ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 7850
ที่อยู่: กทม
โพสเมื่อ: Fri Apr 06, 2018 2:24 pm
ขอโทษน่ะ... จำใจต้อง ฆ่า...เพราะไม่มีทางเลือก...!!?


Regina v. Dudley and Stephens
ติดอยู่กลางทะเล สุดท้าย...
จำใจต้อง ฆ่า...เพราะไม่มีทางเลือก...!!???

...
กรณี R v Dudley and Stephens
น่าจะเป็นเหตุการณ์หนึ่ง ที่ยังคงต้องคำถาม
จริยธรรมและการชีวิตรอดได้เป็นอย่างดี
เรื่องราวของพวกเขายังคงเป็นกรณีศึกษา
ถึงกฎหมายฆ่าเพราะจำเป็นจนถึงปัจจุบัน
.
มีหลายกรณี ที่ทำให้คนเราต้องฆ่าคน
หากแต่กรณีฆ่า เพราะจำเป็นถึงขั้น
ฆ่ากินคนเ พราะความหิวโหยนั้น
ยังคงเป็นที่ ถกเถียงว่าจำเป็นหรือไม่ !!
.
เหมือนในกรณีของอาร์ วี ดัดลีย์และสตีเฟนส์ นั้น
ถือว่าเป็นกรณีน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่งถึงการ
ฆาตกรรมคนหนึ่งคนเพื่อให้หลายคนรอด
.
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น เมื่อเรือยอชท์ลำหนึ่ง
ชื่อมินยะเนท (Mignonette) เป็นเรือยาว
ประมาณ 16 เมตร สร้างในปี 1867
ได้ออกจากท่าเรือเซาแธมป์ตัน ไปยัง ซิดนีย์
.
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1884
ซึ่งในเวลานั้นบนเรือมีลูกเรือสี่คน
ประกอบไปด้วย
กัปตันทอม ดัดลีย์,
เอ็ดเวิร์ด สตีเฟนส์,
เอ็ดมันด์ บุคส์
และเด็กหนุ่มอายุ 17 ปีชื่อ ริชาร์ด ปาร์คเกอร์
.
ในจำนวนนี้ ทุกคนเป็นคนที่มีหน้าที่ การงาน
และครอบครัวหมด ยกเว้น ริชาร์ด ปาร์คเกอร์
ไม่เคยมีประสบการณ์ออกทะเลมาก่อน
และไม่มีครอบครัวหรือญาติมิตรใดๆ
.


ตอนแรกๆ เรือก็แล่นแบบปกติไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้น
หากแต่เมื่อถึงวันที่ 5 กรกฏาคม
ระหว่างที่เดินทะเล 2,600 กิโลเมตร
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแหลมกู๊ดโฮบ
เรือก็ตกอยู่ท่ามกลางพายุ แม้ว่าสภาพพายุ
จะไม่รุนแรงมาก หากแต่เพราะลูกเรือ
ขาดการเตรียมพร้อม ทำให้ไม่สามารถ
รับมือได้ทัน จนเรือล่ม เมื่อกัปตันเรือเห็นว่า
เรือไปต่อไม่ไหว เขาเลยสั่งให้ลูกเรือทั้งหมด
สละเรือ และปล่อยเรือชูชีพ (ยาว 4 เมตร)
ทุกคนรอดขึ้นเรือชูชีพได้ทัน
(เชื่อว่าเกิดจากโครงสร้างบกพร่อง
ของเรือยอชท์ ที่ไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศ
แปรปรวนไม่ได้ ทำให้เกิดเรือล่ม)
.
เรือชูชีพนั้น นอกจากจะเป็นลำเล็กแล้ว
ยังบอบบาง อีกทั้งพวกเขาทั้งหมด
ไม่ได้หยิบเสบียงอะไรติดไม้ติดมือมาเลยนอก
จากอุปกรณ์ที่ติดตัวอยู่แล้ว กับหัวเทอร์นิป
(ผักชนิดหนึ่ง) อีก 2 กระป๋อง ไม่มีน้ำจืด
.
ทั้งหมดสี่คน ได้อยู่บนเรืออยาก ยากลำบาก
เรือชูชีพมุ่งหน้าไปอย่างไร้จุดหมาย
ท่ามกลางคลื่นลมแรง คืนแรกบนเรือชูชีพ
ลูกเรือต้องต่อสู้ กับฉลามด้วยไม้พายของเขา
สองวันแรกไม่มีใครได้กินอะไร
ทุกคนอดทนจนถึงเช้าวันที่สาม ( 7 กรกฎาคม)
นับจากเรือล่ม หัวเทอร์นิปกระป๋องแรก
ก็ถูกแบ่งกันกิน (กระป๋องหนึ่งมี 5 ชิ้น)
ซึ่งก็พอประทังความหิวไปได้อีกสองวัน
.
ในวันที่ห้า (9 กรกฎาคม)
พวกเขาจับเต่าทะเลได้ 1 ตัว
เมื่อรวมเข้ากับหัวเทอร์นิป อีกกระป๋องที่เหลือ
ก็ทำให้พวกเขา มีประทังชีวิตไปได้อีก 6-7 วัน
ระหว่างนี้พวกเขาหลีกเลี่ยง ในการดื่มน้ำทะเล
เพราะเป็นอันตราย ในตอนแรกพวกเขา
กินเลือดของเต่าทะเล ที่ปนเปื้อนกับน้ำทะเล
(เต่าหนักกว่า 1.4 กิโลกรัม)
พวกเขาพยายามกักเก็บน้ำฝนแต่ก็ล้มเหลว
.


