทักษะทางสังคมอันซับซ้อน แก้ปัญหาที่เด็กมนุษย์เองยังทำไม่ได้ ไหนจะสมองหมึกที่กระจายอยู่ทั่วหนวดอีก

สมองของสัตว์เปิดเผยแง่มุมอันอ่อนละมุนของประสาทวิทยา เซลล์ประสาท (Neuron) ที่กระจุกตัวเป็นตัวกำหนดความฉลาดของสิ่งมีชีวิตหรือไหม? หากคุณฝันถึงสัตว์ต่างดาวทรงภูมิในอนาคต ไม่ต้องฝันหวานไปหรอก เพราะแท้จริงแล้ว สัตว์อัจฉริยะราวกับหลุดมาจากต่างดาว มีชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเรามาโดยตลอด เพียงแต่คุณจะมีสายตามองเห็นหรือเปล่าเท่านั้นเอง


1. ตรรกะของอีกา



สมองนกเล็กจิ๋วหลิว เป็นประเด็นล้ำลึกที่สร้างความตกตะลึงให้กับวิทยาศาสตร์มาอย่างยาวนาน ก่อนหน้านี้เราเชื่อว่า ‘นกโง่’ พวกมันบินไปชนกระจกบ้างล่ะ ไปให้รถเหยียบบ้างล่ะ หรืออยู่กันเป็นฝูงแน่นๆ ไล่จิกกินขนมแถวสนามหลวง แต่ในอีกมิติหนึ่ง พวกมันเป็นนักแก้ปัญหาที่มีตรรกะ และเข้าใจความเป็นเหตุเป็นผล

Nicky Clayton ศาสตราจารย์ผู้ศึกษาการเรียนรู้ของสัตว์ พบพลังซ่อนเร้นของวงศ์นกกา (corvidae) เขาลองให้กาเข้าทดสอบการแก้ปัญหาร่วมกับเด็กอายุ 8 ขวบ เป็นปริศนาขวดแก้วที่บรรจุน้ำไว้ภายใน มีของรางวัลล่อใจอยู่ก้นขวด ที่ไม่ว่าจะเอานิ้วคีบหรือใช้จะงอยปากจิกขึ้นมาก็ทำไม่ได้ ของล่อใจอยู่ตรงหน้า จะแก้ปัญหาอย่างไรดี

นกกาใช้เวลาเพียงนิดเดียวเท่านั้นในการไขปริศนา มันคาบก้อนกรวดก้อนแล้วก้อนเล่ามาใส่ขวด จนกระทั่งน้ำที่อยู่ภายในเอ่อล้นดันของรางวัลขึ้นมาในระยะที่คาบถึง ในขณะที่เด็กมนุษย์ 8 ขวบไม่สามารถแก้ปัญหาเช่นนี้ได้เลย

นกกาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้การแก้ปัญหาในโรงเรียน พวกมันมีทักษะเช่นนี้ตามธรรมชาติ แม้มนุษย์จะแยกสายวิวัฒนาการจากนกมานานกว่า 300 ล้านปีแล้วก็ตาม สมองของมนุษย์และนกจึงสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน เสมือน PC และ Mac ที่เมื่อเผชิญโจทย์ข้อเดียวกัน แต่มีกระบวนการหาคำตอบที่ไม่เหมือนกัน

2. ‘สมองในหนวดหมึก’ มือที่คิดได้เองอย่างอิสระ


หมึกยักษ์ (Octopus) และหมึกกระดอง (Cuttlefish) มีนิยามของสมองที่แตกต่างจากสัตว์อื่นๆ ราวกับหลุดมาจากต่างมิติ เซลล์สมองพวกมันไม่ได้กระจุกอยู่เพียงส่วนหัว แต่อยู่เกือบทั่วทั้งตัวของร่างกาย หนวดแต่ละเส้นของหมึกมีเซลล์ประสาทราว 3 ใน 5 ของร่างกาย ทำให้หนวดหนึบๆ แต่ละเส้นมีอิสระจากกัน และสามารถแก้ปัญหาบางสถานการณ์โดยไม่ต้องพึ่งพาการสั่งการของสมองส่วนกลาง

แม้คุณจะตัดหนวดมันออก แต่หนวดเหล่านี้ยังสามารถเคลื่อนไหวได้เป็นชั่วโมง และยังคงจดจำลักษณะการเคลื่อนไหวขณะยึดติดกับร่างของตัวเองได้ ดังนั้นคุณจึงไม่มีทางเห็นหนวดหมึกพันกันอีรุงตุงนัง สมองที่กระจายอยู่ทั่วร่างกายทำให้หมึกปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้รวดเร็ว เปลี่ยนสีเพื่ออำพรางตัวให้เหมือนกับสาหร่ายทะเลหรือก้อนหิน

