ราชภัฎไม่คิดจะยกระดับมาตรฐานน.ศ.เลยหรอคะ 7ปีที่แล้วเจอนศฝึกงานแย่แบบไหน ปีนี้ลองเปิดใจรับมาก็ยังเป็นเหมือนเดิม

กระทู้ปลงๆ เพราะพี่โกรธระบบการศึกษาจนตอนนี้ปลงไปแล้ว
พอดีวันนี้ไปเห็นคำว่า ราชภัฎ มาจากกระทู้เกี่ยวกับการสอบครู เลยนึกเรื่องที่เจอมาได้ จึงมาแชร์ให้ฟัง ส่วนหนึ่งคืออยากให้น้องๆราชภัฎมาอ่าน ถ้ามหาลัยน้องยังไม่มีการพัฒนาที่ดีพอ น้องก็ควรพัฒนาตัวเองเพื่อตัวเอง

เมื่อ 7 ปีที่แล้วที่เราเข้ามาฝึกงานในบริษัทเป็นปีแรก ซึ่งหลังจากฝึกเสร็จก็ได้งานที่บริษัทนี้ ปีนั้นมีการรับนักศึกษาฝึกงานอีกหลายคนเข้ามา โดยมีเด็กราชภัฏที่เกรดดีแต่ทำงานอะไรไม่ได้เลย เหมือนไม่มีความรู้อะไรมาจากมหาลัย แม้แต่งานง่ายๆก็ทําไม่ได้ ทั้งเราและเค้าไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนทั้งคู่ แต่เค้าทำงานแย่กว่าเราจนน่ากลัว เราที่ไม่เคยเจอเด็กมอนี้มาก่อนความประทับใจแรกก็ไม่ดีซะแล้ว
สุดท้ายhrก็โดนพี่ๆพนักงานต่อว่าจนเข็ด บริษัทจึงไม่รับนศจะราชภัฏอีกเลย

ส่วนนักศึกษาฝึกงาน6คนที่เจอในปีนี้ (เกือบทุกคนเกรดเกิน 3) แผนกเราเองรับไว้2 ส่วนอีก4คนถึงไม่ได้ดูแลเองแต่ก็พูดคุยถึงพฤติกรรมกับแผนกอื่นที่ดูแลอยู่เรื่อยๆ พูดง่ายๆก็คือบ่นในไลน์กรุ๊ป ซึ่งสิ่งที่พบคือ

1 น้องใช้ Word Excel PowerPoint ไม่ได้เลย ไม่ได้คือไม่ได้จริงๆ บางคนแค่โปรแกรมไม่ได้เอาไว้หน้า Desktop ก็กดหาเองไม่เป็น พอกดเข้าได้ก็นั่งเอ๋อ ลืมถามเหมือนกันว่าน้องทำรายงานตอนเรียนกันยังไง ทำไมทำอะไรไม่เป็นเลย
ไม่ต้องถามถึง Photoshop การตัดต่อวีดีโอ การทำแผ่นพับ ไม่ได้เลย

2 เกรดภาษาอังกฤษ a แต่ศัพท์ง่ายๆไม่รู้ สะกดภาษาอังกฤษผิดถูกๆ คำยาวหน่อยก็สะกดไม่ได้แล้ว ซึ่งจุดนี้เราเข้าใจว่ามหาลัยคงปล่อยเกรด

3 ขาดการคิดอย่างรอบคอบ เอกสารบางอย่างที่อยู่ในห้องเก็บเอกสารเป็นความลับของบริษัท น้องก็ไปถ่ายเซลฟี่กับเอกสารพวกนั้นแล้วโพสลงเฟส

เรื่องขาดความรอบคอบนี้ เราขอรวมไปถึงการขาดความฉลาดเฉลียวด้วย มีกรณีที่ใช้ให้จัดเก้าอี้ โดยมีรายชื่อ30คน น้องจัด30เก้าอี้เป๊ะ มันไม่ผิดค่ะน้องทำตามเอกสาร แต่พี่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมน้องจากอีกสถาบันเค้าถึงคิดได้ว่า30คนที่มาอาจมีผู้ติดตามมาด้วย ต้องเตรียมเก้าอี้เผื่อเพื่อความไม่วุ่นวาย

4 เมื่อทำงานตัวเองเสร็จก็นั่งเล่นเฉยๆเป็นชั่วโมง ไม่คิดจะเรียนรู้งานอย่างอื่นหรือหาวิธีทำให้งานที่ตัวเองทำอยู่มีประสิทธิภาพและเร็วขึ้น อันนี้เข้าใจว่าเป็นสิทธิ์ของน้อง แต่ส่วนตัวตอนพี่ฝึกงาน อาจารย์ที่ปรึกษาพี่สอนเสมอว่าเมื่อทำงานของตัวเองเสร็จแล้วให้ถามคนอื่นในที่ทำงานว่ามีอะไรให้ช่วยไหม

5 พรีเซนต์งานไม่เป็น มีน้องคนนึงเราให้ช่วยทำPowerpointก็ทำออกมาได้แย่มาก เลยทดสอบอีกเรื่องคือการนำเสนอ ให้น้องสมมุติตัวเองในการนำเสนองานดู สรุปว่าพัง พูดเหมือนเรียบเรียงประโยคไม่ได้ ใช้คำภาษาทางการไม่เป็น

