ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 7850
ที่อยู่: กทม
โพสเมื่อ: Sun Mar 18, 2018 4:00 pm
เขาคือตำนาน... เขาคืออัจฉริยะ... หรือ .. " แค่คน บ้าหลุดโลก ".. !!


" ซาลวาดอร์ ดาลี " .... !!??
เขาคือตำนาน เขาคืออัจฉริยะ หรือ บ้าหลุดโลก !!

.
ซัลบาดอร์ โดมิงโก เฟลีเป ชาซินโต ดาลี โดแมเนก
(Salvador Domingo Felipe Jacinto Dalí Domènech)
หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ
ซัลวาดอร์ ดาลี (Salvador Dalí)
(11 พฤษภาคม พ.ศ. 2447 – 23 มกราคม พ.ศ. 2532)
เป็นจิตรกรชาวสเปน มีชื่อเสียง
จากผลงานภาพวาดแนวเหนือจริง
ภาพวาดเขาหลุดโลกทั้งนั้นเลยครับ



.
ประวัติ
ซาลวาดอร์ ดาลี
เกิดเมื่อเวลา 8นาฬิกา 45 นาที
ของวันที่ 11 พฤษภาคม 1904
ที่เมืองฟิกูรัส ประเทศสเปน
โดยมีพ่อเป็นเจ้าหน้าที่
รับขึ้นทะเบียนหนังสือสัญญา และพินัยกรรม
เป็นบุคคลสำคัญของสังคมที่นั่นพอสมควร
.
ชื่อซาลวาดอร์นั้นแต่เดิมตั้งให้กับพี่ชายของเขา
ซึ่งตายไป 3 ปี ก่อนหน้าที่จะถึงคิวเกิด
ของดาลี เขากลายเป็น เด็กเพียงคนเดียวในบ้าน
.


ในหนังสือชีวประวัติชื่อ My secret life
พิมพ์ในปี พ.ศ.2485 ได้กล่าวไว้ว่า
.
"ในช่วงวัยเด็กนั้น ค่อนข้างจะเป็น
คนนิสัยหยิ่ง จองหอง คุยโว โอ้อวด
และตอนอายุ 6 ขวบ
เขาอยากจะเป็นพ่อครัว เมื่ออายุ7ขวบ
เขาต้องการจะเป็นนโปเลียน" !!
.
จนกระทั่งถึงรอบมาเกิดของน้องสาวของเขา
อานา มาเรีย จึงเป็นเหตุให้เด็กชาย ซาลวาดอร์
เป็นเด็ก ที่ถูกตามใจและได้รับอนุญาต
ให้ทำอะไรได้สารพัดตามที่เขาต้องการ
.
"พี่ชายของผมและตัวผม
มีความคล้ายคลึงกันเหมือนกับน้ำ 2 หยด
เพียงแต่เรามีแววสะท้อนที่แตกต่างกัน
ซึ่งก็เหมือนกับผมเชียวแหละ
ที่เขามีหน้าตา ของอัจฉริยะโดยแท้
เขามีลักษณะของความฉลาดเกินอายุ
อย่างน่าตกใจ แต่ดูผาดๆ ของเขา
ถูกปกปิดด้วยความเศร้าหดหู่ใจ
ซึ่งแสดงออกถึงลักษณะที่ไม่สามารถ
จะก้าวข้ามไปสู่ความฉลาดหลักแหลม
.
ส่วนผม ซึ่งเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง ฉลาดน้อยกว่ามาก
แต่สะท้อนทุกสิ่งทุกอย่าง
ผมกลายเป็นต้นตำรับอันสุดยอด
ของความแปลกประหลาด
ซึ่งถ่วงความพิสดารสารพัด
ชนิดของมนุษย์เอาไว้ ผมฉกฉวยความพึงพอใจ
ด้วยความไร้จุดหมาย ความกระตือรือร้น
อย่างเห็นแก่ตัว และด้วยการเย้าแหย่
เพียงเล็กน้อย ผมอาจ กลายเป็นตัวอันตรายได้"
.
การศึกษาของเขาเริ่มต้นเมื่อปี 1914
ในโรงเรียนประจำท้องถิ่น
ซึ่งตอนนั้นก็คือ โรงเรียนแห่งฟิกูรัส
ภายใต้การดำเนินงานของคณะบาทหลวง
แห่งมาริสท์ ออร์เดอร์ เป็นช่วงการเรียนเล็กๆน้อยๆ
สมุดรายงาน ของโรงเรียนที่ส่งถึง
ผู้รับคือพ่อแม่ของเขา ทำให้ต้องขวัญหนีดีฝ่อ
"เพราะคะแนนนั้น...มันเลวร้ายมาก"
.