Stefan Linquist นักปรัชญาจากมหาวิทยาลัย Guelph ศึกษาพฤติกรรมหมึกมาแรมปี พวกเขาพบว่าในแท็งค์อควาเรียมขนาดใหญ่ สัตว์จำพวกปลาส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตัวเองถูกจองจำในที่ผิดปกติวิสัยของธรรมชาติ แต่ไม่ใช่สำหรับหมึก เพราะพวกมันรู้ซึ้งถึง ‘สัญญาณการถูกจองจำ’ พวกมันจะออกสำรวจทุกตารางเซนติเมตรโดยใช้หนวดกวาดไปทั่ว ไปอุดรูช่องปล่อยน้ำ หรือหมุนวาวล์ต่างๆ หมึกสามารถรับรู้ได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นจับจ้องมันอยู่ มันจึงเลือกที่จะอยู่นิ่ง รอคอยให้พวกเขาเผลออยู่ในมุมอับลับสายตา มีรายงานบ่อยครั้งว่าอควาเรียมหลายแห่งเกิดเหตุน้ำท่วมขัง หรืออะไรวุ่นๆ โดยมีหมึกยักษ์เป็นผู้ก่อคดีเสมอ

3. นกโรบินที่เอาใจเก่งกว่าแฟนคุณ


ส่วนใหญ่คนเราหย่ากันเพราะขาดความเข้าใจ คนหนึ่งต้องการอีกอย่าง แต่กลับได้รับผลอีกอย่าง และไม่รู้ว่าจะทำให้คู่ของคุณมีความสุขได้อย่างไร ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ในอาณาจักรอันกว้างใหญ่นี้ จะมีสิ่งมีชีวิตตัวไหนที่รู้ใจซึ่งกันและกัน

นกโรบิน (Robin) ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ขึ้นชื่อว่าเป็นนกที่เอาใจเก่ง พวกมันเฝ้าดูปฏิกิริยาของคู่ตัวเองอยู่เสมอ อยากได้หนอนไหม อร่อยดีเนอะ อิ่มพอไหม เดี๋ยวไปหาให้อีก ดูแลดีเหลือเกิ๊น

ในปี 2017 นักวิจัย Nicky Clayton จากมหาวิทยาลัย Cambridge พบพฤติกรรมแจ๋วของนกโรบิน เมื่อมันออกไปหาอาหารและเอาหนอนไปให้นกตัวเมียคู่ของมันกิน นกตัวผู้พยายามคาดเดาว่านกตัวเมียต้องการอะไรต่อ นกโรบินมีความสามารถสังเกตพฤติกรรมของคู่มันได้ค่อนข้างแม่นยำ จากนั้นก็แยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ

นกส่วนใหญ่มีความชาญฉลาดในการเข้าสังคม (Social Intelligent) การใช้ชีวิตแบบอยู่รวมฝูงทำให้พวกมันต้องมีไหวพริบในการคาดเดาพฤติกรรมเพื่อนๆ นกเพื่อลดความขัดแย้ง และสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น

เพลงรักลูกกรุงไทยส่วนใหญ่มักเปรียบเทียบความรักกับเหล่าปักษี ก็ไม่คลาดเคลื่อนนัก เพราะนกนักรักอาจทำให้คุณอิจฉาตาร้อน เมื่อนกดันไม่นก แล้วคุณจะเรียกตัวเองว่าอีกอะไรล่ะ?

4. สุนัขที่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่


มนุษย์ใช้ชีวิตร่วมกันกับสุนัขมานับแสนๆ ปี มันจึงเป็นสหายที่รู้ใจที่สุดโดยไม่ต้องพูดอะไรเลย (เห่าไม่นับนะ)

เคยมีการสำรวจว่า สุนัขพันธุ์ ‘บอร์เดอร์ คอลลี่’ ที่ขึ้นชื่อว่าแสนรู้น่ารัก สามารถจดจำคำสั่งได้มากถึง 1,000 คำสั่ง และอาจเข้าใจโครงสร้างประโยคง่ายๆ เช่น สั่งให้ไปเอาของมาวางบนโต๊ะ หรือสั่งให้เอาของมาให้เรา แล้วเอาไปคืนที่เดิม (หมาบางบ้านก็ทำได้เช่นกัน)

