Shohei Ohtani พระเอกการ์ตูนในชีวิตจริง
ผมไม่เคยตามเบสบอลแบบจริงจังมาก่อน แต่ช่วงนี้เห็นข่าวหนุ่มคนนี้บ่อยมาก พี่แกเล่นเปิดตัวด้วยการซัดโฮมรันไป 3 เกมติด
ว่าแล้วก็เลยไปค้นประวัติดูแล้วก็ทึ่งกับความเก่งของแกจริงๆ
Spoil
บทความนี้ตัดตอนมาจาก
https://minimore.com/b/mXXGw/4
ในตัวเต็มจะมีคลิปมีรายละเอียดเรื่องราวมากกว่าที่ตัดมานี้อีก30-40%เลย บทความยาวจริง โดยเป็นเรื่องราวของโอตานิตั้งแต่ม.ปลายจนถึงก่อนย้ายมาอเมริกาครับ
ใครชอบอ่านการ์ตูนกีฬา อาจคุ้นเคยกับตัวละครประเภทสุดยอดพระเอก ความสามารถทะลุกราฟ มีท่าไม้ตายเว่อร์เหลือร้าย ชอบสร้างเรื่องเซอร์ไพรซ์ตลอดเวลา จนหลายคนมีภาพจำไปแล้วว่า ถ้าเป็นการ์ตูนกีฬา ต้องเว่อร์ไว้ก่อนเสมอ
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ถ้าเราอ่านการ์ตูนเบสบอลแล้วเจอตัวละครเป็นเด็กม.ปลายหน้าใสซื่อ มาจากเมืองเล็กๆในเขตเกือบเหนือสุดของประเทศ ซ้อมเบสบอลกลางหิมะ ขว้างลูกด้วยความเร็วสูงสุดที่ 160 KM/H ตีตำแหน่ง Cleanup แถมยังเป็นที่สนใจของทีมจากเมเจอร์ลีกหลายทีม ก็คงมีแอบขำให้กับพล็อตสุดอลังการนี้
เพียงแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ประโยคข้างต้นไม่ได้คัดมาจากหน้าแนะนำตัวละคร หรือปกหลังของหนังสือการ์ตูนเล่มไหน มันคือชีวิตจริงของเด็กชายคนหนึ่ง ผู้กลายมาเป็นนักเบสบอลที่ถูกจับตามองมากที่สุดในโลก ณ เวลานี้
.
.
.
---
เด็กมหัศจรรย์แห่งอิวาเตะ----
ชื่อของ โชเฮย์ โอตานิ ( Shohei Ohtani ) กลายมาเป็นคำยอดฮิตบนหน้าหนังสือพิมพ์กีฬาเมื่อราว 6 ปีก่อนในฐานะพิชเชอร์ม.ปลายจากโรงเรียนดังแห่งจังหวัดอิวาเตะ ผู้มีแววจะได้เทิร์นโปรหลังเรียนจบ
โอตานิเกิดในครอบครัวนักกีฬา เริ่มเล่นเบสบอลตั้งแต่เด็ก คุณพ่อเคยเป็นนักเบสบอลในลีกท้องถิ่น ตอนหลังผันตัวมาเป็นโค้ชให้ทีมเยาวชนเพราะอาการบาดเจ็บ ส่วนคุณแม่เป็นนักแบดมินตัน ทั้งคู่สนับสนุนให้ลูกชายสนุกกับเบสบอลทั้งในฐานะพิชเชอร์และฮิตเตอร์ โดยไม่ได้บังคับให้เลือกขัดเกลาเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ
เมื่อพูดถึงโอตานิคุงในยุคม.ปลาย สิ่งแรกที่ทุกคนจะนึกถึงคือ 'ความเร็ว' สถิติที่ดีที่สุดของเขาก่อนเทิร์นโปร คือ 160 KM/H ทำได้ในการแข่งขันรอบคัดเลือกระดับจังหวัด
ไฮไลท์ในชีวิตมัธยมฯปลายของโอตานิ นอกจากจะขว้างลูกได้เร็วเหลือเชื่อแล้ว ยังมีโอกาสได้สวมเสื้อหมายเลขหนึ่งในฐานะเอซ และตีไม้สี่ในไลน์อัพ พาทีมไปโคชิเอ็ง 2 ครั้ง คือฤดูร้อนตอนปี 2 และฤดูใบไม้ผลิตอนปี 3
.
.
.