6 ไม่พยายามเปิดรับอะไรที่ไม่เคยรู้ อย่างให้น้องใช้ googleไดรฟ์ googleเอกสาร น้องบอกไม่รู้จักทำไม่เป็น บางคนบอกว่าจำรหัสอีเมลตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
หนักที่สุดคือการ save pdf ของน้องคนหนึ่ง ใช้วิธีปริ้นไฟล์worldออกมาแล้วใช้เครื่องสแกนเป็น pdf
พอบอกให้หาวิธีในเน็ต (เราอยากให้ฝึกค้นคว้าเอง) ก็ไม่ทำ ไม่คำนึงถึงกระดาษที่ต้องเสียไป

7 มีพี่อีกแผนกที่ไปคุยงานภายนอก แล้วมีเลี้ยงอาหารโดยพาน้องๆไปด้วยเพราะอยากให้น้องไปลงพื้นที่ดูการคุยงานจริง พอกลับมาก็เล่าว่าน้องไม่มีมารยาททางสังคม หรือ มารยาทบนโต๊ะอาหาร

8 ขาดความระวังในการใช้โซเชียล การสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ถึงจะไม่มีอันตรายแต่มันก็ยังไม่ถูกกฎหมายนะคะ แล้วก็โพสเรื่องไม่ดีกันเยอะ ไม่ใช่ว่าเด็กมหาลัยอื่นไม่เป็น เค้าก็เป็นกัน พี่เองยังเป็น ในทวิตพี่หยาบถ่อยมาก แต่พี่รู้ว่าต้องทำแบบไหนไม่ให้กระทบภาพลักษณ์ตัวเองในพื้นที่ที่มีผู้ใหญ่เยอะอย่างเฟสหรือไอจี

9 ใช่ ค่ะ คะ ผิด บางคนที่ไม่รับเพราะขนาดในเมลยังพิมพ์ผิด แต่คนที่ในเมลสะกดถูก พอรับมาแล้วก็ไม่น้อยหน้า ในเฟสผิดยับ ในการทำงานจริงผิด ลามไปถึงตอนให้ช่วยพิสูจน์อักษร ให้ช่วยกัน2คนยังเจอคำผิด เพราะน้องไม่รู้ว่าคำที่ถูกมันสะกดยังไง

10 เวลาพี่ๆสอนหรือสั่งงาน คิดว่าตัวเองเก่ง คิดว่าตัวเองจำได้ ไม่จด สุดท้ายก็พลาด ในขณะที่น้องอีกมอขออนุญาตอัดเสียงไว้ พอไม่เข้าใจก็รีบถาม

อีกเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานแต่สัมผัสได้จากการพูดคุยกับน้องๆคืออาชีพในหัวที่รู้จักมีน้อยมาก ซึ่งถ้าเป็นเด็กที่ติดตามข่าวหาข้อมูลไม่น่าจะรู้น้อยขนาดนี้ เหมือนเขามีแบบแผนในหัวว่ารุ่นพี่จบมาทำอะไร เขาก็จบมาทำตามเหมือนรุ่นพี่ ไม่มีความคิดใฝ่หาอะไรใหม่ๆที่ดีกว่าหรือหาว่าอะไรเหมาะกับตัวเอง

ในขณะที่น้องมหาลัยรัฐที่ดีๆหน่อยและมหาลัยเอกชน ที่รับมาพร้อมกันหรือเคยรับในปีที่ผ่านๆมาไม่มีปัญหานี้เลย อาจมีที่ใช้excelไม่คล่องบ้าง แต่เค้าจะพยายามเรียนรู้เอง อะไรที่ทำไม่ได้เค้าก็ถาม
อะไรที่เค้าพอทำเป็นแต่ไม่รู้วิธีในรายละเอียด บางครั้งถ้าเค้ามีเวลาเพราะไม่ใช่งานด่วน เค้าไม่กวนพี่ที่ทำงาน เค้าเลือกที่จะเปิด Youtube หาวิธีทำเองด้วยซ้ำ

สุดท้ายก็ฝากน้องๆให้ปรับปรุงนะ เกรด3กว่าๆ กับรูปถ่ายว่าเป็นเด็กกิจกรรมของน้องทำที่ผิดหวังมาก
การพัฒนาตัวเองมันดีกับตัวน้องเอง พี่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรื่องนี้แล้ว เพราะต่อจากนี้ไปอย่างน้อยๆก็ในรุ่นของพี่ จะไม่เสี่ยงรับเด็กจากมหาลัยนี้อีกแล้ว

เพิ่มเติม เรารู้ว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นกันทุกคน คนที่เก่งๆก็คงมีบ้าง แต่เราโชคร้ายที่ยังไม่เจอแบบเก่งๆเลย ไม่รู้เพราะเราซวยหรือสัดส่วนคนเก่งกับห่วยมันห่างกันมากเกินไป

cr.https://pantip.com/topic/37509923

---------------------------------------------------------------------------------

ขออนุญาตออกตัวก่อนนะครับ ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครเป็นเฉพาะเจาะจงนะ
กระทู้ที่ผมตั้งส่วนใหญ่เป็นกระทู้แนะนำในพันทิปอยู่แล้ว
เห็นว่าเป็นประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนสนทนากันในหมู่ชาว ss เท่านั้น

มันไม่ใช่ทุกคนมั้งที่เป็นแบบนั้น

ก็นะ ถ้ายกระดับนักศึกษาอาจไม่ไหว เพราะส่วนใหญ่ เป็นพวกสอบไม่ติด เกรดน้อยทั้งนั้น

รับเด็กฝึกงานไม่ต้องคัดก่อนหรอครับ บริษัทผมเรียกสัมภาษณ์ก่อนนะ คุยนิดๆหน่อยๆ ไม่เท่ากับสัมฯงานมแต่ก็จำเป็นต้งรู้ความสามารถของเขาก่อนจะรับมาฝึกเพิ่มเติม