สุนัขมีพรสวรรค์ในการสื่อสารกับมนุษย์อย่างดีเยี่ยม มันพัฒนาโครงสร้างทางสังคมร่วมกันกับเรามาอย่างยาวนาน ซึ่งพบว่าสุนัขคาดเดาพฤติกรรมมนุษย์อยู่ตลอดเวลา พยายามหาว่าเรามองไปยังจุดไหน ชี้อะไร และเฝ้ามองมนุษย์ว่าเรารับรู้ข้อมูลอะไรมาแล้วบ้าง

งานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัย Arizona นำโดย Evan MacLean ศึกษาพฤติกรรมสุนัขถึง 552 ตัวในการทำภารกิจหาของที่แอบซ่อน แม้สุนัขจะหาของไม่เก่งนักไม่เหมือนกับกลุ่มไพรเมทที่รื้อเก่ง (ไม่รวมสุนัขที่ผ่านการฝึกค้นหาสารเสพติดมาแล้ว) แต่สุนัขใช้ตัวช่วยโดยการ ‘มองสายตามนุษย์’ ที่เป็นผู้แอบซ่อนเหมือนหาคำใบ้เล็กๆ (Visual Clue) ที่คาดว่ามนุษย์น่าจะรู้ว่าของชิ้นนั้นซ่อนไว้ที่ไหนแต่แรก หรือมองไปยังนิ้วมือที่ชี้อยู่

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าทักษะในการเรียนรู้ของมัน ค่อยๆ เกิดขึ้นจากที่มนุษย์นำสุนัขป่ามาเลี้ยง (Domestication) คล้ายสุนัขป่าที่ทำงานร่วมกันเพื่อการล่าและเลี้ยงดูทายาท แต่สุนัขบ้านจะทำงานร่วมกับมนุษย์ด้วยวิธีที่ละมุนละม่อมกว่าเพื่อเพิ่มความผูกพันสายใย เน้นการเอาใจอยู่ไม่ห่าง เพื่อให้คุณรู้สึกว่า ขาดพวกมันไม่ได้เช่นกัน

5. หมูผู้ใช้กระจกเงา


หมูเป็นสัตว์ที่ถูกบริโภคเนื้อมากอันดับต้นๆ ของโลก พวกมันเองยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความฉลาดไม่แพ้สัตว์อื่นๆ แต่โชคร้ายที่ไม่ค่อยมีโอกาสแสดงความสามารถเสียเท่าไหร่ ธรรมชาติของหมูนอกจากกินจุ ยังเป็นนักแก้ปัญหาตัวยงอีกด้วย

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า หมูเข้าใจเงื่อนไขการทำงานของกระจกเงา (mirror) โดยมันเข้าใจหลักการภาพสะท้อนในกระจกโดยใช้มองมุมตกกระทบที่มองไม่เห็นเพื่อหาอาหาร แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ยืนยันว่า หมูรู้จักตัวเอง (self-awareness) ผ่านกระจกแบบลิงและโลมาหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ มันใช้เงาสะท้อนในการแก้ปริศนาที่ช่วยให้มันมองเห็นมุมที่กว้างมากขึ้น (ไม่ใช่หมูกระจก ของฝากจากเชียงใหม่นะ)

ในปี 1999 มีงานศึกษาสุดคลาสสิค ที่หมูสามารถเรียนรู้ตอบสนองกับคอมพิวเตอร์ได้คล้ายชิมแปนซี มันใช้จมูกดันลูกศรให้ไปสัมผัสกับวัตถุ 3 มิติในจอ แสดงว่าหมูมีศักยภาพในการรับรู้รูปทรงต่างๆ และรู้จักการควบคุมวัตถุจำลองในคอมพิวเตอร์ไปในทิศทางที่มันต้องการได้

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า หมูทำอะไรได้มากว่านี้เยอะ เป็นได้มากกว่าเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารอย่างเดียว หลายครอบครัวเริ่มเปิดใจเลี้ยงหมูแบบสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้น เพราะพวกมันสามารถตอบสนองคำสั่งของมนุษย์ได้ดีและมีนิสัยแห่งการเรียนรู้

6. ผึ้งนักจำ ไม่ชอบถูกหลอก


หลายคนมองข้ามพลังแหล่งการเรียนรู้ของผึ้งตัวน้อย ทักษะของพวกมันล้นเหลือยิ่งกว่าขนาดตัว ผึ้งเป็นสัตว์ที่เรียนรู้จากการถ่ายทอดในฝูงได้ นักวิจัยเคยฝึกให้มันเลี้ยงลูกบอลเข้าโกลเพื่อแลกกับน้ำหวาน พวกมันเป็นนักเลี้ยงลูกที่คล่องตัว แม้ผึ้งตัวที่ยังไม่เคยถูกฝึกเลยแต่เมื่อเห็นลีลาของผึ้งที่เลี้ยงลูกบอล ไม่นานนักพวกมันก็จะเลียนแบบทำตามบ้าง