-----
พรสวรรค์ VS พรแสวง----
โอตานิตัวสูงมาตั้งแต่เด็ก ถ้าย้อนไปดูรูปสมัยเล่นกับทีมเยาวชน จะเห็นเด็กคนหนึ่งยืนสูงโดดขึ้นมาจากเพื่อนๆ ความสูงปัจจุบันที่บันทึกไว้คือ 193 cm เรียกได้ว่าเกิดมาพร้อมทั้งพรสวรรค์และร่างกายของนักกีฬาเบสบอล จนบางครั้งเราก็อดคิดไม่ได้ว่าช่างเป็นเด็กที่โชคดีจริงๆนะ แต่ทั้งๆที่เกิดมาพร้อมความสามารถติดตัวมากมายขนาดนี้ โอตานิกลับเป็นนักกีฬาที่มีวินัยสูงสุดคนหนึ่งที่เราเคยรู้จัก
หนึ่งในเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของโอตานิที่โผล่มาในรายการทีวีเสมอ คือแผนผังเป้าหมายชีวิตที่เจ้าตัวเขียนไว้ตอนเรียนม.ปลายปีหนึ่งโดยมีโค้ชเป็นที่ปรึกษา ตอนนั้นเด็กชายโอตานิฝันว่าอยากเป็นพิชเชอร์ที่ถูกเลือกในการดราฟรอบแรกจากทีม 8 ทีม เขากำหนดสิ่งที่ต้องทำเพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งหมด 8 ข้อ และวางแผนอย่างละเอียดว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ทั้ง 8 ข้อนั้นกลายเป็นความจริง
หลังจากดราฟมาอยู่กับไฟท์เตอร์แล้ว เขามีทั้งรายได้และโบนัสประจำปี มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นพรีเซนเตอร์สินค้ามากมาย ปรากฏตัวอยู่บนป้ายบิลบอร์ดทั่วประเทศ ( โดยเฉพาะที่ฮอกไกโด ) เดินไปไหนก็ต้องถูกรุมขอลายเซ็น แต่โอตานิยังคงความเป็นเด็กมีวินัยไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ฝึกซ้อมตามตารางของเทรนเนอร์อย่างเคร่งครัด อาศัยอยู่ที่หอพักนักกีฬาของสโมสร ส่วนใหญ่หมดเงินไปกับหนังสือและอุปกรณ์กีฬา ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ชอบปาร์ตี้ ไม่ชอบสังสรรค์
.
.
.
-----
กราฟพลังสุดเว่อร์-----
ถ้า โชเฮย์ โอตานิ เป็นตัวละครในการ์ตูน กราฟพลังห้าเหลี่ยมคงถูกระบายสีจนเกือบมิดทุกด้าน ความสามารถหลายอย่างค่อยๆถูกขัดเกลาและเปิดเผยออกมาภายหลังเทิร์นโปรแล้ว
โอตานิเคยบอกกับสื่อตั้งแต่ก่อนงานดราฟปี 2012 ว่าตัวเองมีความตั้งใจจะข้ามไปเล่นเมเจอร์ลีกเลย ออกตัวแรงขนาดนี้ ก็ยังมีคนที่แรงกว่าคือ Hokkaido Nippon-Ham Fighters ที่เลือกโอตานิเป็น 1st Round Pick ของปีนั้นอยู่ดี หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายใช้เวลาเจรจากันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะแถลงข่าวการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการตอนปลายปี
ช่วงแรกของชีวิตการเป็นนักเบสบอลอาชีพ แฟนๆได้เห็นเขาทั้งในฐานะพิชเชอร์รุกกี้บนเนินขว้าง และฟิลเดอร์ปีศาจที่แดนเอ้าท์ฟิลด์ โอตานิคุงโชว์พลังแขนด้วยการขว้างลูกกลับมาที่เบสหลายต่อหลายครั้ง หนึ่งในทักษะของ Outfielder ที่โอตานิมีครบ คือการเข้าใจธรรมชาติของลูก กะความลึกของ Fly ball ได้ กะจังหวะของลูกที่ลอยมาได้ จังหวะไหนควรวิ่งสุดฝีเท้าไปรับ จังหวะไหนควรรอลูกเด้งกลับมาแล้วขว้างกลับไปเก็บรันเนอร์ออกที่เบส
หลายคนอาจคิดว่าปัญหาของนักกีฬาที่โครงสร้างใหญ่ คือการไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้คล่องแคล่วเท่าเหล่าตัวจี๊ด แต่โอตานิเป็นข้อยกเว้นระดับมาสเตอร์พีซ เขาคือเด็กตัวสูงที่ขยับร่างกายได้รวดเร็ว ใช้ขายาวของตัวเองให้เป็นประโยชน์ มีหลายครั้งตีลูกไปตกไม่ไกล แต่เร่งสปีดวิ่งไปจนถึงเบสสอง แฟนๆถึงกับให้ฉายาว่า Mr.Double แถมยังได้อินฟิลด์ฮิตบ่อยๆ การเห็นโอตานิวิ่งแซงพิชเชอร์ไปโคเวอร์เบสหนึ่งถือเป็นความสนุกอย่างหนึ่ง จังหวะเหยียดขาก้าวสุดท้ายนั่นถ้าไม่ใช่คนตัวสูงมากๆก็ทำไม่ได้จริงๆ
.