วันที่ 13 กรกฎาคม เมื่อไม่มีของเหลวบนเรือ
พวกเขาก็เริ่มดื่มปัสสาวะของพวกเขาเอง
แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายกระหายน้ำได้
และแล้ววันที่ 20 กรกฎาคม
ปาร์กเกอร์ก็ทนความผิวกระหายน้ำไม่ไหว
เขาได้ดื่มน้ำทะเล เข้าไปจนล้มป่วยไม่สบาย
.
พวกเขาใช้ชีวิตบนเรือชูชีพเกือบ 20 วัน
ก็ยังไม่มีเงาของฝั่งหรือเรืออื่นปรากฏในสายตา
อาหารและน้ำจืดก็ไม่มี พวกเขาทั้งหมด
ทั้งหิวและกระหาย เมื่อถึงที่สุด
ทั้งสามคนที่เหลือ ได้พูดถึงการเสียสละชีวิต
เพื่อส่วนรวม ด้วยการหาฆ่าคนใดคนหนึ่ง
ที่มาเป็นอาหารเพื่อคนอื่นๆ ความจริงแล้ว
การพูดถึงเรื่องดังกล่าวนั้น เริ่มพูดลอยๆ
เมื่อวันที่ 16-17 และมันก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในวันที่ 21 อาการของ ปาร์กเกอร์
ก็เข้าขั้นโคม่าใกล้ตายเต็มทน
ดัดลีย์ได้บอกคนอื่นว่า ถึงเวลาแล้ว
ที่เราต้องสละคนใดคนหนึ่ง เพื่อให้คนอื่นรอด
และพวกเขาควรจับสลาก เลือกผู้เสียสละ
แต่บรูคส์ปฏิเสธ....!!!
.


ในคืนนั้นเอง ดัดลีย์ได้ปรึกษา ปาร์กเกอร์
ที่กำลังจะตาย และพวกเขาจะต้องฆ่าปาร์กเกอร์
เพื่อกินอาหาร ... เพื่อให้ทุกคนรอด !!
ทุกคนต่างมีครอบครัวและต้องรอดชีวิต
ไปหาพวกเขา และ ควรฆ่าปาร์กเกอร์
ในขณะที่มีชีวิตอยู่ เพราะหากตาย ตามธรรมชาติ
ก็จะทำให้เลือดเสียไปไม่สามารถดื่มกินได้
( ริชาร์ด ปาร์คเกอร์ เป็นคนเดียวที่ไม่มีครอบครัว )
.
เมื่อวันรุ่งขึ้น ไม่มีความช่วยเหลือใดๆ มาถึง
พวกเขาก็ตัดสินใจ ฆ่าปาร์กเกอร์
สตีเฟ่นคลานไปยัง อีกฝั่งของเรือ
จับยึดขาของปาร์กเกอร์ เอาไว้
กัปตันดัดลีย์ สวดมนต์ถึงพระผู้เป็นเจ้า
พร้อมมีดพับ แทงเข้าไปยังเส้นเลือด
ที่ลำคอของปาร์กเกอร์...!!
.