บางอย่างพี่ก็เยอะเกินอ่ะ

PS มีกี่คนที่ไม่ได้เรียน it หรื่อที่เกี่ยวข้อง ใช้เป็น

แล้วใช้เป็นกับคล่อง มันก็ต่างกัน

ไอเรื่องจัดโต๊ะอีก 55555

ไม่ได้อคตินะ แต่ผู้ช่วยผู้จัดการผมพิจารณาเด็กที่มาราชภัฏอย่างถี่ถ้วน กำหนดหลักเกณฑ์ค่อนข้างชัดเจน

ยกระดับไปก็เท่านั้นครับ มันอยู่ที่ตัวเด็ก

ผมเชื่อว่าคนที่ไร้สมรรถภาพจริงๆมีไม่กี่เปอร์เซนต์หรอกครับ ที่เหลือแค่ขี้เกียจมากกว่า

จากประสบการณ์ที่รับมาเด็กจากสถาบันนี้ที่ดีมีนะครับแต่โดยมากดีเพราะตัวเองล้วน ๆ ไม่ได้ดีเพราะสถาบันเลย แบบขยันเองมุมานะหาความรู้ข้างนอกเพิ่มเติมเอง

ผมเสียดายเด็กที่ดีจริงหลายคนจากสถาบันนี้ที่อาจไม่ได้่รับโอกาสนะแต่จะมีซัก 1-2 จาก 10 คนที่เป็นแบบที่ผมบอกด้านบนนอกนั้นก็ไม่ได้ต่างจากเนื้อหาในกระทู้มากนัก เด็กส่วนใหญ่ความอดทนต่ำ มาทำไปวัน ๆ โดยไม่ได้คิดเลยว่าเค้าควรเตรียมตัวเพื่ออนาคตยังไง สติสมาธิตอนทำงานมีต่ำมากจนน่าตกใจ

คงไม่ทุกองค์กรที่จะให้โอกาสเด็กมาลองผิดลองถูกได้ตราบที่เด็กยังไม่รับผิดชอบตัวเองมากพอครับ

แต่ถ้าไม่คล่อง ปรึกษา tamon เลยครับ kalakasong คอนเฟิร์มแล้วว่าโดนแล้วคล่องจริง

ผมว่าประเด็นคือตัวมหาลัยต่างหาก ประมาณว่าให้เกรดสูงเกินความสามารถจริงของเด็ก เป็นผลเสียนะทั้งตัวเด็กเองและบริษัท เด็กก็คิดว่าตัวเองเก่งเพราะเกรดที่ได้มา บริษัทก็รับมาเพราะเกรดดีต้องมีความสามารถ

มันไม่ได้เป็นทุกคนหรอก คนเราชอบถนัดทำงานไม่เหมือนกัน บางทีมันก็อยู่ที่บริษัทจะดึงความสามารถของแต่ละคนมาใช้ได้มากน้อยขนาดไหน ถ้าใช้ไม่ได้จริงๆก็คงต้องตัดออกไป แต่ตั้งกระทู้แบบนี้มันก็เหมารวมเกินไป

ข้อ 1 ข้อ 2นี่ ผมว่ามันร้ายแรงมากสำหรับ นศ. ยุค 4.0
ที่มีมือถือ เน็ต กันซะส่วนใหญ่น่ะครับ

word excel มันควรจะเป็นอะไรที่พื้นมากสำหรับ นศ.
ถ้าไม่ได้ใส่สูตรอะไรยากๆ

ภาษาอังกฤษ นี่ถ้าไม่ชัวส์ ก็สามารถ ค้นหาในเน็ตได้

แต่ที่เจออาจจะเป็นกับบางคนน่ะครับ

ผมจบจากมหาลัยอันดับ 1 ใน 5 ของไทย แต่ผมไม่เคยดูถูกเด็กราชภัฏนะ เพราะเคยฝึกงานด้วยกัน

ดีไม่ดีอยู่ที่ตัวคน แต่ข้อดีของเด็กราชภัฏคือโคตรสู้งาน ไม่เกี่ยงงาน

แต่ข้อเสียเขาอาจมองภาพรวมจะโทษเด็กอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโทษอาจารย์ที่มาประเมินงาน

จารย์เล่นนัดให้เด็กเตี๊ยมงาน ประเมินลวกๆก็ผ่านหมด ไม่เน้นคุณภาพงานแบบนี้ก็แย่สิ

จารย์ของผมมาดูแบบเซอร์ไพรส์ พองานไม่ดีโดนด่าเละ แก้งานเละ คะแนนต่ำเลย

คิดว่า 1.ข้อเลยคือ มหาลัยปล่อยเกรดเกินไปครับ

ส่วนพวกเรื่อง word excel ps นั้นมันเป็นสกิลส่วนตัวนะ

ผมเรียนคอมไซน์ม.อื่นนะ อยู่กับคอมตลอด ผมก็เขียนโปรแกรมใข่มั้ย

excel กับ ps ผมก็แค่พอใช้ได้ เท่าที่ได้ใช้งานตอนนั้น 55

word นี่ก็มาได้ตอนทำเล่มส่งแค่นั้นเอ

พี่ดูแลเยอะไป คาดหวังกับเด็กฝึกงานไปหน่อย

แต่ต้องยอมรับว่าเด็กที่นี่ส่วนใหญ่ไม่ได้เรื่องจริง
*ขอไม่นับ 2 มอที่อยู่ติดๆกัน*
(ส่วนดีก็มีเยอะ แต่เทียบอัตราส่วนเอาก็ถือว่าน้อย)