ในปี 2017 นักวิจัย Andrew Barron จากมหาวิทยาลัย Macquarie University ทดลองให้ผึ้งแยกแยะระหว่างเส้นแนวนอน 2 เส้น ว่าเส้นไหนอยู่เหนือกว่ากัน หากผึ้งเลือกถูกมันจะได้รับรางวัลเป็นน้ำหวาน แต่หากตอบผิดมันจะได้รับน้ำขม แต่หลังจากนั้นนักวิจัยเล่นสนุกโดยเอาเส้นทั้ง 2 เส้นมาวางในระนาบเดียวกัน เมื่อไม่มีคำตอบที่ดีที่สุด ผึ้งกลับไม่เลือกเส้นไหนเลย แล้วบินหนีอีกต่างหาก เพราะมันรู้ว่าไม่มีคำตอบไหนที่มันจะได้รับน้ำหวานเป็นรางวัล

ทั้งๆ ที่ผึ้งมีเซลล์ประสาทเพียง 1 ล้านเซลล์เท่านั้น แต่มันเป็นนักจดจำขนาดกะทัดรัด ผึ้งจำสถานที่ได้แม่นยำราว GPS รู้ว่าน้ำหวานดอกไม้อยู่ที่ไหน และต้องใช้เส้นทางใดตัดผ่านไปสู่จุดหมายได้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เสียระยะการบิน นักวิทยาศาสตร์จึงสนใจประสิทธิภาพของผึ้งในการจำลองสมองของหุ่นยนต์ที่มีขนาดเบา แต่สามารถคำนวณและหาเส้นทางที่ซับซ้อนได้

7. โลมาที่รู้จักช่วยชีวิตเพื่อน


เรามักมองสัตว์ด้วยสายตาที่ว่าพวกมันถูกขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณเพื่อการ ‘เอาตัวรอด’ (Survival instinct) เพียงเท่านั้น ตัวฉันรอดก็เพียงพอแล้ว และผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่รอดถ่ายทอดพันธุกรรมดีต่อไป หรือแท้จริงเรามองพวกมันด้วย ‘ความหยาบ’ ไปหรือไม่?

หากมนุษย์เรียนรู้ที่จะเห็นใจผู้อื่นได้ วิวัฒนาการที่ละเอียดอ่อนนี้ ก็มิใช่เราผู้เดียวที่ครอบครอง เพราะโลมามีสิ่งนี้ และอาจเรียกได้ว่าเป็นการบุกเบิกแนวคิดความเห็นใจ (Empathy) ในสัตว์ครั้งแรกๆ

ในปี 1954 ณ อ่าว ฟลอริด้า ยุคนั้นยังมีการจับสัตว์น้ำในแหล่งธรรมชาติเพื่อจัดแสดงในอควาเรียม โดยการใช้ระเบิดไดนาไมท์ใต้น้ำเพื่อให้เกิด Shockwave ทำให้สัตว์น้ำมึนงงจะได้จับได้ง่ายขึ้น โลมาปากขวด (Bottlenose) ตัวหนึ่งถูกแรงอัดจากระเบิดจนหมดสติ ค่อยๆ ดิ่งลง และอาจทำให้มันจมน้ำตาย (ใช่! โลมาจมน้ำตายได้นะเออ)

แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อโลมาอีก 2 ตัวค่อยๆ มาประคองโลมาบาดเจ็บให้ลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ เพื่อให้ช่องหายใจได้รับอากาศ ซึ่งโลมาอีก 2 ตัวจำต้องยอมจมอยู่ใต้ผิวน้ำโดยไม่มีอากาศหายใจเพื่อดันโลมาบาดเจ็บไว้จนกว่าจะได้สติ

หากมองในมิติมนุษย์คุณอาจเรียกว่า เป็นความเสียสละผ่านความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ก็ได้ แต่น่าสนใจที่โลมาเข้าใจกลไกของการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หากหมดสติ = ตาย , รูหายใจ ต้องอยู่เหนือน้ำ , ดันเพื่อนขึ้นให้ลอย ต้องหนุนครีบข้างลำตัวขึ้น

