IT โล้นไม่รู็ฮับเพ่

แต่ถ้าขับวิน ต้องซื้อเสื้อวินก่อน ห้ามรับข้ามเขต ไม่งั้นโดนกระทืบ สะเด้ยยยย!!!

คิดว่าไม่ต้องมีนะครับ ส่วนตัวแล้วสัมภาษณ์ตำแหน่งนี้มาไม่เคยใช้เลย

ถ้ามีคู่เทียบสองคน คนนึงมี port มาให้ดูเป็นตัวอย่าง อีกคนมามือเปล่า คิดว่าใครควรได้งานละครับ











ปล. ถ้าหน้าตาดี มีนม ไม่ต้องพกอะไรไปก็ได้งานครับ

ถ้ามีประสบการณ์ ก็ อาจจะขอ ใบผ่านงานจากที่เดิมก็ได้ครับผม จะได้เพิ่ม port ไป

ไม่รู้สิทำหลายอย่างน่ะ

แต่เวลาไปประสานงานข้างนอกติดตั้งอุปกรณ์ ตาม สถานที่ราชการ

ผมมีรูปเยอะมากๆน่ะเพราะเราต้องไปถ่ายเป็นหลักฐานด้วย

เคยไปสัมภาษณ์งานมาตอบกลับเมลมาง่ายๆว่า ผมไม่ได้ต้องการรูปที่คุณติดตั้งมาหลายๆงานเลย (ไอห่าแล้วมึงให้กุอยู่ออฟฟิตแก้ไขงานแล้วถ่ายรูปมาลงหรือไงว่ะ ไม่มีรูปก็ไม่น่าเชื่อถือ ถ้าเค้าโอเคกับการพรีเซ็นต์ของคุณไม่จำเป็นต้องมีรูปก็ได้ครับ)

บอกว่าทำอะไรได้บ้างจะดีมากครับ ที่ผ่านมาเคยไปอบรมที่ไหน หลักสูตรอะไรก็ใส่ๆ ไปครับ

บางครั้ง ผมรับสมัครงานผมก็ดูๆ เรื่องพวกนี้เหมือนกันนะครับ
ถ้าไม่มีอะไรเลย เวลาผมดู resume หรือ CV ผมก็ข้ามไปเลยนะ

ปล. แต่อย่าขี้โม้เกินไปนะครับ เพราะถ้าเขียนมาแล้ว ตอนผมสัมภาษณ์เกิดผมให้ลองแก้ไขในอากาศ ทำไม่ได้ขึ้นมานี่ ตกเลยนะ...
หลายคนที่เจอมาโม้เยอะก็มี ไม่เขียนอะำรเลยก็มีครับ ทางที่ดี เอากลางๆ ที่ตัวเองทำได้หรือเคยทำมาก็พอ

แนะนำให้ ยก Server ไปด้วยจะ พิจารณาเป็นพิเศษ

ยังงัยมันก้จำเป็นต้องมี หรืออย่างน้อยก้ต้องระบุใน resumeอหรือ cv ด้วยเพราะมันบ่งบอกถึงประสบการณ์การทำงาน และอีกอย่างก้เป็นการเปิดหัวการตั้งคำถามของผู้ให้สัมภาษณ์ อย่างเช่นตัวผม ทำระบบโน่นนี่นั่นมา security เป็นยังงัย ออกแบบdesign ยังงัย เราจะได้อธิบายได้ ไม่งั้นก้อ้ำอึ้ง ถามคำตอบคำ ใครมันจะไปสนใจ

ส่วนตัวผมว่า เก่งให้จริงตามที่สัมภาษณ์ก็พอครับ

แต่ตอนสัมภาษณ์ ก็ต้อง เอาความสามารถออกมาให้เต็มที่ให้ตรง กับที่เขาต้องการหรือมากกว่าเคยทำไรมาเล่าให้หมด ที่เด่นๆ

มีดีกว่าไม่มีแน่นอนครับ หลักๆถ้ายังไม่มีประสบการณ์ก็ใส่พวกProgramที่ใช้ได้ สร้างCVให้น่าสนใจ โอกาศHRเรียกไปสัมภาษณ์มีเยอะแน่นอนครับ

เขาเรียกสัมภาษณ์พรุ่งนี้แล้วครับ

สัมภาษณ์ครั้งแรกผมเอาแค่เอกสารสำคัญไปแค่นั้น Port ความรู้มันอยู่ในหัวอยู่แล้ว

เขาถามอะไรก็ตอบๆโม้ๆไป


ครั้งที่สองแทบจะเดินตัวเปล่า เอกสารส่วนตัวส่งให้ HR ก่อนแล้ว


ปล.ส่วนพวกโปรแกรมเมอร์อะไร มีผลงานไปโชว์ก็ดี แต่บางทีผลงานไม่ตรงกับสายงานเขา เขาก็ไม่รับนะครับ เพื่อนผมเคยโดน