คนเป็นอาจารย์ หรือ เคยเรียนจะรู้ดี

แต่ก็อย่างว่าอีก คนเรามันพัฒนากันได้ถ้ามุ่งมั่นพอ

เอาจริงๆ มันก็ไม่ถึงกับอย่างนี้ทุกคนนะ เด็กราชภัฏ เจอดีก็ดี แต่ถ้าแย่ ก็โครดปวดหัว


บ่อยเลยคือ พวก มาๆ หยุดๆ แต่พอจะฝึกเสร็จ หรือ เดือนสุดท้ายนี้จะมาครบ

บางครั้งก็อยากรู้นะคิดยังไง คือ คุณกำลังจะเรียนจบ แล้วการฝึกงาน มันเป็นการทดสอบก่อนทำงานจริงๆ

แล้วก็ เห็นด้วยเรื่องบุหรีไฟฟ้า นะ คือ เขาใจว่าดูดได้ แต่พวกเล่นเดินดูดในออฟฟิต คือไม่เข้าใจว่าคิดอะไรอยู่เหมือนกัน

สถาบันเค้าไม่ได้แย่อะไรหรอกครับ

วัตถุดิบที่ได้มาต่างหาก ที่มันคุณภาพต่ำกว่ามหาลัย

แต่ไม่ใช่จะหาคนเก่งไม่ได้ มันมีครับ คนที่เรียนราชภัฎเพราะเหตุผลอื่นนอกจากสอบไม่ติดมหาลัยรัฐอื่นๆ บางคนไม่อยากไปไกลบ้าน บางคนได้ทุน คุณแค่ต้องหาเค้าให้เจอ

เวลาสัมภาษณ์จริงๆ มันดูออกอยู่แล้วว่าใครได้ขนาดไหน เด็กม.รัฐที่ดังๆ แต่ไม่เก่งก็มี คุณต้องแยกให้ออกตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์นั่นแหละ ไม่งั้นก็ค่อยคัดออกตอนหลัง

ผมเคยสอนงานพวกเด็กจบมาใหม่ๆ ดีแย่ปะปนกันไป สมัยนี้คนเก่งก็เยอะ ก็ห่วยก็แยะ

แต่ถ้าคนที่ทำไม่เป็น แล่วพร้อมที่จะเรียนรู้ พร้อมที่จะแก้ไขจุดด้อยอันนี้ผมจะเอ็นดูเป็นพิเศษ

ตอนไปฝึกงานบริษัทเครือใหญ่ๆ บริษัทนึง ก็โดนสัมภาษณ์เลยครับ แล้วก็ให้ทำแบบทดสอบด้าน EQ IQ เหมือนสมัครงานเลย แล้วก็ให้พรีเซ็นต์งานที่ตัวเองทำตอนมหาลัย ดีที่ตอนนั้นทำกิจกรรมมาบ้าง ก็เลยติด ก็เป็นเด็กราชมงคล 1 ใน 3 คนที่ได้ฝึกที่นั้น นอกนั้นก็เกษตร จุฬา ลาดกระบัง ตอนฝึกก็โดนโยน Project งาน Event ใหญ่ กับ การทำ PR บริษัทเลย คนอื่นอาจจะรู้สึกแย่เพราะงานเยอะ แต่ผมรู้สึกดีที่มีงานให้ทำ ครับ

ข้อ10 นี้เจอบ่อย ไม่ใช่แค่เด็กฝึกงาน เด็กจบใหม่ก็เป็น

สอนไม่จด เอาแต่พยักหน้า พอจำไม่ได้ก็มาถามซ้ำๆ พอถามว่าทำไมไม่จดไว้
ก็บอกว่าจำได้

บางอย่างก็เข้าใจนะ แต่บางอย่างก็เยอะเกิน
เหมือนคนเขียนเรื่องนี้ เผือกไปหมด
อย่างมารยาทบนโต๊ะอาหารนี่เรียกจับผิดเลยดีกว่า
เชื่อว่าเด็กมาฝึกงานคงไม่นั่งไขว่ห้าง เท้าคางกินขาวหรอก

ปล. ผมมีเพื่อนอยู่ราชภัฏเยอะ เจอในที่ทำงานก็เยอะ
เค้าก็มีสิ่งที่พวกเด็กคาบช้อนเงินไม่มีเหมือนกัน

ข้อ4 นี่เหมือนโดนด่า

จบเกียรตินิยมทำงานไม่เป็นเลยก็มีครับ

เด็กราชภัฏส่วนใหญ่เป็นคนเก่งครับ

โดยเฉพาะเวลามีข่าวแบบนี้

หนุ่มงง! บริษัทตอบกลับ ไม่รับคนจบ ป.ตรี ราชภัฏ-ราชมงคล-เอกชน
https://www.thairath.co.th/content/1186948

แบบนี้ เด็กราชภัฎแตกต่างกับเด็กมหาวิทยาลัยอย่างไร?… แล้วทำไมสังคมไทยจึงดูถูกเด็กราชภัฏ
http://www.unigang.com/Article/41329

และแบบนี้ วิพากษ์เดือด! "บ.เอกชน" จัดเกรดมหา'ลัย ความลับที่มีอยู่จริง
http://www.natsima.com/education/rajabath-university/

ในขณะที่คนอีกกลุ่มเลือกที่จะไม่ฟังเสียงวิจารณ์และมุ่งมั่นทำผลงาน แบบนี้
ม.ราชภัฏภูเก็ต สุดปลื้ม นศ.พัฒนาชุมชน รับรางวัลเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ สาขาศิลปวัฒนธรรม
http://www.pkru.ac.th/th/news/scoop/37-scoop-2/phuket-national-youth-award-oct-2017