ครั้งหนึ่งเมื่อเขาอยู่ตามลำพัง
กับน้องสาววัย 3 ขวบ เขาเตะเธออย่างแรง
ที่ศีรษะ ซึ่งนำมาซึ่งความสนุกสนาน
ปลาบปลื้มแก่เขายิ่งนัก เขายังพบ
กับความสุขที่ไม่สามารถจะอธิบายได้
กับการโผลงจากบันไดคราวละหลายๆขั้น
ความเจ็บปวด ดูเหมือนจะไม่มีความสำคัญ
ส่วนความอภิรมย์อันแรงกล้านั้น มีอยู่ล้นเหลือ
เขายังได้รับการยั่วยุ ให้ทำซ้ำ อีกหลายต่อหลายครั้ง
โดยมิได้ไม่รู้ตัวถึงผลที่จะเกิดกับเพื่อนร่วมห้องเรียน
.
นอกจากนี้เขายังเคยชกไวโอลิน
ของเด็กชายคนหนึ่ง จนแตกละเอียด
เพียงเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า การวาดภาพนั้น
เหนือกว่าการเล่นดนตรี
.
ด้วยอายุที่ไม่ทันจะเข้าเกณฑ์เรียนหนังสือ
ดาลีได้แสดงออกถึงความสามารถพิเศษ
อันสำคัญมากต่อความเป็น ศิลปินของเขา
ด้วยภาพทิวทัศน์ ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดี
ในยุคต้นๆ มีโปสการ์ดตามมาติดๆอีก 2 ภาพ
อันแสดงถึง ความทะเยอทะยานมากขึ้น
ได้แก่ภาพ Portrait of Helen of Troy
และ Josept Greeting his Brethren
ซึ่งเป็นผลงานรูปแบบ วรรณคดี
ในศตวรรษที่19 เปี๊ยบเลย ....!!!
.
ส่วนเรื่องสตูดิโอนั้น ดาลี ได้รับอนุญาต
ให้ใช้ห้องซักรีด ห้องเก่า ที่อยู่ชั้นบนสุดของบ้าน
วันไหนที่อากาศร้อน เขาก็จะลากถังไม้ถังโตๆ
แล้วรองน้ำให้เต็ม จากนั้นก็แก้ผ้า
แล้วแช่ไป พลางวาดภาพไปพลางได้เป็นชั่วโมงๆ
.


ภาพวาดของเขา ก็คือการนำฝากล่องใส่หมวก
ที่เอามาจากร้านขายหมวก ผู้หญิงของป้า
มาตอกติดผนังเต็มไปหมด
รวมทั้งผลงานในสมัยเรอเนสซองซ์
ที่ฉีกจากนิตยสาร ที่นี่คือที่ปลอดภัยของเขา
และช่างเป็นความสันโดษ ที่เขาใฝ่หาเสี่ยนี่กระไร
ความโดดเดี่ยวกลายเป็นความบ้าคลั่ง
เมื่อเกิดเหตุการณ์อันน่าละอายหรืออึดอัดใจ
เขาก็จะรีบเร่งขึ้นไปชั้นบนยังห้องซักรีดของเขา
.
ที่นี่เขารู้สึกเหมือน มีเพียงเขาคนเดียวในโลก
เขาจมอยู่ในความเพ้อฝันของเขา
เล่นเป็นอัจฉริยะบุรุษด้วยความคิดที่ว่า
"ถ้าคุณเล่นเป็นอัจฉริยะ คุณก็จะได้เป็นอัจฉริยะ"
.