เรื่องราวขั้นตอนสังหารปาร์กเกอร์ ต่อจากนี้
มีรายละเอียดแตกต่างกัน สิ่งที่รู้คือ
เพียงไม่กี่อึดใจ เด็กหนุ่มผู้น่าสงสารก็ไม่ต้อง
ทรมานอีกต่อไป ทั้งสามคนหลังจาก
ฆ่าปาร์กเกอร์แล้ว ก็ทำการแล่เนื้อมากิน
โดยดัดลีย์และบรูคส์กินเนื้อมากพอสมควร
ในขณะที่สตีเฟนกินเนื้อมาก
นอกจากนี้พวกเขายังจับน้ำฝน
สามารถประทังชีวิตไปอีกหลายวัน
โดยดัดลีย์ได้บรรยาย บรรยากาศบนเรือลูชีพ
หลังจากสังหารปาร์กเกอร์ว่า
.
“ผมสามารถบอกได้เลยว่า
ผมจะไม่มีวันลืมสายตา
ของสองสหายโชคร้ายของผมแน่นอน
มันน่ากลัวยิ่งกว่าอาหาร ที่อยู่ตรงหน้าเสียอีก
พวกเราทุกคนเหมือนหมาป่าบ้าไม่มีผิด....”
.
ผ่านไปอีกไม่กี่วัน ในที่สุดวันที่ 29 กรกฎาคม
ก็มีเรือผ่านมาและรับสามคนนั้นขึ้นเรือ
กัปตันของเรือที่มาช่วยชีวิตเห็นซาก
ของศพมนุษย์บนเรือชูชีพ ก็สอบถามเรื่องราว
ที่เกิดขึ้นดัดลีย์ ก็เล่าเรืองไปตามความจริง
เพราะเขาเองคิดว่ามันเป็นเรื่อง
ที่จำเป็นที่ต้องทำ ไม่ควรถือเป็นความผิด
กัปตันเรือได้ฟังเรื่องก็ไม่ว่าอะไร
.


แต่แล้วเมื่อดัดลีย์, สตีเฟ่น และบรูค
ถึงท่าเรือครอมเวลล์ เมื่อวันเสาร์ 6 กันยายน
เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ได้สอบถาม
เรื่องราวอีกครั้ง และสั่งกักตัวพวกเขา
ทั้งสามทันที ซึ่งดัดลีย์และสตีเฟ่นส์ เชื่อว่า
สิ่งที่พวกเขานั้นทำเพราะความจำเป็น
.
ชายสามคนถูกควบคุมตัว ในสถานีตำรวจ
ก่อนที่จะไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้พิพากษา
ในตอนเช้าของวันจันทร์ที่ 8 กันยายน
การไต่สวนที่ศาล เป็นคดีโด่งดัง
ที่ทั่วทั้งยุโรปให้ความสนใจ
.
ตอนแรกดัดลีย์ มั่นใจว่า ผู้พิพากษา
จะยกเลิกไม่เอาความผิดพวกเขา
แต่กลายเป็นว่าเรื่องราวเริ่มบานปลาย
ถูกแตกเป็นสองฝ่าย เพราะกรณีแบบนี้
พึ่งเกิดขึ้นครั้งแรก กระแสสาธารณชน
ก็โลเล เอาแน่เอานอนไม่ได้
ตอนแรกก็เห็นใจสามคนที่รอด แต่สักพัก
กระแสก็ตีกลับมาเห็นว่าควรลงโทษสามคนนั่น
ผู้พิพากษาก็ปวดหัว เพราะส่วนใหญ่
พวกเขาจะอ่านบทกฎหมายตัดสิน
โดยอิงจากคดีก่อนหน้า แต่คดีแบบนี้
ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...!!
.
ดังนั้นศาลจึงพิจารณาเรื่องคุณธรรม,
จริยธรรม และความถูกต้องตามกฎหมาย
ของการใช้ชีวิตคนอื่น เพื่อเพิ่มโอกาสรอด
ของตนเอง จากคดีในอดีต
ซึ่งนานไปหลายศตวรรษเลยทีเดียว
.


ผลของคดีโดยสรุป คือ
บรูคส์ผู้ซึ่งไม่มีส่วนร่วมในการฆ่า
ถูกกันตัวไว้เป็นพยาน ส่วนดัดลีย์ และ สตีเฟ่น
ถูกตัดสิน ประหารชีวิตด้วยข้อหาฆาตกรรม !!
.
อย่างไรก็ตาม ผลการตัดสิน ของชั้นศาลนั้น
ต่อมาก็มีการถกเถียงกัน ในเรื่องความยุติธรรม
หรือความสมเหตุสมผลต่อการตัดสิน
ภายหลังทั้งสองก็ได้ลดโทษ เหลือแค่จำคุก 6 เดือน
ซึ่งดัดลีย์ ก็ไม่เคยพอใจ กับ คำตัดสิน
ของศาลเลยตลอดชั่วชีวิตของเขา
เขายังคงเชื่อว่า เขาไม่ได้ทำผิด
ทุกอย่างทำไปเพราะความจำเป็น
.
กรณีการฆาตกรรมของริชาร์ด ปาร์คเกอร์
ได้กลายเป็นกรณีที่คุ้นเคย
ในหมู่กฏหมายของอังกฤษ ที่ยังคงต้องศึกษาต่อไป
ชื่อของริชาร์ด ปาร์กเกอร์และเหตุการณ์ฆ่าคน
เพื่อเอาชีวิตรอดได้กลายเป็นละครเพลง ในเวลาต่อมา
.