และแบบนี้ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ฯ เจ๋ง คว้ารางวัลนำเสนองานวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ
https://www.nstru.ac.th/th/news/view/243/นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ฯ-เจ๋ง-คว้ารางวัลนำเสนองานวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ

ถามว่าคนแบบไหนที่บริษัทอยากได้ แต่บริษัทจะได้คนเหล่านี้ไหม ก็คงต้องใช้ดวงอีกที

ผมว่านศ.จาก ม.รภ. ก็ไม่ได้แย่นะ

หลายคนหาเงินเก่งด้วย

จริงๆ คนใน บริษััทเองที่วิจารณ์ก็อยู่ในแนวทางการทำงาน คล้ายน้องที่เข้ามาฝึกงานนะ คือลูกจ้าง ก็ให้ข้อคิดเห็นได้แหละ แต่ต้องเชิงบวก( บวกมากๆหน่อย ไม่ใช่จะให้เป็น Viral เรียกยอดไลค์อย่างเดียว )


ปล.จากความเห็น คน ม.ของรัฐนะ

ปสก.เกี่ยวกับเด็กฝึกงาน หน่วยงานผมรับ นศ.หมดครับ ไม่ว่าจากสถาบันไหน (ยังไม่ถึงขั้นมีแบล็คลิสต์) ส่วนใหญ่เจอเด็กราชภัฎความรับผิดชอบต่องานต่ำกว่า ม.อื่นๆ ความรู้ก็ไม่แน่น ข้อดีคือลุยงานไม่ค่อยบ่น

บางทีคุณตั้งมาตรฐานเกินไปไหมครับ จขกท. น้องเขามาฝึกงาน ไม่ได้มาทำงาน ผมทำงานเข้าปีที่ 8 เจอน้องมาฝึกงานทุกปี ไม่เห็นต้องออกมาโพสแบบนี้เลย คนเราไม่ได้เก่งในทุกด้าน คุณเองก็ไม่ได้เก่งมาแต่เกิด ผมก็ไม่ได้เก่ง Excel กับ PP มาจากสถาบันที่เรียนจบมา แต่มาได้ก็เพราะทำงานนี้แหละ น้องเกือบทุกรุ่นไม่ได้ Excel และ PP เลย ผมเองก็พยายามสอนให้น้องได้มากที่สุดเท่าที่จะมีเวลาสอนได้ ส่วนน้องว่างทำไมคุณเป็นพี่ไม่หาหัวข้อในการสอนน้องเพิ่มละครับ ในส่วนเรื่องอื่นๆ ผมเห็นด้วยกับคุณ

ปล. ผมไม่ได้จบราชภัฏ นะครับ

ระดับ ราชภัฏ A2 ก็หรูแล้วคับ วัดจาก CEFR

ไม่ทุกคน แต่สัดส่วนไม่เก่งคงเยอะเกินไป

จะโทษแต่เด็กที่เข้ามาไม่มีคุณภาพไม่ได้หรอก เพราะมหาลัยก็ให้ให้เกรดเกินคุณภาพเหมือนกัน

ถ้าไม่เก่งแต่มีความรับผิดชอบต่องาน มีความไฝ่รู้ก็ยังถือว่ามีคุณภาพในการพัฒนา แต่หลายคนเท่าที่ดู ขาดคุณภาพอย่างสิ้นเชิง

เด็กดีๆเก่งๆก็มี แต่ถ้าคิดเป็นเปอร์เซนต์จะมีเท่าไหร่ ถึง10% มั้ย ในขณะที่ม.ดังๆ เค้าคัดกันตั้งแต่ก่อนเข้าไปเรียนมหาลัย ออกมาใช้งานได้ผมว่า 50% +

ถ้ากฎหมายขั้นต่ำจ่ายเงินเดือนเท่ากัน เป็นคุณจะเสี่ยงเลือกเด็กจากมหาลัยไหนล่ะ

ไม่ยกก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะมันเข้าใจได้ จากเด็กที่สมัครเข้าไป

แต่ช่วยทำเกรดให้มันตรงความเป็นจริงหน่อย

เห็นเกรียรตินิยมเยอะไปหมด มันใช่หรอ ตัดเกรดกันยังไงหนิ

คุณภาพกับเกรดสวนทางกันเหลือเกิน

ความจริงก็คือ คนที่เข้า ราชภัฏ คือ คนที่ฐานะไม่ดีนักหรือ สอบเข้า ม.อื่นไม่ได้

AVG เมื่อเทียบกับ ม. อื่น มันก็เลยสู้ไม่ได้ ดีๆมันก็มี แต่ถ้า AVG ออกมาแล้วมันค่อนข้างต่ำไง

เกรด 3.00 ราชภัฏ กับ 3.0 บางมด เกษตร มหิดล จุฬา ต่างกันเยอะอยู่นะ

เอ็นดูหรือดูเอ็น

เห็นด้วยครับ.เหมือนเอาเมซซี่ไปเล่นบาส

ผมจบ ราชภัฎ แถมเกรดไม่ถึง 3 อีก สงสัยจะหนักแฮะ

ถ้าน้องไม่มีเอ็นก็น่าดูอยู่

เอาให้ตรงประเด็น ผมว่ามันไม่ใช่ดูถูกนะ แต่คือเอาเรื่องจริงมาพูดให้ฟังมากกว่า

เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบร่วมกัน 2 ส่วน

ส่วนแรก ตัวนักศึกษาเอง
ที่มีความพร้อม มีศักยภาพ ผมมองว่าส่วนใหญ่ก็เลือกมหาวิทยาลัยปิดของรัฐไป ก็จะเหลือแต่พวกที่ตกค้างไปไหนไม่ได้ ก็มาลงที่นี่