พ่อแม่ของดาลี ทราบถึงความสามารถ
ในทางศิลปะที่เจริญงอกงามขึ้นเรื่อยๆ ของลูกชาย
จึงส่งเขาให้ไปอยู่กับเพื่อนในชนบท
รามอน พิทชอท เป็นเศรษฐีนักสะสม
งานศิลปะและเป็นจิตรกร ผู้มีลักษณะของงาน
ในแบบ อิมเพรสชันนิสท์ ที่มีพรสวรรค์
อาจจะเรียกได้ว่า มีพรสวรรค์กันทั้งครอบครัวเลย
ก็ว่าได้ เพราะลูกชาย 2 คน เป็นนักดนตรี
ลูกสาวคนหนึ่งเป็นนักร้องโอเปร่า
ส่วนอีกคนหนึ่งแต่งงาน กับกวีชาวสเปน
ถิ่นฐานที่อยู่ของเขา เรียกกันว่า
Muli de la Torre หรือ The Tower Mill
ช่วงเวลาที่ดาลีอยู่กับครอบครัวนี้
ได้มีอิทธิพลสำคัญ ในชีวิตของเขา
และเป็นทางสว่างในการเพ้อฝัน
เชองอิโรติค ที่ปรากฎในผลงาน
มากมายของเขาในระยะต่อมา
.


ด้วยความช่วยเหลือ ของพิทชอท
พ่อของดาลี จึงส่งเขาไปเรียนในชั้นเรียนศิลปะ
ในฟิกูรัส Nunez เจ้าของโรงเรียน และเป็นครู
ที่ค่อนข้างจะเห็นอก เห็นใจคน
มองเห็นแววศิลปิน ในตัวลูกศิษย์คนนี้ของเขา
ต่อมาดาลีก็ได้ฟื้นฟูความรู้
ในเรื่องสมัยเรอเนทซองซ์
ภาพวาดของเขาเริ่มเข้าไป กระทบความสนใจ
ของผู้คน เริ่มมีการจัดแสดงงาน
ในที่สาธารณะ และจัดเป็นนิทรรศการ
.
ในระหว่างนั้น เขาก็เรียนต่อในระดับมัธยม
ที่ Marist School ถึงแม้ว่าบรรดาครูทั้งหลาย
จะเลิกหวังที่จะสอนสั่งเขา แล้วก็ตาม
ซึ่งเขาก็เริ่มเบื่อบทเรียน แล้วเหมือนกัน
เขาคอยการเวียนมาถึงของเวลาปิดเทอม
เขามักจะใช้เวลาอยู่ ที่หมู่บ้าน Cadaques
บนริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โขดหิน
และชายหาดกลายเป็นจุดที่เขานิยมชมชื่น
.


ในปี 1921 ดาลีได้เข้าเรียนในสถาบันศิลปะ
แห่งกรุงแมดริด การเรียนในสถาบันนี้
เป็นแบบ "ตามคำสอน" การวาดเส้น
วัตถุจะต้องมีขนาดที่แน่นอน
แต่ดาลไม่สนใจ คำสอนเลย
เขาจะวาดขนาดเล็กนิดเดียว
เมื่อต้องนำมาแก้ใหม่ เขาก็วาดเสียใหญ่โตเกินไป
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาได้รับ
ในฐานะนักเรียนก็คือ ความสมบูรณ์แบบ
ในระยะเวลาต่อมา ดาลีเริ่มเป็นที่รู้จัก
และเป็นที่เรียกร้องจากเพื่อนๆร่วมสถาบัน
.
ดาลีเคยถูกจับเข้าคุกในปี 1924
ในฐานะผู้ต้องสงสัยในการก่อการจลาจล
แต่เนื่องจากพนักงานไม่สามารถหาหลักฐาน
มามัดตัวเขาได้ ดาลีจึงได้รับอิสระ
หลังจากไปกินข้าวแดงในคุกถึง 1 เดือน
เขากลับไปเรียนต่อ แต่ไม่นานจากนั้น
เขาก็ถูกเชิญให้ออกจากโรงเรียน
ดาลีมิได้หยุดความ เป็นศิลปินของเขาไว้แค่นั้น
เขาได้รับสัมผัสศิลปะอีกหลายลัทธิไม่ว่าจะเป็น
ดาดา, ฟิวเจอริสม์, คิวบิสม์,
พบศิลปินต่างลัทธิ เช่น Chirico, Carlo,
.