มีเหตุการณ์น่าพิศวงก่อนหน้า
เรื่องของเรื่องคือ เอ็ดการ์ อัลเลน โพ (1809-1849)
เจ้าพ่อแห่งนวนิยายสยองขวัญยุคใหม่
ได้เขียนนิยายที่มีชื่อเสียงเรื่องหนึ่งชื่อ
“เรื่องเล่าของอาร์เธอร์”
(The Narrative of Arthur
Gordon Pym of Nantucket)
.
ซึ่งวางแผงเมื่อปี 1838 ซึ่งมีเนื้อหาประมาณว่า
เรือแตกมีผู้รอดชีวิตสี่คน และอยู่ในซากเรือ
หลายวันท่ามกลางอาหารขาดแคลน
และเมื่อหลายวัน ต่อมา คนที่รอดชีวิต
ก็ตัดสินใจที่จะฆ่าและกินเด็กในห้องโดยสาร
ที่ชื่อริชาร์ด ปาร์คเกอร์ และแน่นอนว่า
.
เรื่องราวเนื้อหาของนิยายนั้น ตรงกับคดี
ของริชาร์ด ปาร์คเกอร์ที่เกิดขึ้นจริง
แบบบังเอิญเหลือเชื่อ ทั้งๆ ที่นิยายเรื่องนี้
วางแผงก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เสียอีก
เพราะมันเกิดในปี 1884 !!
...
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 47929
ที่อยู่: Fox River State Penitentiary. Joliet , Illinois.
โพสเมื่อ: Fri Apr 06, 2018 2:34 pm
[RE: ขอโทษน่ะ... จำใจต้อง ฆ่า...เพราะไม่มีทางเลือก...!!?]
เรื่องคล้ายๆหนังดังเรื่องนึงเลย
0
0
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 12257
ที่อยู่: With Gakky
โพสเมื่อ: Fri Apr 06, 2018 2:41 pm
[RE: ขอโทษน่ะ... จำใจต้อง ฆ่า...เพราะไม่มีทางเลือก...!!?]
คล้ายๆหนังเรื่องนึง แต่นึกชื่อเรื่องไม่ออก
ก็นะ อย่างว่า เรื่องแบบนี้มันพูดยาก
0
0
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 6993
ที่อยู่: ร้านขนมหวานของวิว
โพสเมื่อ: Fri Apr 06, 2018 2:41 pm
[RE: ขอโทษน่ะ... จำใจต้อง ฆ่า...เพราะไม่มีทางเลือก...!!?]


นึกถึงเรื่องนี้เลย

เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2487
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Apr 06, 2018 2:42 pm
[RE: ขอโทษน่ะ... จำใจต้อง ฆ่า...เพราะไม่มีทางเลือก...!!?]
เหมือน life of pi เลย
เข้าร่วม: 28 Dec 2017
ตอบ: 741
ที่อยู่: Southampton
โพสเมื่อ: Fri Apr 06, 2018 3:53 pm
[RE]ขอโทษน่ะ... จำใจต้อง ฆ่า...เพราะไม่มีทางเลือก...!!?
สรุปเหมือนเรื่องอะไรกันแน่ครับ
เข้าร่วม: 28 Oct 2013
ตอบ: 8987
ที่อยู่: ตู้เพลง
โพสเมื่อ: Fri Apr 06, 2018 3:57 pm
[RE: ขอโทษน่ะ... จำใจต้อง ฆ่า...เพราะไม่มีทางเลือก...!!?]
เหมือนเรื่อง Titanic เลย
0
0
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 2674
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Apr 06, 2018 4:43 pm
[RE: ขอโทษน่ะ... จำใจต้อง ฆ่า...เพราะไม่มีทางเลือก...!!?]
เหมือนเรื่องของแจ็คสแปร์โร่เลยฮับ
เข้าร่วม: 24 Aug 2007
ตอบ: 4302
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Apr 06, 2018 8:11 pm
[RE: ขอโทษน่ะ... จำใจต้อง ฆ่า...เพราะไม่มีทางเลือก...!!?]
เสือ ในเรื่อง LIfe of Pi ก็ชื่อ Richard Parker







เข้าร่วม: 08 Mar 2009
ตอบ: 5690
ที่อยู่: https://www.facebook.com/vichayaplace
โพสเมื่อ: Sat Apr 07, 2018 7:50 am
ขอโทษน่ะ... จำใจต้อง ฆ่า...เพราะไม่มีทางเลือก...!!?
เหมือนสไปเดอร์แมนเลย