ส่วนมหาลัย
ก็คงอย่างทีทุกคนพูดหละครับ ถ้าใช้เกณฑ์สูง (ซึ่งมันควรจะตัดตามจริง) นักศึกษากลุ่มนี้ก็ รีไทร์ ออกไปแทบจะหมด ปล่อยปะละเลย

A ภาษาอังกฤษ ราชภัฎ อาจจะมีศักยภาพจริง ไม่เท่า F อังกฤษ มหาลัยปิดของรัฐที่แย่งกันเข้า

ปล.เกียรตินิยมเฟ้อมาก

ผมนิเด็กสวนนัน บอกเลยสอนยากนะ กว่าจะจบแล้ว ไม่ไก่กาอย่างที่ใน pantip บอกนะ โครตเหมารวม

คือจะบอกว่ามีเด็กแบบนี้จริงไหม มันก็มี แต่มันก็มีเด็กที่เก่งด้วย

ทำไมช่วงนี้ สถาบันที่เราจบมา ฮอตจังเลยกระทู้มาไม่เว้นแต่ละวัน

เห็นด้วยบางข้อ แต่บางข้อไม่เห็นด้วย

ไม่นะ การตัดเกรดของมหาลัยส่วนใหญ่อิงกลุ่ม ไม่ได้อิงเกณฑ์ ดังนั้นถ้าในกลุ่มมีคนไม่เก่งเยอะ คะแนนที่ดีที่สุดลำดับต้นๆ เลยได้เกรดสูงไปครับ ทั้งที่ถ้าไปเรียนกับอีกกลุ่มที่เก่งกว่ามากๆ อาจจะอยู่แค่กลางๆ หรือท้ายๆ ก็ได้ (ไม่ใช่ทุกคนนะ แต่มีแน่นอน)

ฟังคนวิจารณ์ ใครจะเหมารวมก็ช่าง
เอามาพิจารณาตัวเอง ถ้าไม่เป็น ก็ไม่ต้องแบกไว้

ผมคนนึง ไม่เคยบอกใครว่าจบไหน ถ้าไม่โดนตื้อถาม
ใครจะด่าเหมารวม ผมไม่สน ผลงานผมบอกให้ทุกอย่างแล้ว

พวกเรากำลังหลงประเด็นกัน
จขกท. เค้ากำลังสื่อว่า มรภ.เนี้ยปล่อยเกรด เกรดไม่เหมาะสมกับความรู้ที่มี ไม่ได้บอกว่ามรภ. ไม่ดี แล้วคนจบมาจาก มรภ. ไม่ดี เอาแบบตรงๆเลยนะครับ ผมจบเกรด 2.05 คือเกือบไม่จบ แต่ความรู้เทียบตัวต่อตัวยกตัวอย่างเช่นแคลคูลัสก็ได้ผมรู้เรื่องกว่าเด็ก มรภ.ที่จบคณิตศาสตร์โดยตรง เพื่อนผมเรียน มรภ. ผมสอนมันทำโจทย์ตอนกลับไปเล่นช่วงสงกรานต์ หรือจะเป็น Eng. ผมอ่านออกเขียนได้มากกว่าคนที่เรียน Eng. ที่ มรภ. แล้วอีกอย่างพูดกันจริงๆเรียน เพื่อนมันก็ยังบอกผมเลยว่าจารย์ไม่ได้เขี้ยวเข็นอะไรเลย ก็เรียนๆไปพอจบ อันนี้เราต้องยอมรับความจริง ผมว่า จขกท. พูดถูกแล้วแหละแต่อาจจะดูหว่านๆไปหน่อย คือถ้าคนเรายอมรับความจริงที่เป็นอยู่แล้วปรับปรุงมันจะดีกว่า

ควรจะกลับไปใช้ 5 WHY ในการหาคำตอบนะว่าอะไรคือรากของปัญหาที่แท้จริง



ปล. ผม วศบ ครับ

ที่ว่ายากเนี่ย คิดเองหรือเทียบกับที่อื่นหรอครับ

นั่นละครับ มหาลัยที่ผลิตครู เพื่อมาสอนลูก ๆหลาน ๆ ของท่าน

”เข้าเรียนครบ จบแน่ แต่ช้าหน่อย “

เทียบกับที่อื่นดิ สวนสุนัน มันก็ไม่กระจอกหรอกมั้ง

จะบอกว่ามองรอบตัวผมเอง เพื่อนๆผมนี่ล่ะหลายอย่างมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ

คนที่เลือกไปราชภัฏทั้งหลายคือจะแนว ๆ นี้ พวกไปเอกชนก็จะอีกแบบนึง

พออยู่ไปนาน ๆ มันก็จบกันได้นะแต่ความตึงเครียดมันต่างกันตรงค่าหน่วยกิตนี่ล่ะ

ไม่รู้ดิ ผมไม่ได้แบ่งแยกใครดีไม่ดีนะ แค่อ่านแล้วเออมันมีส่วนที่ใช่อย่างที่เค้าว่า

เคยเจอมาเหมือนมอนีั ไม่ขอบรรยายมากเอาเป็นว่าเห็นด้วยกับคนเล่าโดยรวม ปลีกย่อยเห็นต่างกันบ้างแต่เกรดกับความรู้จริงไม่สัมพันธ์กันนี่จริงแน่ๆ