.
.
----
Two-Way Player-----
ก่อนหน้านี้โอตานิเองก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสทั้งขว้างและตีในการเล่นอาชีพ คนส่วนใหญ่มองว่าเขาเป็นพิชเชอร์มากกว่าแบตเตอร์ เจ้าตัวเลยดีใจมากที่ไฟท์เตอร์อนุญาตให้ลองเล่นทั้งสองตำแหน่งอย่างจริงจัง
การทั้ง Pitch และ Hit ได้ดี ฟังดูเจ๋งมากก็จริง แต่ก็เป็นจุดที่ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยๆ โอตานิยอมรับว่าความเครียดที่จริงแล้วมาจากนอกสนาม มีแฟนเบสบอลและนักข่าวหลายคน ( ทั้งในและนอกญี่ปุ่น ) ให้ความเห็นว่าเขาควรเลือกไปเลยซักทางถ้าอยากเป็นเบอร์หนึ่ง บางคนถึงขั้นแสดงความเห็นว่าการที่เขาสลับตำแหน่งไปมาแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่จริงจังกับอาชีพเบสบอล
รูปแบบที่ไฟท์เตอร์ใช้งานโอตานิในฤดูกาลที่แล้ว คือวางให้ขว้างวันอาทิตย์เป็นหลัก (เป็นเหตุผลทางธุรกิจด้วยส่วนหนึ่ง) นั่นหมายความว่า เขาจะมีเวลาพักในวันจันทร์ กลับมาเล่นเป็น DH วันอังคารถึงศุกร์ พักวันเสาร์ และกลับมาขว้างอีกครั้งในวันอาทิตย์
สื่อต่างชาติเรียกโอตานิว่า Japanese Babe Ruth ก็จริง แต่ยังคงตั้งข้อกังขาว่า เมื่อมาเมเจอร์ลีกแล้วจะสามารถเล่นได้ทั้งสองตำแหน่งจริงๆหรือไม่ จะมีสโมสรไหนจะยอมปล่อยให้พิชเชอร์ค่าตัวหลายล้านเหรียญลงไปวิ่งรอบเบสในวันที่ไม่ได้ลงขว้างจริงๆเหรอ
ถ้าเรากล้าเรียกโอตานิว่า Babe Ruth นอกเหนือไปจากการเป็นผู้เล่นที่ทั้งขว้างใน rotation และตีในไลน์อัพแล้ว สิ่งหนึ่งที่เด็กคนนี้อาจทำได้เหมือนกัน คือการพลิกโฉมวงการเบสบอล
ก่อนการมาถึงของ Babe Ruth เบสบอลไม่ใช่กีฬาที่ให้ความสำคัญกับการตีโฮมรันเท่าไหร่นัก จำนวนโฮมรันที่เกิดขึ้นในแต่ละฤดูกาลนั้นน้อยแสนน้อย ถ้าตีแล้วไม่ข้ามรั้ว สุดท้ายมันก็เป็นเพียง Fly ball ที่ไร้ค่า แต่ Babe Ruth ไม่ทำแบบนั้น เบสบอลของเขาคือการตีโฮมรันครั้งแล้วครั้งเล่า สถิติใหม่ถูกบันทึกทุกสัปดาห์ ผู้คนพูดกันปากต่อปากถึงโฮมรันของเขา เบสบอลกลายเป็นเกมที่สนุกและตื่นเต้น การตีโฮมรันกลายเป็นสิ่งพิเศษของเบสบอล
สิ่งที่โอตานิกำลังทำอยู่ก็อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน ถ้าเขาทำสำเร็จ จะมีเด็กอีกมากมายกล้าบอกพ่อแม่ ( หรือโค้ช ) ว่าตัวเองอยากทั้งขว้างและตี ทุกวันนี้เราเชื่อกันว่าการทำแบบนั้นเป็นเรื่องแฟนตาซี สิ่งที่ถูกต้องคือเหลาทักษะอย่างใดอย่างหนึ่งให้แหลมคม แต่ถ้ามีคนที่ทำได้จริงๆล่ะ มันจะยังเป็นแค่เรื่องแฟนตาซีอยู่มั้ย ไม่มีตำราเล่มไหนบอกได้ว่าอะไรคือการเล่นเบสบอลที่ถูกต้อง นั่นก็เพราะมันไม่มี ยุคสมัยเปลี่ยน เทคนิคเปลี่ยน กระทั่งกฎกติกายังเปลี่ยน ความเปลี่ยนแปลงนี่เองที่ทำให้เบสบอลไม่ตาย
.
.
.