หลังจากเพื่อนของมันรู้สึกตัว โลมาทั้ง 3 ก็ว่ายหนีไปคนละทิศละทาง พวกมันช่วยเหลือเพื่อนโลมาจากความตายได้สำเร็จ เหตุการณ์ครั้งนั้น จุดประกายแนวคิด Empathy ครั้งบุกเบิกในอาณาจักรสัตว์ พวกมันมีความรู้สึกนึกคิดที่ละเอียดอ่อน และไม่ได้คำนึงถึงการเอาชีวิตรอดของตัวเองตามสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว

ธรรมชาติไม่ได้ออกแบบให้สิ่งมีชีวิตแข่งขันกันเสมอไป มันมีพื้นที่ของความเมตตาอยู่เช่นกัน

8. วาฬนัก cover เพลง

อารมณ์ศิลปินไม่ใช่เอกลักษณ์เฉพาะในมนุษย์เท่านั้นหรอก วาฬก็ร้องเพลงได้ แถมเป็นนัก Remix เพลงที่ยอดเยี่ยมด้วย ถ้ามันโพสต์เพลงลง Youtube ได้ ก็น่าจะมีคนติดตามเยอะอยู่ พวกเรารู้ว่าวาฬร้องเพลงได้ แต่มันเรียนรู้เพลงใหม่ๆ ในกลุ่มวาฬด้วยกันได้อย่างไรล่ะ? มันสร้างเพลงใหม่มาร้องกันหรือเปล่า?

วาฬใช้เพลงในการสื่อสารเป็นหลัก เป็นการบ่งบอกอัตลักษณ์ฝูง บทเพลงวาฬจึงมีเนื้อหาซับซ้อนอุดมไปด้วยความรู้สึก ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัย University of Queensland พบว่า พวกมันมีการเรียนรู้เพลงใหม่ๆ เป็นท่อนๆ คล้ายมนุษย์ (รวมถึงนกนักเลียนเสียงทั้งหลาย) โดยเฉพาะวาฬหลังค่อมตัวผู้มักจะร้องเพลงเดียวกันที่ซับซ้อน แต่ทำนองค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ คล้ายการ Remix หรือ Cover เพลงที่ค่อยๆ แพร่หลายในฝูงวาฬ

การเรียนรู้เพลง เป็นกลไกสำคัญของการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning) ที่สิ่งมีชีวิตจะลอกเลียนพฤติกรรมระหว่างกันเพื่อกระชับพื้นที่ให้ใกล้ชิด ดังนั้นเพลงที่ร้องจะมีการ ‘Hybrid’ ลูกผสมของทำนองที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ตายตัว มีการเอาทำนองเก่ามาผสมกับทำนองใหม่เหมือนอย่างที่มนุษย์เองก็เอาเพลงมาดัดแปลงเช่นกัน

การเรียนรู้บทเพลงของวาฬหลังค่อม ทำให้เราเชื่อมโยงกับการเรียนรู้ที่ซับซ้อนของมนุษย์ได้ในเวลาเดียวกัน บทเพลงของวาฬหลังค่อมเป็นตัวเชื่อมโยงที่ดีระหว่างเราและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยในน้ำมาอย่างช้านาน แต่มีจุดร่วมที่ลึกซึ้ง



สิ่งมีชีวิตเรียนรู้จากสิ่งเก่า ดัดแปลง ปรับปรุงให้กลายเป็นของใหม่ ในแง่ศิลปะแล้วความดั้งเดิม (Originality) อาจไม่มีอยู่จริง เพราะเราดัดแปลงจากของเดิมให้เข้ากับบริบทใหม่ บทเพลงของวาฬจึงไม่ต่างจาก Folksong ที่บรรจุเรื่องราวของพวกมันทั้งความทรงจำในอดีตและเรื่องราวแห่งปัจจุบันไว้ด้วยกัน


Cre.เพจ The METTER

เข้าร่วม: 20 May 2011
ตอบ: 8727
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 23, 2018 6:19 pm
[RE: มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดใช่หรือไม่?]
ชอบอ่านอะไรแบบนี้แหะ เพลินดี ขอบคุณครับ
0
0