อาชีพเซลส์ที่ผมทำอยู่ ที่ว่าเข้าง่ายๆ เข้า 10 ตาย 9 รอด 1

ปั้นแล้วปั้นอีก ปั้นจนเซ็ง ปั้นจนไม่อยากปั้นใคร พอเลิกปั้น ก็ยังดีมีเด็กผุดขึ้นมาได้ 1 คน ที่เหลือทำเซียนเหมือนเรียนมา แดกไข้ไร้ยอดไร้รายได้ลาออกไป เหอะๆ

สิ่งที่สอนยากสุดคือ อวยตัวเอง โจมตีคู่แข่ง ไม่ควรทำก็ยังจะทำอยู่ พูดมากกว่าลูกค้า ไม่ถามคำถามลูกค้า โม้สินค้าตัวเองอย่างเดียว กับโจมตีคู่แข่งซะสินค้าไม่มีอะไรดีเลย สรุป ลูกค้าไม่ซื้อ ถถถ+

ประสบการณ์ตรงของผมเลยนะ ผมเคยสอบเอนทรานซ์ไม่ติดเลยไปสมัครเลย มรภ.ในจังหวัด (ซึ่งก็น่าจะใหญ่สุดในภาคอีสาน) เรียนได้ปีนึง ไปลองสมัครเอนทรานซ์ใหม่สอบติด ที่ม.เกษตรฯ
ตอนเรียนที่ มรภ. นี่แบบโดดเรียน เตะบอล กินเหล้า จัดเป็นแก็งค์เด็กเกประจำสาขาได้ แต่พอผลสอบเทอมแรกออกมา เกรดผมอยู่ที่ 3.7 งงกันทั้งสาขาทั้งรุ่นพี่ ทั้งเพื่อนในสาขา เป็นลำดับที่ 2ในสาขา แพ้เพื่อนผู้หญิงที่เป้นเด็กเรียนที่สุดในห้องคนเดียว อีกเทอมนึงก็ยัง 3.5 ก่อนย้ายไปเรียนที่ม.เกษตร ทั้งที่เรียนแบบไม่ตั้งใจนะครับ
แต่พอมาเรียนที่เกษตรนี่แบบ ตั้งใจเรียนมาก แบบดิ้นรนหนีตายสุดชีวิต เกรดยังแทบไม่แตะ 3 เลย

เห็นด้วยกับเรื่องการตัดเกรดนะ

ต่อให้ใช้การตัดเกรดแบบอิงกลุ่ม ก็ตามกลุ่มของเด็กราชภัฎนั่นแหละครับ

เพราะถ้าเอากลุ่มเด็กเหล่านี้มาเรียนกับกลุ่มเด็กมหาลัยของรัฐชื่อดังๆ

แล้วตัดเกรดอิงกลุ่ม คงมีส่วนน้อยที่จะเรียนจบออกมาได้

อันนี้คือความจริงที่เราต้องยอมรับนะ ว่ามาตรฐานสถานศึกษาในบ้านเรายังมีความแตกต่างกันอยู่มาก

ส่วนการรับเด็กฝึกงาน ถ้าอยากได้มาตรฐานสูงๆ ก็ต้องคัดกรองกันดีๆหน่อยแหละครับ

เด็กที่จบใหม่มีทั้งดีและไม่ดี ไม่ว่าสถาบันไหนก็ตาม

"แต่สัดส่วนที่ดีกับไม่ดีนั้นจะแตกต่างกันออกไป ตามมาตรฐานของสถานศึกษานั้นๆ"[/u]

ผมมองว่าต้องโทษทั้งสถาบันและตัวเด็กเลยนะ คือ ที่เค้าบ่นมา ผมคิดว่ามันเป็นพื้นฐานมากๆจริงๆอ่ะครับ word,excel, powerpoint ไม่ได้นี่คือแทบไม่ต้องไปทำงานอะไรแล้วนะที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อ่ะ คือที่ผมบอกว่าต้องโทษสถาบันอ่ะ ในเมื่อเด็กที่เข้ามาคือเด็กที่มาตรฐานต่ำกว่าทั่วไปก็จริง แต่ก็ต้องมีมาตรฐานในการเรียนจนผ่านจนจบแต่ละชั้นปีมาด้วยครับ ผมไม่แน่ใจว่าเค้ามีรีไทร์กันไหม ใครพอทราบรบกวนตอบผมด้วยนะครับ เป็นความรู้ให้ผม แต่ยังไงก็ตาม เด็กจบออกมาแล้วทำงานไม่ได้ ผมว่ามันเปลืองทรัพยากรมนุษย์ครับ อย่างน้อยๆ ควรจะฝึกทัศนคติเด็กซักหน่อย ให้รู้จักขวนขวาย ส่วนใครที่ไม่ได้ตามรีไควร์เม้นท์ ก็ไม่ควรให้จบ รีไทร์ไปครับ จะได้ให้เขาไปหาทางที่เหมาะสมกับตัวเอง ผมเคยได้รู้จักกับคนนึงทางแอพ คนนี้เค้าเรียน ด้านไอทีของม.เอกชนที่หนึ่งละกัน ไม่เกี่ยวกะราชภัฏ ซึ่งปกติ ไอทีกะแมท มันแยกกันไม่ค่อยได้อยู่แล้วใช่ไหมฮะ แต่เค้าเคยให้ผมช่วยทำโจทย์เลขให้ครั้งนึงเค้าบอกว่ายาก ทำไม่ได้ เลยช่วย โจทย์คือหาค่า x ของสมการ x+5=7 อะไรประมาณๆนี้ สตั๊นท์ไปเลยฮะ