จริงครับ ผมว่างานไอทีมันเป็นงานจับฉ่ายมาก ผลงานเป็นรูปธรรมมันไม่ค่อยมีหรอก

ผมว่า ปสก. ความรู้ที่เราเรียนมาหรือเคยทำมานี้แหละ โม้ให้เต็มที่ และต้องทำให้ได้ตามที่โม้ด้วย

it support มันคืองานที่ทำยังไงก็ได้ให้คอมมันสามารถใช้งานได้ตามปกติและใช้งานของแต่ละแผนกได้ปกติอะครับ จับฉ่าย แต่ต้องมีจุดหมายในการทำ
port คือสิ่งที่อยุ่ในหัวสำหรับการแก้ไขสถานการณ์ ถามอะไรก็ตอบได้ รู้จริงยิ่งตอบง่าย

ผมก็ไม่มีนะ แต่ใน resume, cv ก็อธิบายทักษะไปว่าทำไรเป็นบ้าง

ตอนสัมเดี๋ยวเขาก็ถามเองแหละว่าผ่านอะไรมา ก็โม้ในสิ่งที่เป็น สิ่งที่รู้ สำคัญคือห้ามซุย คนสัมเขารู้ อะไรที่เป็นก็บอกเป็น อะไรไม่เป็นก็บอกไม่เป็น แค่นั้นแหละ

คนสัมภาษณ์โปรแกรมเมอร์แบบห่วยๆ จะดูว่าท่านเคยเขียนอะไรมาบ้าง ภาษาตรงกับที่เค้าใช้ไหม Framework หรือ Tool พวกที่เค้าใช้ท่านเคยใช้หรือเปล่า

แต่คนสัมภาษณ์แบบโปร แบบบริษัทไอทีระดับโลก จะไม่สนใจเลยว่าท่านเคยเขียนอะไรมา ดูแค่แนวคิดการแก้ปัญหาก็พอ เพราะมันฝึกยากที่สุด ภาษาใหม่ Tool ใหม่ Framework ใหม่ ถ้าท่านผ่านเรื่องแนวคิดมาแล้ว เรียนพวกนั้นแปปเดียวก็ลุยงานจริงได้แล้ว

มีทดสอบและสัมภาษณ์

เขาจะเอาข้อสอบมาถามเรา ทำไมตอบข้อนี้เราก็ต้องอธิบาย เจอแบบนี้โคตรง่ายเลย

บางที่จะถามประสบการณ์ ถามทำอะไรได้บ้าง ทำไมออกจากที่เก่า

ประสบการณ์สำคัญมาก ยิ่งผ่านองค์กรใหญ่มาจะได้เปรียบ

ถ้า it support ที่เข้าใจคือ กรรมกรคอมฯ
ต้องซ่อมทุกอย่างที่เสียบไฟ และมีปุ่มควบคุมการทำงานได้

ถ้างานลักษณะนี้ แทบไม่ต้องเตรียมตัวอะไรไปเลย
เอกสารการสมัครก็ต้องมีบอกถึงคุณสมบัติประจำตัวอยู่แล้ว .. สิ่งที่สำคัญ คือผ่านด่านทดสอบปฎิบัติให้ได้
.. ไม่รู้ ทำไม่ได้ต้องรีบถาม อย่ามั่ว อย่ามึน เพราะงานคุณคือกรรมกร ไม่ใช่หัวหน้างาน ที่ต้องรู้ ต้องทำได้ทุกอย่าง

สมัยเคยทำซับ เจอแปลกก็ปลั้กพัง

ถ้าซัพพอร์ตแล้วมีเงื่อนไข เขียนโปรแกรมด้วยนิดหน่อย
อันนี้ผมว่าเตรียมพอร์ตฟอลิโอด้วย แนวว่าเคยเขียนระบบไรมาบ้าง โอกาสได้ค่อนข้างสูง
แต่ถ้าไม่มีเขียนโปรแกรม เตรียมตอบคำถามอย่างเดียวก็พอครับ

ไม่ต้องมีก็ได้ พูดตรงๆ ไม่ค่อยมีผล มีกับไม่มี ไม่ต่างกัน

ยกเว้นพอร์ทที่ว่า คือเซอร์ด้าน ซัพพอร์ต หรือ เซอร์ด้านอื่นๆนะ อันนั้นอ่ะมีผลแน่นอน