เข้าร่วม: 08 Jan 2010
ตอบ: 2049
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 23, 2018 6:20 pm
[RE: มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดใช่หรือไม่?]
ปลาวาฬปะครับ ที่เป็นสัตว์ที่มีสมองใหญ่ที่สุด หรือ ช้าง หว่า
0
0
images by free.in.th
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 5211
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 23, 2018 6:45 pm
[RE: มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดใช่หรือไม่?]
ผมเคยดูสารคดี มีนกทะเลชนิดนึง หลังจากฟัก มันจะตัวกระโดดทิ้งตัวนุ่มๆกระแทกโขดหินเพื่อไปหาพ่อแม่ตามเสียง ที่บินไปรอในทะเล เพราะความนุ่มของมันทำให้มันกระเด้งกระดอนจนพาตัวเองไปหาแม่มันได้ ถามว่า...นกมันฉลาดไหม...แต่คนกลับกัน โง่ตั้งแต่เกิดที่พ่อแม่เลี้ยงดูตั้งแต่เด็กยังไม่รู้คุณค่าของตัวเองเลยว่าจะอยู่เพื่ออะไร...
0
0
เข้าร่วม: 21 Nov 2014
ตอบ: 4062
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 23, 2018 6:46 pm
มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดใช่หรือไม่?
แต่มนุษย์เราก็ฉลาดที่สุดจริงๆน่ะแหละ สมองมนุษย์เราซับซ้อนมากๆและความฉลาดนี่ทิ้งจากสัตว์อื่นอย่างเห็นได้ชัดเลย สัตว์ที่ฉลาดอันดับ 2 นี่น่าจะปลาโลมา แต่กระบวนการความคิดมนุษย์ก็ยังทิ้งแบบสุดกู่เลยล่ะ
เข้าร่วม: 30 Oct 2014
ตอบ: 2778
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 23, 2018 8:16 pm
[RE: มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดใช่หรือไม่?]
METHANOL พิมพ์ว่า:
ผมเคยดูสารคดี มีนกทะเลชนิดนึง หลังจากฟัก มันจะตัวกระโดดทิ้งตัวนุ่มๆกระแทกโขดหินเพื่อไปหาพ่อแม่ตามเสียง ที่บินไปรอในทะเล เพราะความนุ่มของมันทำให้มันกระเด้งกระดอนจนพาตัวเองไปหาแม่มันได้ ถามว่า...นกมันฉลาดไหม...แต่คนกลับกัน โง่ตั้งแต่เกิดที่พ่อแม่เลี้ยงดูตั้งแต่เด็กยังไม่รู้คุณค่าของตัวเองเลยว่าจะอยู่เพื่ออะไร...  


ผมเคยดูสาระคดีเกี่ยวกับการทดลอง มนุษย์แรกเกิด หัวข้อไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับ สัญชาตญาน ที่เรามีมาแต่โบราณโดยการถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่ผมไม่แน่ใจในหัวข้อ แต่การทดลอง ง่ายๆคือ เค้าจะเอากระจกใส วางพาดแล้วมีรูป3 มิติเป็นเหวลึก อยู่ใต้กระจกนั้น เด็กกี่คนกี่คนก็ไม่คลานผ่านไปอีกฝั่ง เรื่องรายละเอียดผมไม่แน่ใจว่า เอาอะไรล่อเด็กให้ไปอีกฝั่งไหม แต่ประเด็นคือ เด็กไม่คลานผ่านครับ เหมือนว่า สัญชาตญานเบื้องต้นในการรับรู้ถึงอันตรายถูกส่งต่อทางพันธุกรรม จะว่ามนุษย์เราโง่ก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะครับ
0
0
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 5211
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 23, 2018 8:42 pm
[RE: มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดใช่หรือไม่?]
oniznightss พิมพ์ว่า:
METHANOL พิมพ์ว่า:
ผมเคยดูสารคดี มีนกทะเลชนิดนึง หลังจากฟัก มันจะตัวกระโดดทิ้งตัวนุ่มๆกระแทกโขดหินเพื่อไปหาพ่อแม่ตามเสียง ที่บินไปรอในทะเล เพราะความนุ่มของมันทำให้มันกระเด้งกระดอนจนพาตัวเองไปหาแม่มันได้ ถามว่า...นกมันฉลาดไหม...แต่คนกลับกัน โง่ตั้งแต่เกิดที่พ่อแม่เลี้ยงดูตั้งแต่เด็กยังไม่รู้คุณค่าของตัวเองเลยว่าจะอยู่เพื่ออะไร...  