เก่งๆก็มีเยอะพวกไม่เอาอ่าวก็แยะครับ จะโทษสถาบันอย่างเดียวก็ไม่ถูก

ความจริงๆก็รู้กันอยู่ว่าระดับของมหาลัยมันมีกำแพงความต่างกันอยู่แค่ ไม่ยอมรับกันเองละ เอาแต่อวยสถาบันตัวเองว่าไม่ยากไม่แพ้ที่อื่น สถาบันระดับท็อปนี้มันท็อปจริงๆนะ

เหมือนเรียนเพราะรู้ว่าจบชัวร์

ต้องโทษ"กระบวนการรับเข้าทำงาน"มากกว่า

ทำยังไงจะ สกรีนคนมีความสามารถมาทำงาน หรือ HR ดูแค่เกรด
ตอนรับเข้าให้ทดสอบเค้าในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ทดสอบยังไง ถึงได้คนทำอะไรที่ต้องการไม่เป็นอะไรซักกะอย่าง


ไอ้ที่ในเวปเค้าพูดมาเนี่ย เด็ก 2.03 ราชภัฎเลย ที่ผมทำงานอยู่ มันทำได้หมดนั่นแหละ


ต้องหาระบบคัดเลือก คัดคนตามที่ต้องการให้ดีกว่านี้ครับ


จะได้ไม่โทษสถาบันฯเค้า เพราะถ้าสอบปฏิบัติหรือสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ก็จะได้ไม่ต้องประจานกันภายหลัง

นั่นแหล่ะครับ ผลของการเลือกอิงกลุ่ม ถ้าส่วนมากเกรดสูง แต่ความสามารถไม่สูง มันสะท้อนว่าเด็กส่วนใหญ่ของมหาลัยคุณภาพไม่สูง แบบนี้จะโทษที่คนอื่นมองว่ามาตรฐานมหาลัยต่ำคงไม่ได้

ทางทีดีควรเลือกอิงเกณฑ์นะ มันทำได้ ม.ผมก็ทำในบางวิชาที่อาจารย์โหดจริงๆ เพราะอาจารย์ไม่อยากให้คนมองว่าม.ปล่อยเกรด เด็กที่จบไปควรมีคุณภาพตามจริง

แต่ถึงอย่างนั้นในวิชาที่อิงกลุ่ม คะแนนมาตรฐานก็จะอยู่ในช่วงซีไม่เกินซีบวกอยู่ดี และการจะได้เอซึ่งหมายถึงมีความเชี่ยวชาญในวิชานั้นอย่างแท้จริงถึงแม้จะอิงกลุ่มแต่จะมีเกณกำหนดไว้เฉพาะเกรดเอแถวๆ 75-80 เสมอ ทำให้คนที่ขึ้นไปรับดับบีได้ต้องเก่งจริงๆ วิชาที่ยากคนทำไม่ได้แม้จะได้เยอะสุดในคลาสแต่ไม่ถึงเกณฑ์เอก็ไม่มีทางได้เอ เพราะงั้นเรื่องเกรดเฟ้อไม่มีให้เห็นแน่นอน

ม.รัฐส่วนใหญ่จัดการปัญหานี้ได้นะ เลยไม่ค่อยมีใครมาค่อนคอดว่าให้เกรดเกินจริง

หลักๆ เลยผมว่าที่คนจบมหาลัยไม่ดังเนี่ย เป็นเรื่องของผลประโยชน์ครับ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กที่เข้ามาเรียน มหาวิทยาลัยไม่ดังส่วนใหญ่แล้วเนี่ย คือพวกที่สอบไม่ติดมหาลัยดังๆ เอาตัวเลขมากางดูเลยก็ได้

มหาลัยพวกนี้ ถ้ารับนักศึกษามาน้อยๆ ก็จะมีปัญหาทางการเงินอีก ก็ต้องรับเยอะๆ ไว้ก่อน
พอรับมาเยอะๆ แล้ว ด้วยความที่ว่าเด็กไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว ถ้าตัดเกรดโหด เด็กก็จะได้เกรดน้อยกัน ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้นักศึกษาเหล่านั้นถูกรีไทร์หรือตัดสินใจไม่เรียนต่อในชั้นปี 2-3 กัน มหาลัยก็จะขาดรายได้ตรงนี้ไป

เค้าก็เลยปล่อยเกรดกัน เพื่อให้นักศึกษาเรียนต่อจนจบ ด้วยคุณภาพอย่างที่เห็นครับ

ผมว่าเจ้าของเรื้องที่เล่าใจมันอคติไปแล้ว ผลลัพธ์มันก็เอนไปตามที่คิดไว้

มาตรฐานต่างกันในแต่ละมหาลัยก็จริง แต่พอทำงานเรื่องเรียนมันก็บางส่วนเท่านั้น ถ้าเด็กไม่ตั้งใจก็สอนเค้าแต่ถ้าเค้าต่อต้านเราก็ควรปล่อยเค้าไป ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว

ที่ไม่เก่งเพราะเค้ายังไม่รู้มากกว่า ถ้าคนมันคิดจะอยากก้าวหน้าใครล่ะจะปฎิเสธคนที่สอนทั้งระบบความคิด ความรู้ในขอบข่ายงาน ถ้าเค้าไม่สนใจมันก็คงเหมือนพวกบัวใต้ตม

บริษัทที่ผมทำ ผจก ก็ระบุครับว่าไม่เอาราชภัฏ

แต่อาจจะเอามาพิจารณาถ้าเกรดดีมากๆ คือ3.7-4 และได้โทอิก 650+

ถึงอย่างนั้นก้เป็นตัวเลือกรอง จากม รัฐ