ดาลีเดินทางไปปารีสในปี 1927
เพื่อพบ ปิคัสโซ พูดคุยสนทนา
หาข้อแลกเปลี่ยนในเรื่องของ คิวบิสม์
ซึ่งดาลีกำลังศึกษางานและค่อนข้างชื่นชม
.
ดาลี ได้เปิดแสดงผลงานเดี่ยวที่ดัลมอ
แกลลอรี่ กรุงบาร์เซโลนา ซึ่ง ปิกัสโซ
ได้เดินทางมาชื่นชมด้วย ดาลีได้รับการแนะนำ
ให้รู้จักกับ อังเดร เบรตอง เจ้าลัทธิเซอร์เรียลิสต์
ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1924 เซอร์เรียลิสต์ในยุคแรกๆ
จะกีดกันความมีเหตุมีผล และหลักทางตรรกวิทยา
ด้วยความนิยมความไม่มีเหตุผล
ศิลปินจะได้รับการแนะนำ ไม่ให้ถ่ายทอด
ความบันดาลใจจาก ความเป็นจริง
ดาลีเข้ากลุ่มศิลปินเซอร์เรียลิสต์ในปี 1929
ในปารีส และในปีนั้นเองที่เขาแต่งงาน
กับ กาลา ในเดือนตุลาคม
.
ดาลี มีโอกาสได้จัดแสดงผลงาน
ในต่างประเทศหลายครั้ง
เขาจัดแสดงผลงานเดี่ยว
ที่ Zwemmer Gallery กรุงลอนดอน
ในสไตล์เซอร์เรียลิสต์ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่อง
ถึงการแสดงออก ทางการเมืองมากขึ้น
เขาสรรเสริญ ฮิตเลอร์ ความเอนเอียง
ในความนิยมระบอบราชาธิปไตยของเขา
ทำให้ถูกตำหนิ อย่างเป็นทางการจากกลุ่ม
เขาจึงยุติการร่วมกลุ่มเซอร์เรียลิสต์
ตั้งแต่บัดนั้น
.



ในปีเดียวกันนี้คือปี 1934
เขาได้ย่างเท้าก้าวแรก ลงบนแผ่นดินอเมริกา
และได้วาดภาพประกอบเมืองนิวยอร์ก
ลงบนหนังสือ The American Weekly
ถึงแม้ว่าเขาจะเลิกยุ่งเกี่ยว
กับกลุ่มเซอร์เรียลิสต์แล้วก็ตาม แต่เขายัง
เข้าร่วมงานนิทรรศการศิลปะ
เซอร์เรียลิสต์นานาชาติ ณ กรุงลอนดอน
.
ในปี 1937 ดาลีไปอิตาลี และที่นั่น
เขาได้รับอิทธิพลภาพวาดในยุคเรอเนสซองซ์
และ บาโรค มาด้วย ดาลีได้กลับไป
อเมริกาอีกครั้งในปี 1940
ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลก เพื่อตั้งถิ่นฐาน
ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และเริ่มทำชื่อเสียงในอเมริกาทันที
.
เขาเขียนหนังสือชื่อ " ชีวิตลับของ ซาลวาดอร์ ดาลี "
ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือ เดลี่ เพรส ของนิวยอร์ก
ซึ่งนำมาพิมพ์รวมเล่มในปี 1961
เขาเริ่มเขียนบทความ บทภาพยนต์
ควบคู่ไปกับการวาดภาพ
.



ดาลี เริ่มบุกรุกไปเปิดนิทรรศการครั้งใหญ่
ที่กรุงโตเกียว ในปี 1964-1965 นอกจากนี้
เขายังเริ่มวาดภาพประกอบ พระคัมภีร์ไบเบิ้ล !!
แต่มิใชว่า เขาไม่เคยทำงาน
เกี่ยวกับศาสนามาก่อน เขาเคยวาด
The Madonna of Port Lligat
และภาพ Christ of st.John of the Cross
ในปี 1942 และ 1951 ตามลำดับ
.
พ.ศ. 2532 ดาลี ก็เสียชีวิตลง
ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว รวมอายุได้ 85 ปี
.
ถึงแม้ว่า จะไม่มี ซาลวาดอร์ ดาลี อีกต่อไป
แต่ใครล่ะจะลืม ความเป็นศิลปิน ที่ซาบซ่าสุดแสบ
พลังอำนาจที่พวยพุ่ง ออกมาจากผลงานของเขา
ไม่ต้องให้สังคมมาบีบคั้น ไม่ต้องให้ความจน
มาบั่นคอ ไม่ต้องรอความพิการมากระตุ้น
กระทุ้งความเป็นอัจฉริยะออกมา
เพราะเขาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิด
ทั้งหมดนี้ เพราะเขาคือ ...
" ซาวาลดอร์ ดาลี Salvador Dali "
.....
มาดูผลงานของเขา กันครับ
ผมเอามาให้ดู คร่าวๆ น่ะครับ
เพราะมันเยอะมากเลย
ใครอยากเสพต่อ ก็เชิญเอาชื่อไปค้นหา ได้เลยนะ
ผลงานเขา มีมากมาย ก่ายกองเลย ครับ.