ผมเคยดูสาระคดีเกี่ยวกับการทดลอง มนุษย์แรกเกิด หัวข้อไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับ สัญชาตญาน ที่เรามีมาแต่โบราณโดยการถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่ผมไม่แน่ใจในหัวข้อ แต่การทดลอง ง่ายๆคือ เค้าจะเอากระจกใส วางพาดแล้วมีรูป3 มิติเป็นเหวลึก อยู่ใต้กระจกนั้น เด็กกี่คนกี่คนก็ไม่คลานผ่านไปอีกฝั่ง เรื่องรายละเอียดผมไม่แน่ใจว่า เอาอะไรล่อเด็กให้ไปอีกฝั่งไหม แต่ประเด็นคือ เด็กไม่คลานผ่านครับ เหมือนว่า สัญชาตญานเบื้องต้นในการรับรู้ถึงอันตรายถูกส่งต่อทางพันธุกรรม จะว่ามนุษย์เราโง่ก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะครับ  
คือผมมองว่า การทดลองกับคน ผมเชื่อว่าหากเด็กรับรู้ได้ว่ามีแม่อยู่ เด็กอาจจะคลานก็ได้ เหมือนนกครับที่ได้ยินเสียงแม่ มันจะตัดสินใจกระโดด แต่ที่ผมหมายถีงคือคนเราเมื่อโตขึ้นใช้เวลานานกว่าที่จะล่าเหยื่อเองได้ ถ้าเป็นสตัว์มันฉลาดเรียนรู้เร็วกว่าที่จะเอาตัวรอด
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 13914
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 23, 2018 8:47 pm
[RE]มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดใช่หรือไม่?
เมื่อก่อนผมชอบแกล้งน้องเรื่องเงาในกระจก เด็กอนุบาลไม่รู้ว่าเงาในกระจกคือตัวเองไม่ใช่ผี
0
0
เข้าร่วม: 13 Sep 2010
ตอบ: 2436
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 23, 2018 9:07 pm
[RE: มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดใช่หรือไม่?]
อ่านเพลินดี อ่านจบทุกบรรทัดเลย เรื่องพวกนี้เพลินดีนะ เข้าห้องน้ำไปขี้มีอะไรแบบนี้ให้อ่านคงได้นั่งยาว
0
0
เข้าร่วม: 30 Oct 2014
ตอบ: 2778
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 23, 2018 9:12 pm
[RE: มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดใช่หรือไม่?]
METHANOL พิมพ์ว่า:
oniznightss พิมพ์ว่า:
METHANOL พิมพ์ว่า:
ผมเคยดูสารคดี มีนกทะเลชนิดนึง หลังจากฟัก มันจะตัวกระโดดทิ้งตัวนุ่มๆกระแทกโขดหินเพื่อไปหาพ่อแม่ตามเสียง ที่บินไปรอในทะเล เพราะความนุ่มของมันทำให้มันกระเด้งกระดอนจนพาตัวเองไปหาแม่มันได้ ถามว่า...นกมันฉลาดไหม...แต่คนกลับกัน โง่ตั้งแต่เกิดที่พ่อแม่เลี้ยงดูตั้งแต่เด็กยังไม่รู้คุณค่าของตัวเองเลยว่าจะอยู่เพื่ออะไร...  


ผมเคยดูสาระคดีเกี่ยวกับการทดลอง มนุษย์แรกเกิด หัวข้อไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับ สัญชาตญาน ที่เรามีมาแต่โบราณโดยการถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่ผมไม่แน่ใจในหัวข้อ แต่การทดลอง ง่ายๆคือ เค้าจะเอากระจกใส วางพาดแล้วมีรูป3 มิติเป็นเหวลึก อยู่ใต้กระจกนั้น เด็กกี่คนกี่คนก็ไม่คลานผ่านไปอีกฝั่ง เรื่องรายละเอียดผมไม่แน่ใจว่า เอาอะไรล่อเด็กให้ไปอีกฝั่งไหม แต่ประเด็นคือ เด็กไม่คลานผ่านครับ เหมือนว่า สัญชาตญานเบื้องต้นในการรับรู้ถึงอันตรายถูกส่งต่อทางพันธุกรรม จะว่ามนุษย์เราโง่ก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะครับ  
คือผมมองว่า การทดลองกับคน ผมเชื่อว่าหากเด็กรับรู้ได้ว่ามีแม่อยู่ เด็กอาจจะคลานก็ได้ เหมือนนกครับที่ได้ยินเสียงแม่ มันจะตัดสินใจกระโดด แต่ที่ผมหมายถีงคือคนเราเมื่อโตขึ้นใช้เวลานานกว่าที่จะล่าเหยื่อเองได้ ถ้าเป็นสตัว์มันฉลาดเรียนรู้เร็วกว่าที่จะเอาตัวรอด  


นั้นแหละครับเค้าถึงเป็นประเด็นว่า มนุษย์เรามีสัญชาตญาณแบบสัตว์ทั่วๆไปไหม หรือว่าเราละทิ้งพวกนั้นไปหมดเพราะเราเคยชินกับการที่มีคนคอยดูแลในวัยเยาว์ค่อนข้างจะนานกว่าสัตว์ทั่วๆไป

เป็นการเปรียบเทียบทางสเกลด้านเวลาด้วยครับ เหมือนพวก วัวป่า ในแอฟริกา ที่เกิดแล้วจะต้องรีบวิ่งได้ให้ไวที่สุดไม่งั้นจะถูกฝูงทิ้งและกลายเป็นอาหาร และวัฐจักรสัตว์พวกนี้มักจะสั้น จึงต้องรีบๆในทุกๆด้าน ส่วนมนุษย์เราวัฐจักรของพวกเราอยู่ในระดับกลางๆ แถมคงอยู่ในวัยทารกเหมือนจะนานมากกว่าสัตว์จำพวกอื่นๆด้วย ประเด็นที่ผมมองคือ สัตว์โลกมักจะวิวัฒ เพื่อเอาตัวรอด มนุษย์ก็เช่นกัน แต่เหมือนมนุษย์ บังเอิญหรืออย่างไร วิวัฒทางด้านสมองมากกว่า ร่างกายแบบจำพวกสัตว์ทั่วๆไป ทำให้ มนุษย์ก้าวขึ้นมา แถวหน้าของสัตว์โลกในด้านการใช้สมอง

แต่โดยรวมแล้ว มนุษย์เราอ่อนแอมาก จนกว่าจะถึงวัยผู้ใหญ่ และผมไม่รู้ว่านับเป็นความฉลาดของมนุษย์ไหม ที่รู้จักการจดบรรทึกไว้สอนรุ่นต่อๆไป เรื่องการมีโรงเรียนและแหล่งความรู้ต่างๆไว้ เพราะมันทำให้เราไปไกลกว่าสัตว์อื่นๆตรงการเก็บข้อมูลต่างๆไว้สอนรุ่นต่อๆไป ไม่ต้องมานั่งค้นหาใหม่ในบางเรื่อง ทำให้ไปค้นพบเรื่องใหม่ๆแทน

ยกตัวอย่างเล่นๆ อย่างเช่นเต่าทะเล อย่างเราๆรู้ว่า ลงไปทะเลโอกาสรอดน้อย ใช่ แม่เต่าก็อาจจะรุ้ เพราะแม่เต่าก็เคยผ่านช่วงนั้นมาเหมือนกัน แต่ก็ทำไรไม่ได้ ธรรมชาติก็ทำได้แค่แม่เต่าวางไข่เยอะๆ เราๆมองว่าเป็นวัฐจักร

แต่ถ้าเป็นมนุษย์เราละ เกิดลูกค่าเฉลี่ยแค่ครั้งละ 1 เท่านั้น ถ้าเราปล่อยลงทะเลไปโดนกินแน่ๆ แต่กลับกันเราเลือกที่จะ ดูแลช่วงวัยเยาว์แทน เลือกที่จะมีการถ่ายทอดการเรียนรู้และเอาตัวรอด นี้แหละ ผมค่อนข้างจะไม่ค่อยมั่นใจว่า เพราะตรงนี้ไหมที่ทำให้เราฉลาด บางครั้งการฉลาดถูกจังหวะของเผ่าพันธุ์

คิดดูถ้าเต่าคิดได้ แล้วเลือกที่จะ อนุบาลพวกลูกๆพวกมันไว้ก่อน จนถึงวัยที่แข็งแรง เรียนรู้ว่าอันไหนคือนักล่า หรืออันตราย ตอนนี้สัตว์ต่างๆพวกนั้นอาจจะครองโลกแล้วก็ได้

ส่งเหล่านั้นมันมีส่วนทำให้เรา ขึ้นมาครองโลก จะว่าครองโลกจริงไหม ก็น่าจะจริงแหละ เพราะถ้าเกิดมีสัตว์อะไร คิดขึ้นมาท้าทายมนุษย์ ย่อมโดนควบคุมโดยอ้างว่า เป็นภัยต่อมนุษยชาติ

ยกเว้น แมวไว้อย่างนะครับ อันนั้นแมวคิดจะครองโลกอยู่แล้ว
เข้าร่วม: 30 May 2010
ตอบ: 33126
ที่อยู่: ...
โพสเมื่อ: Thu Apr 26, 2018 2:16 pm
[RE: มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดใช่หรือไม่?]
ฉลาดสุดมั้ยไม่รู้ ประหลาดสุดนี่ใช่แน่นอน
0
0
Eric 'The King' Canto