"Christ of st.John of the Cross"



Leda Atomica
หงส์ในภาพ เป็นสิ่งระลึก
ถึงจิตนาการบางส่วนในวัยเด็ก
ซึ่งเขาเคยใช้ช้อนส้อมขูดโต๊ะจนเป็นรูปหงส์
ถือได้ว่าเป็นรูปแรกในชีวิต
และผู้หญิงในภาพคือกาลา
เทพีผู้เป็นแรงบรรดาลใจของกลุ่มเซอร์เรียลลิสม์




dali voltaire
Soft Construction with Boiled Beans -
Premonition of Civil War, 1936
ถูกรังสรรขึ้น ในวาระเดียวกับที่
ปิกัสโซ่เขียนภาพ guernica




ภาพอาหารมื้อสุดท้าย



เกาะช้างยักษ์ใน One Piece
ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานของเขานะครับ

....
เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 7572
ที่อยู่: Chiangmai
โพสเมื่อ: Sun Mar 18, 2018 4:39 pm
[RE: เขาคือตำนาน... เขาคืออัจฉริยะ... หรือ .. " แค่คน บ้าหลุดโลก ".. !!]
เขาเป็นคนโปรดของผมเลยสมัยเรียนศิลปะ
ภาพที่เราชินตาที่สุดของ ดาลี คือภาพนี้ครับ
เข้าร่วม: 11 Jan 2011
ตอบ: 14489
ที่อยู่: สิ่ง เหล้ าห นี
โพสเมื่อ: Sun Mar 18, 2018 5:00 pm
[RE: เขาคือตำนาน... เขาคืออัจฉริยะ... หรือ .. " แค่คน บ้าหลุดโลก ".. !!]
ใครเคยอ่านงานของ อ.ฮารุโตะ อุเมซาว่า คงจะจำสองเรื่องนี้ได้
- BOYS มีไลฟ์เฮ้าส์ที่ชื่อ Dali
- หนุ่มโดนชิ่ง ซิ่งสายฟ้า ตาลุงที่เป็นช่างเครื่องให้พระเอก




ได้
เข้าร่วม: 11 Jan 2011
ตอบ: 14489
ที่อยู่: สิ่ง เหล้ าห นี
โพสเมื่อ: Sun Mar 18, 2018 5:09 pm
[RE: เขาคือตำนาน... เขาคืออัจฉริยะ... หรือ .. " แค่คน บ้าหลุดโลก ".. !!]
ถ้างานที่เกี่ยวข้องกับ ซัลลาดอร์ ดาลี ผมชอบภาพนี้นะ

โยนแมว - Lancer des chats



มันเหมือนมิติแรงโน้มถ่วงที่จะว่าไปมันก็เกี่ยวพันกับมิติเวลาที่ดาลีชื่นชอบอยู่นะ


ได้
เข้าร่วม: 11 Jul 2010
ตอบ: 40454
ที่อยู่: DD จงเจริ้ญ!!!
โพสเมื่อ: Sun Mar 18, 2018 5:41 pm
[RE: เขาคือตำนาน... เขาคืออัจฉริยะ... หรือ .. " แค่คน บ้าหลุดโลก ".. !!]
เสด็จพ่อดาลี
0
0

เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 6467
ที่อยู่: thailand, Land of smile
โพสเมื่อ: Sun Mar 18, 2018 5:53 pm
[RE]เขาคือตำนาน... เขาคืออัจฉริยะ... หรือ .. " แค่คน บ้าหลุดโลก ".. !!
ภาพพระเยซูตรึงกางเขนภาพแรกสวยมาก มีมิติเหมือนภาพพุ่งออกมาเลย มีมิติลึกเหมือนเสาสูงมาก
0
0



“However bad life may seem, there is always something you can do, and succeed at. While there’s life, there is hope” – The Theory of Everything (2014)
เข้าร่วม: 11 Jan 2009
ตอบ: 372
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Mar 18, 2018 7:36 pm
[RE: เขาคือตำนาน... เขาคืออัจฉริยะ... หรือ .. " แค่คน บ้าหลุดโลก ".. !!]
เพิ่งรู้จักหลังจากได้ดู La casa de papel (Money Heist)
0
0